ท่านแม่ทัพฉีมองอยู่ครู่หนึ่ง : “พักผ่อนเถอะ”
ท่านแม่ทัพฉีกลับไปก่อน ส่วนสามคนที่เหลือก็กลับเข้าห้องของตนเอง สวีกงกงชำเลืองตามองไปยังฝ่ายตรงข้าม จากนั้นก็กลับเข้าไปในห้องและยืนมองอยู่หน้าประตู คนที่มาปรนนิบัติรับใช้ได้กล่าวถามว่า : “กงกง นี่คือ?”
“ก็แค่ดูว่าพวกเขาทำสิ่งใด ไม่ใช่เรื่องเสียหายเสียหน่อย”
ผลลัพธ์กลับร้องไห้เป็นครึ่งค่อนคืน ร้องจนตาแดงก่ำ
“ใคร ๆ ก็ไม่ใช่อู๋ซัง อู๋หมิง เหตุใดเจ้า....” เฟิงอู๋ชิงอยากให้อู๋กั่วหยุดสร้างปัญหา แต่อู๋กั่วกลับยิ่งโหดร้ายมากกว่าเดิม
“แล้วมันเหมือนกับตรงไหนเล่า อู๋ซังเขาเป็นคนดี เขาปกป้องเจ้าได้ ไม่เคยทำร้ายใคร ส่วนอู๋หมิงเขาจะกลัวด้วยเหตุอันใด เขาเป็นหมอจะมีชื่อหรือไม่มีชื่อเสียงก็ไม่มีวันทำร้ายชีวิตของผู้อื่นเด็ดขาด!”
“แต่ข้าต่างหาก ที่ไม่มีสิ่งใดเลยสักอย่าง ไม่มีผลลัพธ์ แล้วเจ้าจะวางใจได้อย่างไร?”
อู๋กั่วโวยวายเช่นนี้ อาการป่วยของเฟิงอู๋ชิงที่เดิมทีคงที่แล้วกลับทรุดลงอีกครั้ง เขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วก็ทรุดลงทันใด หมอเทวดาเห็นดังนั้นก็ตระหนกตกใจ อาการอของเฟิงอู๋ชิงไม่มีท่าทีจะทุเลาแต่กลับร้ายแรงยิ่งขึ้น
“เร็วเข้า ไปเชิญพระชายาเย่มาเร็ว”
อู่ซังวิ่งไปเชิญฉีเฟยอวิ๋นอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงสวนดอกกล้วยไม้ก็ถูกลี่ว์หลิ่วขวางทางไว้ อู๋ซังบอกถึงเจตนารมณ์ที่มา ลี่ว์หลิ่วรีบเข้าไปรายงานทันที
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ใส่เสื้อคลุมยาวและเดินไปยังเรือนจวินจื่อ หนานกงเย่กลับเข้ามาและเดินเข้าไปนั่ง เขาพับขาลงข้างหนึ่ง จากนั้นก็ยกซุปโสมขึ้นดื่ม
ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีเวลามาสนใจหนานกงเย่ ช่วงนี้เขาดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี ตื่นขึ้นมาดื่มซุปโสมตั้งแต่เช้าตรู่โดยไม่กินข้าวกินปลา!
เมื่อมาถึงฉีเฟยอวิ๋นเริ่มตรวจอาการทันที นางตรวจสอบและนั่งลงด้านข้าง จากนั้นก็เปิดกล่องยาฉีดยาให้เฟิงอู๋ชิงก่อน : “ลี่ว์หลิ่ว เจ้าไปเชิญหมอประจำจวนโจวมาเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ” ลี่ว์หลิ่วรีบไปเชิญหมอประจำจวนโจวมาทันที ฉีเฟยอวิ๋นหยิบขวดยาออกมา และทำการการฉีดยาให้แก่เฟิงอู๋ชิงอีกครั้ง
เฟิงอู๋ชิงมองไปยังขวดยาขวดนั้น ของเหลวที่อยู่ภายในได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจ หญิงสาวอัปลักษณ์ผู้นี้เก่งเรื่องวิชามารด้วยเช่นนั้นหรือ?
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นอธิบาย : “ห้ามให้ตัวเย็น ห้ามโกรธ และห้ามดื่มเหล้าดื่มน้ำชาเด็ดขาด อาหารเย็นและเผ็ดร้อนก็ไม่ได้เจ้าค่ะ
อีกประเดี๋ยวหมอประจำจวนโจวก็มาถึง เขาจะอธิบายให้พวกเจ้าฟังเอง
เจ้าเป็นหมอเทวดาหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินเรื่องที่อวิ๋นจิ่นเอ่ยถึงหอทิงเฟิง พูดได้ว่ารู้จนทะลุปรุโปร่งเลยทีเดียว
หมอเทวดารีบเดินขึ้นหน้า : “ข้าเอง?”
“เมื่อหมอประจำจวนโจวมาถึง เจ้าจงจำในสิ่งที่เขาชี้แนะ เขาจะบอกได้ว่าควรต้องรักษาโรควัณโรคนี้อย่างไร โรคนี้จะหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่มีการบำรุงรักษา การรักษานั้นไม่ยาก เพียงแต่ต้องขอความร่วมมือกับเจ้าหอ ทั้งยังต้องการความตั้งใจของเขาด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ ขอบพระคุณพระชายาที่มาให้การช่วยเหลือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรข้ากับเจ้าหอเป็นสหายกัน อีกทั้งเจ้าหอก็เป็นท่านอาจารย์ของเสี่ยวอู่น้อยของข้า ..... ไม่สิ นับตั้งแต่วันนี้ไปไม่ใช่อีกแล้ว” ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางเฟิงอู๋ชิงที่นอนอยู่บนเตียง เมื่อเห็นเขาแสดงท่าทางแปลกใจ จึงตั้งใจกล่าวขึ้นว่า : “เมื่อวานข้าได้ปรึกษาหารือกับท่านอ๋องแล้ว เนื่องจากไม่อยากรบกวนเจ้าหอที่เป็นถึงท่านอาจารย์ของเรามาหลายชั่วอายุคน ท่านอ๋องจึงมีแผนการอื่น”
ความรู้สึกนี้เหมือนกับความรู้สึกที่หนานกงเย่เจอกับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าเฟิงอู๋ชิง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ
“ว่าอย่างไรเล่า? เจ้าหอไม่เหมาะสมเช่นนั้นหรือ?”
“ไมใช่....แค่รู้นึกว่า มันลำบากเกินไป ดังนั้นข้าและท่านอ๋องจึงตั้งใจวางแผนอื่น” ฉีเฟยอวิ๋นอธิบายด้วยน้พเสียงราบเรียบ
หนานกงเย่วางถ้วยชาในมือลง : “ข้าไม่กล้ารบกวนเจ้าหอหรอก เจ้าหอวางใจได้”
“วางใจหรือ?” เฟิงอู๋ชิงมองไปทางหนานกงเย่ด้วยสีหน้าดูหมิ่นอย่างมาก เรื่องที่เขาคิดได้คือหนานกงเย่ตามหาคนที่เก่งกาจกว่าเขาได้แล้ว
“เจ้าหอเฟิง แม้ว่าเจ้าจะอยากฆ่าคนของพระชายามากเพียงใด ทั้งยังยอมรับบุตรชายของข้าเป็นลูกศิษย์ได้ เรื่องนี้จะไม่ขัดแย้งกันและกันหรือ?”
“........”
เฟิงอู๋ชิงเงียบลงทันที ก็จริง!
อู๋กั่วคิดได้ว่ายังต้องค้นหาเรื่องราวของอาอวี่ จึงได้ร้อนใจ
“ของสิ่งนี้ข้ารู้เพียงแค่ว่ามันคือสายน้ำเกลือ นี่คือสายน้ำเกลือ นี่คือขวดยา นี่คือเข็มฉีดยา ปลายเข็มได้เจาะลงไปในเส้นเลือดที่อยู่ใต้เนื้อ เรียกวิธีการนี้ว่าการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ......”
หมอประจำนวนโจวบอกหมอเทวดาตามที่ตนเองได้เรียนรู้มา
เวลานี้ หมอประจำจวนโจวล้วนภูมิใจในตนเองมาก ที่ได้เจอะเจอกับคนเฉกเช่นพระชายา ได้เรียนรู้สิ่งของมากมายเช่นนี้ ช่างโชคดีมากเสียจริง
“หมอโจว ความหมายของท่านก็คือ ท่านเองก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งนี่คืออะไร สาเหตุที่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร นั้นเพราะพระชายาเย่บอกเจ้าใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง”
หมอเทวดาพยักหน้า เป็นอันเข้าใจ
หมอประจำจวนโจวดึงเข็มออกจากเฟิงอู๋ชิง หยิบหูฟังหมอของเขาออกมาตรวจให้กับเฟิงอู่ชิง หมอเทวดาแสดงสีหน้าตื่นเต้น พลางชี้ไปยังหูฟังของหมอในมือของหมอประจำจวนโจว และเอ่ยถามเสียงดังว่า : นี่คืออาวุธลับอะไรเนี่ย?”
หมอประจำจวนโจวมองไปทางหมอเทวดา ด้วยความเยาะเย้ยที่สะท้อนออกมาทางสายตา กบในกะลาจริง ๆ ไม่รู้หรือว่านี่คือสิ่งใด?
หมอประจำจวนโจวพอใจอย่างมาก นี่แหละน่ะหมอเทวดา คนอย่างหมอเทวดาไม่เข้าใจวิชาการแพทย์ของพระชายา
“นี่ไม่ใช่อาวุธลับ แต่เรียกว่าหูฟังหมอ ใช้ฟังเสียงอวัยวะภายในร่างกายของมนุษย์ เช่นเสียงหัวใจเสียงปอด.....”
หมอประจำจวนโจวจึงให้หมอเทวดาลองฟัง เพื่อพิสูจน์คำพูดของตนเอง หมอเทวดาตื่นเต้นดีใจอย่างมาก รีบฟังทันที หลังจากได้ฟังแล้วก็ยิ่งตื่นเต้นจนยากจะสงบจิตสงบใจได้ จนเกือบคุกเข่าลงไปทำความเคารพต่อหมอประจำจวนโจว ทำเอาหมอประจำจวนโจวตกใจจนต้องรีบเข้ามาประคองหมอเทวดาทันที
ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากรับหมอเทวดาเป็นลูกศิษย์หรอก แต่คนแบบหมอเทวดามาเป็นลูกศิษย์ ออกสู่โลกภายนอกจะดูน่าเกรงขามได้อย่างไร?
แต่หมอเทวดาเป็นคนอย่างไร หมอโจวเล็ก ๆ อย่างเขาจะต้องตื่นตระหนกมาแค่ไหน?
ก็คงต้องมอบให้แก่พระชายาแล้ว
หมอประจำจวนโจวกล่าวอย่างลำบากใจ : “หูฟังหมอไม่ใช่ของข้าหรอก เป็นของพระชายา แต่พระชายาทรงให้ของชิ้นนี้แก่ข้า นางต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนถึงจะมีได้ อายุอย่างเจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์ ครั้นเจอกับพระชายาก็ต้องเรียกนางว่าปรมาจารย์ ไม่สู้เจ้าเรียกพระชายาว่าอาจารย์ดีกว่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ