เฉินอวิ๋นเจี๋ยยืนอยู่ข้างหน้ารถม้า และจ้องไปที่ฉีเฟยอวิ๋นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ จากนั้นก็ตะโกนว่า:“มานี่!”
ฉีเฟยอวิ๋นแปลกใจ คนคนนี้บ้าหรือเปล่า?
ทำไมตระกูลเฉินถึงมีแต่คนบ้า?
ระหว่างนั้นมีรถม้าคันหนึ่งขับผ่านมา ฉีเฟยอวิ๋นจึงร้องตะโกน:“ระวัง!”
เฉินอวิ๋นเจี๋ยหันหลังกลับไปอย่างกะทันกัน ฉีเฟยอวิ๋นฝีเท้าเร็ว นางหายตัวไปในชั่วพริบตาเดียว
เฉินอวิ๋นเจี๋ยพบว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง จึงหันกลับมาในทันที และพบว่านางหายไปแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นเดินอย่างรวดเร็ว และไม่นานนางก็กลับมาถึงจวนอ๋องเย่ เมื่อเข้ามาแล้ว นางก็รีบวิ่งกลับไปที่สวนดอกกล้วยไม้
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในห้องและรีบปิดประตู นางปลอดภัยแล้ว
ถูกคนในตระกูลเฉินทำให้ตกใจกลัวเช่นนี้ ฉีเฟยอวิ๋นจึงสบประมาทตัวเองในขณะที่อาบน้ำ
เดิมทีก็คิดว่าไม่มีอะไรแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเฉินอวิ๋นเจี๋ยจะหาจวนอ๋องเย่พบ
พ่อบ้านรีบวิ่งมาจากด้านนอกและเคาะประตู:“พระชายา มีคนมาหาพระองค์พ่ะย่ะค่ะ!”
เดิมทีฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากลุกขึ้น นางจึงนอนลง แต่ไม่รู้ว่าใครกันที่มาหานางและนางก็ไม่รู้จัก
นางจึงลุกออกไปดู
ฉีเฟยอวิ๋นกระวนกระวายใจ นางดึงเสื้อคลุมที่อยู่บนฉากกั้นห้องมาสวม ซึ่งมันเป็นสีแดงสด
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นออกมาจากห้อง นางก็ถามว่า:“ใคร?”
“พระชายาเสด็จออกมาดูสิพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของพ่อบ้านดูลำบากใจ ได้ยินมานานแล้วว่าคุณชายสามของตระกูลเฉินชอบบุตรสาวของท่านแม่ทัพฉี และทั้งสองก็มีข่าวลือที่ไม่ค่อยดีนัก
ต่อมาเสนาบดีเฉินทูลขอให้ฝ่าบาททรงส่งตัวไปรับราชการที่อื่น โดยให้เฉินอวิ๋นเจี๋ยไปฝึกซ้อมที่ด่านชายแดนกับเฉินอวิ๋นเลี่ยบุตรชายคนโตของเขา ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เขามีความดีความชอบในการรบหลายครั้งหลายครา และกลายเป็นแม่ทัพที่ศัตรูได้ยินชื่อก็ต่างหวาดกลัว
ตระกูลเฉินเป็นขุนนาง และได้เป็นผู้บัญชาการทหารถึงสองคน ซึ่งล้วนแต่เป็นท่านแม่ทัพที่เป็นที่สรรเสริญของต้าเหลียง
เพียงแต่คุณชายสามของตระกูลเฉินก็เป็นคนที่ไม่ได้เรื่องได้ราว และเรื่องเหลวไหลในอดีตก็ไม่ได้น้อยหน้าพระชายาเลย
ในตอนแรกที่ทั้งสองคนอยู่ในเมืองหลวงก็เหมือนเป็นการประลองฝีมือ เมื่อพระชายาทำเรื่องที่ผิด คุณชายสามของตระกูลเฉินก็จะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นี่เป็นเรื่องที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกขบขัน
คุณชายสามของตระกูลเฉินเคยประกาศว่าจะแต่งงานกับพระชายาด้วย
แต่ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ และในตอนนี้คนผู้นี้ก็ปรากฏตัวขึ้น ช่างน่าปวดหัวเสียจริง
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปที่หน้าประตู และเมื่อเห็นคนที่อยู่ตรงหน้า นางก็รู้สึกประหลาดใจ
ตามมาถึงจวนเลยหรือนี่
“ฉีเฟยอวิ๋น เจ้ากลัวข้าขนาดนั้นเลยหรือ?” เฉินอวิ๋นเจี๋ยเข้ามาใกล้พร้อมกับถามด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว
ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมเข็มเงินขึ้นมาสองเล่ม หากอีกฝ่ายไม่เกรงใจ นางก็ทำได้เพียงฉีกหน้าอีกฝ่าย
แต่ฉีเฟยอวิ๋นคิดผิด คำพูดของเฉินอวิ๋นเจี๋ยนั้นเฉียบคม แต่แววตาของเขาที่มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นในตอนนี้นั้นกลับอ่อนโยนมาก
ทันใดนั้นเฉินอวิ๋นเจี๋ยก็ยิ้มและถามว่า:“เขาทำเสื้อคลุมนี้ให้เจ้าหรือ?”
ในเวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งพบว่านางสวมชุดสีแดง นางก้มลงมองและไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรพิเศษ ก็แค่เป็นสีแดงเท่านั้น
แต่เมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนั้น ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร นางจึงเงยหน้าขึ้นมองไปที่อีกฝ่าย และคาดว่าเจ้าของร่างเดิมคงก่อเรื่องไว้อีกแล้ว
เมื่อเฉินอวิ๋นเจี๋ยเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่พูด เขาจึงพูดว่า:“ถ้าหากเขาปฏิบัติไม่ดีต่อเจ้า เจ้าก็มาหาข้า คนอื่นอาจจะกลัว และข้าเฉินอวิ๋นเจี๋ยไม่กลัว!”
หลังจากพูดจบ เฉินอวิ๋นเจี๋ยก็โยนของบางอย่างลงตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นหยิบขึ้นมาดูตามสัญชาตญาณ มันคือปิ่นปักผมสีทอง
“เห็นมันก็เหมือนเห็นเจ้า เก็บไว้แล้วจะมีประโยชน์อะไร”
เสียงของเฉินอวิ๋นเจี๋ยดังมาจากรถม้าที่เพิ่งออกไป เมื่อฉีเฟยอวิ๋นมองไป รถม้าก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่ปิ่นปักผมในมือ แต่นางก็จำไม่ได้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร นางเอามือเกาหัวและหันหลังจะจากไป แต่เมื่อนางหันหลังกลับมา นางก็เห็นหนานกงเย่ยืนมองอยู่ไม่ไกล
ฉีเฟยอวิ๋นใจคอห่อเหี่ยวและหยุดชะงัก เมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาหนานกงเย่แล้ว นางก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
“วันนี้ไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ แต่พรุ่งนี้ต้องคัดลอกอีกสองเล่มนะ”
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า ขอเพียงแค่ได้นอนหลับ จะอย่างไรก็ได้
หนานกงเย่พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น:“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามพบปะกับชายอื่นเป็นการส่วนตัว มันจะทำให้ข้าขายหน้า”
“เพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นวางพู่กันลงและหาว
“ราตรีสวัสดิ์เพคะท่านอ๋อง” ฉีเฟยอวิ๋นถอนสายบัวและเดินไปที่ประตูด้วยความงุนงง จากนั้นก็เปิดประตูและจากไป
หนานกงเย่เดินไปดูลายมือของนาง และแปลกใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็เป็นคนคนเดียวกัน ทำไมลายมือถึงเปลี่ยนไปได้มากเช่นนี้?
ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปพักผ่อน นางฝันถึงซูมู่หรง ในฝันมีการต่อสู้กัน และนางก็รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ
หลังจากที่ตื่นขึ้นมา นางยังคงรู้สึกหดหู่ เกรงว่าทั้งชีวิตของนางคงจะไม่ได้เจอซูมู่หรงอีกแล้ว
วันนี้หนานกงเย่ยังต้องออกไปข้างนอก แต่ก่อนที่จะออกไป เขาก็มากินข้าวเป็นเพื่อนฉีเฟยอวิ๋นก่อน
ฉีเฟยอวิ๋นยังสงสัยว่าทำไมถึงมากินข้าวด้วยกัน มีเรื่องอะไรหรือไม่ และสุดท้ายก็มีจริง ๆ
หลังจากที่กินข้าวแล้ว หนานกงเย่ก็ให้นางไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปข้างนอก
ฉีเฟยอวิ๋นจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปข้างนอก เมื่อขึ้นไปบนรถม้าแล้ว หนานกงเย่ก็สั่งว่าไปที่ตระกูลจวิน ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้รู้ว่ายังจัดการเรื่องของพระสนมไม่เสร็จ จึงต้องไปจัดการให้เรียบร้อย
ระหว่างที่อยู่ในรถม้า นางรู้สึกไม่สบายใจ เพราะสำหรับนางแล้ว การไปที่ตระกูลจวินนั้นไม่ใช่เรื่องดี
และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือการพบกับจวินฉูฉู่
รถม้ามาถึงหน้าจวนของท่านราชครูจวินแล้ว หนานกงเย่ลงมาจากรถม้า และหันไปมองฉีเฟยอวิ๋นที่ออกมาจากด้านในรถม้า ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้หวังให้หนานกงเย่ยื่นมือมาช่วยประคอง นางเดินลงไปด้วยตัวเองและถือถุงผ้าอุ่นมือไว้ จากนั้นก็เดินไปข้าง ๆ หนานกงเย่
ในเวลานี้คนของตระกูลจวินก็ออกมาต้อนรับพวกเขาแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้น และในหมู่พวกเขาก็มีจวินฉูฉู่อยู่ในนั้นจริง ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ