องครักษ์ก้มหน้าและไม่พูดอะไร หนานกงเย่จึงถามว่า:“แน่ใจหรือ?”
เมื่อครู่ตอนที่หนานกงมาเย่มา เขาเห็นว่าองครักษ์มาขวางไว้ เดิมทีเขาคิดว่านางจะฟ้อง แต่เมื่อนางพูดเช่นนี้แล้ว กลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เมื่อครู่พวกข้าเพียงแค่พูดคุยกับพระชายาเท่านั้น” องครักษ์ไม่กล้าปิดบัง แต่ในใจย่อมรู้ผลของการปิดบังนี้ดี
หนานกงเย่ถามว่า:“พระชายาล่ะ?”
“เพียงแค่พูดคุยเท่านั้นเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นทำได้เพียงแค่ยอมรับ หากนางไม่ยอมรับ องครักษ์อาจจะถูกลงโทษเพราะกล่าวความเท็จ
แต่ถึงแม้ว่านางจะไม่ยอมรับ หนานกงเย่ก็สามารถลงโทษได้ เพราะกลั่นแกล้งนาง!
ฉีเฟยอวิ๋นรอให้หนานกงเย่ตำหนิ และในวินาทีต่อมาหนานกงเย่ก็มองไปที่องครักษ์:“ต่อไปโรงเก็บยาสมุนไพรนี้ให้พระชายาเป็นผู้ดูแล”
“พ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์หลีกทางไป หนานกงเย่จึงเข้าไปในโรงเก็บยาสมุนไพร และฉีเฟยอวิ๋นก็รีบตามเข้าไป
โรงเก็บยาสมุนไพรของจวนอ๋องเย่ มีขนาดใหญ่กว่าโรงเก็บยาสมุนไพรของจวนท่านแม่ทัพมาก มีสมุนไพรที่ราคาแพงค่อนข้างเยอะและครบครันกว่า
ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินมาว่าที่นี่มีสมุนไพรอันล้ำค่ามากมาย และนางก็อยากจะเข้ามาดูมาโดยตลอด แต่ทุกครั้งที่ถามเกี่ยวกับเรื่องสมุนไพรก็จะถูกบ่ายเบี่ยง นางจึงไม่มีโอกาส แต่เมื่อได้เข้ามาในวันนี้แล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ โรงเก็บยาสมุนไพรของจวนอ๋องเย่ช่างวิเศษจริง ๆ
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปที่กล่องเก็บยาและเปิดดูสมุนไพรที่อยู่ข้างใน นางหยิบขึ้นมาดม ช่างเป็นสมุนไพรชั้นเยี่ยมจริง ๆ
เพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมในป่า ฉีเฟยอวิ๋นจึงทำความคุ้นเคยกับสมุนไพรต่าง ๆ ในป่ามานานกว่าหนึ่งปี ดังนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับสมุนไพรเหล่านี้
ฉีเฟยอวิ๋นเลื่อนดูกล่องยา และเริ่มค้นหาสมุนไพรที่นางต้องการ บัวหิมะ หวงฉี พุทราจีน ไป๋เหอ เมล็ดบัว……
ไม่มีสมุนไพรล้ำค่าใดที่หาได้ยาก เมื่อมาอยู่ที่นี่แล้วนางจึงไม่ได้เกรงใจ
ฉีเฟยอวิ๋นหาสมุนไพรที่นางต้องการเจอแล้ว จึงไปหาสมุนไพรที่หาได้ยากที่นางไม่เคยเห็น
ฉีเฟยอวิ๋นเจอโสมคนขนาดใหญ่หนึ่งต้น ซึ่งดึงดูดความสนใจของนางมาก
ฉีเฟยอวิ๋นยืนใจลอยอยู่ตรงหน้าโสมคน โสมคนเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉีเฟยอวิ๋นได้เห็นโสมคนที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้
หนานกงเย่ถามว่า:“โสมคนสามารถเสริมความงามได้หรือไม่?”
“อืม โสมคนช่วยเสริมความงามได้ดีเลยทีเดียว แต่คนทั่วไปรู้เพียงแค่ว่ามันสามารถกินได้ แต่ไม่รู้ว่ามันสามารถใช้ภายนอกได้ด้วย”
“งั้นหรือ?”
น้ำเสียงของหนานกงเย่ค่อนข้างเหน็บแนม ฉีเฟยอวิ๋นรู้ดีว่าเขาไม่ได้เป็นคนใจกว้างเช่นนี้ และคงจะไม่เชื่อที่นางกล่าว
แต่นางไม่จำเป็นต้องอธิบายใด ๆ คนบางคนต้องอธิบายมากเกินไป สู้ไม่อธิบายเสียดีกว่า
หนานกงเย่เดินไปที่ข้าง ๆ ฉีเฟยอวิ๋น เขาได้กลิ่นหอมของหมีเตี๋ยเซียงบนตัวนางและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
ในตอนนี้หนานกงเย่รู้จักหมีเตี๋ยเซียงแล้ว มันคือสมุนไพรชนิดหนึ่ง ไม่เพียงแต่มีสรรพคุณทางยาที่ดีมากเท่านั้น แต่ยังมักจะถูกนำมาใช้เพื่อทำให้เคลิบเคลิ้มอีกด้วย
หากไม่ใช่เพราะในเวลานี้เข้าใจนางดีแล้ว เขาก็คงจะเข้าใจว่านางกำลังคิดมิดีมิร้ายและต้องการจะทำให้เขาเสียหาย!
หลังจากเงียบสงบอยู่ครู่หนึ่ง หนานกงเย่ก็บังคับให้ตัวเองได้สติ และออกมาจากภวังค์กลิ่นหอมของหมีเตี๋ยเซียง เขาก้มหน้าลงแล้วถามว่า:“คงไม่ได้จะนำกลับบ้านไปให้ท่านแม่ทัพฉีหรอกนะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นคิดไว้แล้วว่าเขาต้องถามเช่นนี้ นางจึงรีบตอบว่า:“แน่นอนว่าไม่ใช่เพคะ”
“งั้นหรือ?” หนานกงเย่เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างมีเลศนัย และแยกออกไปดูโสมพันปี:“หากเจ้าต้องการจะนำกลับไปที่จวนท่านแม่ทัพ เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูต่อท่านแม่ทัพฉี ข้าก็เห็นด้วยที่เจ้าจะกตัญญูกตเวที และสามารถมอบมันให้เจ้าได้”
เขาจะใจดีขนาดนั้นเชียวหรือ?ฉีเฟยอวิ๋นไม่เชื่อ!
“แม้ว่าจวนท่านแม่ทัพจะไม่ดีเท่าจวนอ๋องเย่ แต่ร่างกายของท่านพ่อยังคงแข็งแรงดีอยู่ โสมคนมีสรรพคุณในการบำรุงอย่างมาก ควรจะกินให้น้อย แต่หม่อมฉันก็หวังว่าท่านอ๋องจะประทานโสมคนให้แก่หม่อมฉัน เพื่อที่หม่อมฉันจะได้นำไปช่วยเสริมความงามให้กับพระพันปี”
“อ้อ!”
หนานกงเย่ขบขัน และหันหลังกลับไปนั่งลง
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ดีว่าเขาไม่ได้อัธยาศัยขนาดนั้น
แต่นางต้องการนำโสมคนต้นนี้ไปทำเป็นยา เพื่อให้พระพันปีทรงใช้จริง ๆ
โสมคนต้นใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ ถ้าหากนำไปทำเป็นก็คงจะใช้ได้สักระยะหนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นอ้อยอิ่งอยู่ครู่หนึ่ง และตัดสินใจที่จะลองพูดกับหนานกงเย่ดู
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองหนานกงเย่ และถามว่า:“ท่านอ๋อง หม่อมฉันต้องทำเช่นไร ท่านจึงจะมอบโสมคนต้นนี้หม่อมฉันเพคะ?”
“พระชายา เจ้าไม่รู้สึกกระดากอายจริง ๆ หรือ?” สีหน้าของหนานกงเย่ดูเย็นชา
“ท่านอ๋อง หากท่านไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไรเพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้คิดว่าหนานกงเย่จะตอบตกลงเรื่องนี้ พูดตามตรง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะขออะไรจากคนตระหนี่!
“แน่นอนว่าข้าเต็มใจ แต่ข้าจะนำไปถวายแก่เสด็จแม่ในวังด้วยตัวเอง” หนานกงเย่กล่าวอย่างราบเรียบ
“เช่นนั้นท่านอ๋องก็นำไปถวายเถอะเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้บีบบังคับ เมื่อถูกส่งเข้าไปในวังแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องมอบมันให้กับนาง
แต่ไม่เชื่อคำพูดของผู้ชายจะดีกว่า ก่อนที่จะเข้ามาเขาบอกกับองครักษ์ที่หน้าประตูอย่างชัดเจนแล้วว่าต่อไปจะให้นางดูแลโรงเก็บยาสมุนไพร นางจึงดีใจขึ้นมาเล็กน้อย เพียงแต่ในตอนนี้นางยังรู้สึกเสียดายโสมคนต้นนี้อยู่
ครั้งหน้านางจะไม่เชื่อเขาอีกแล้ว!
จากนั้นฉีเฟยอวิ่นจึงไปหาสมุนไพรอื่น ๆ แต่นางไม่ได้เอามามากนัก เพียงแค่จัดเตรียมและวางไว้
หนานกงเย่ลุกขึ้นและมองดู:“แค่นั้นหรือ?”
ไม่อยากได้โสมคนต้นนั้นแล้วจริง ๆ หรือ!
“อืม พอแล้วเพคะ อย่างอื่นที่ไม่มีหม่อมฉันค่อยไปหาเอา”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เพียงแต่ประหลาดใจ ทำไมจู่ ๆ คนเช่นนี้ถึงได้ใจร้ายและเย็นชานัก
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์เติบโตมาด้วยกันกับเขา เขาบอกว่าไม่สนใจก็จะไม่สนใจแล้วอย่างนั้นหรือ
อาอวี่มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“พระชายาทรงมีอะไรจะรับสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“อาอวี่ เจ้าไปที่จวนท่านแม่ทัพเดี๋ยวนี้เลย และบอกท่านแม่ทัพว่าเจ้าต้องการไปหาขวดสีขาวเล็ก ๆ ในห้องของข้า เจ้านำขวดนั้นกลับมาให้ข้า มีสมุนไพรล้ำค่าอยู่ในนั้น ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องไปบอกท่านแม่ทัพให้ได้นะ พรุ่งนี้ข้าว่างแล้วจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนเขา ให้เขากินอิ่มนอนหลับและหมั่นฝึกกายบริหารด้วย”
ฉีเฟยอวิ๋นกำชับจนอาอวี่งงงวย และเมื่อไปถึงจวนท่านแม่ทัพก็ยังต้องเกลี้ยกล่อมแม่ทัพฉีด้วย
แม้ว่าจะมีข้อสงสัย แต่อาอวี่ก็ไปจัดการ ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้จากไปไหน นางรอให้อาอวี่กลับมา
ระยะห่างระหว่างจวนอ๋องเย่กับจวนท่านแม่ทัพนั้นอยู่ไม่ไกล อาอวี่รีบออกไปและกลับมาอย่างรวดเร็ว ประการแรกคือฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับยานั้น และประการที่สองคือต้องการถามอาอวี่เกี่ยวกับสถานการณ์ของแม่ทัพฉี
เมื่ออาอวี่กลับมาแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็เดินออกไป
“เดิมทีท่านแม่ทัพฉีจะมาด้วยพ่ะย่ะค่ะ แต่ได้ยินว่ามีคนจากในวังมา ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้เขาไปเล่นหมากรุก ดังนั้นเขาจึงต้องเข้าไปในวังก่อน” อาอวี่นำขวดยาส่งให้นาง
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า:“ท่านพ่อของข้าเล่นหมากรุกไม่เป็น แต่สามารถพูดคุยเป็นเพื่อนฝ่าบาทได้ หรือว่าจะไปฝึกมาแล้ว ท่านพ่อได้รับความเมตตาจากฝ่าบาทมาตลอดหลายสิบปี ช่างน่าประทับใจจริง ๆ”
อาอวี่จ้องมองไปที่หนานกงเย่ พระชายาช่างประจบประแจงเสียจริง วิธีนี้ย่อมได้ผล!
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ดีว่าจักรพรรดิอวี้ตี้จะมีวันนี้ไม่ได้ หากปราศจากความจงภักดีของแม่ทัพฉี มันคือมิตรภาพหรือไม่นางไม่รู้ แต่การขึ้นครองราชย์จำเป็นต้องได้รับการพิจารณา!
แน่นอนว่าจักรพรรดิอวี้ตี้ย่อมมีวิธีของเขา!
“อาอวี่ เจ้าช่วยย้ายขวดโหลในห้องของข้าไปที่ห้องรับรองที มีเวลาไม่มากนัก ข้าต้องการสาวใช้ที่ละเอียดอ่อน คล่องแคล่วว่องไว หน้าตางดงามและซื่อสัตย์ เจ้าช่วยจัดการให้ข้าด้วย และเจ้าก็รออยู่ที่ห้องรับรอง คอยออกไปทำธุระให้ข้า” มีเวลาไม่มากแล้ว ฉีเฟนอวิ๋นเปิดขวดยาเพื่อตรวจสอบดู แล้วสั่งการอาอวี่
“พ่ะย่ะค่ะ”
อาอวี่ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่เขาก็ไปทำตามที่ฉีเฟยอวิ๋นสั่ง
หลังจากที่ฉีเฟยอวิ๋นสั่งการเรียบร้อยแล้ว นางก็ตามหนานกงเย่ไปที่ห้องโถงด้านหน้า
ระหว่างทางไม่มีการพูดคุยใด ๆ เมื่อเข้ามาแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็จัดแจ้งที่นั่ง หนานกงเย่นั่งตรงกลางห้องโถงด้านหน้า และนางก็นั่งข้าง ๆ หนานกงเย่
พื้นที่ของห้องโถงด้านหน้าค่อนข้างใหญ่ ฉีเฟยอวิ๋นใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อย และส่วนที่เหลือก็ยกให้หนานกงเย่
เหล่านักคำนวณต่างก็เห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นใจลอยตั้งแต่เริ่ม และลืมเรื่องทุกอย่างที่อยู่ในมือ
หนานกงเย่ต้องกระแอมสองครั้ง จึงจะทำให้ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกตัว
ทุกคนมองหน้ากันไปมาและก้มหน้าลง และเริ่มเข้าใจความคิดของท่านอ๋อง
พระชายาเปลี่ยนไป แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่สามารถชดเชยการกระทำที่เหลวไหลและชั่วร้ายก่อนหน้านี้ของนางได้ ท่านอ๋องไม่ได้ถือสาแล้วจริง ๆ หรือ
เหล่านักคำนวณต่างก้มหน้าลงและเริ่มทำงานต่อ ในขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นไปจัดการเรื่องของตัวเอง อาอวี่นำโต๊ะ เก้าอี้ ขวดโหล และสาวใช้อีกสองคนมาด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ