สองพ่อลูกกอดคอกันร้องห่มร้องไห้ ตอนจะจากไปก็ยังไม่วายกล่าวขอบคุณฉีเฟยอวิ๋นอีกสามครั้ง ฉีเฟยอวิ๋นไม่แม้แต่จะปรายตามอง
นางไม่ได้เย่อหยิ่งทระนงตน แต่ไม่อาจวางของที่อยู่ในมือลงได้ นางใช้พลังทั้งหมดที่มี กระทั่งมีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผาก นางกลัวว่าเม็ดเหงื่อนี้จะหยดลงในหม้อดิน เช่นนั้นทุกอย่างที่ทำมาเท่ากับศูนย์เปล่า
รอบตัวนางเงียบสงัด ในที่สุดฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกตัวว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ไม่มีใครมารบกวนนางจึงตั้งใจทำอย่างเต็มที่
แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร รอบตัวนางกลับมีคนเพิ่มขึ้นมา
หนานกงเย่หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้กับนาง ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้ามอง คิดว่าเป็นอาอวี่ : “อาอวี่ เจ้าช่วยรายงานท่านอ๋องให้ข้าด้วย วันนี้ข้าไม่กินมื้อค่ำ”
มือของหนานกงเย่ชะงักงันชั่วขณะ จากนั้นก็หันไปมองอาอวี่ ซึ่งอาอวี่ตัวสั่นโดยไม่มีสาเหตุ และรีบวิ่งออกไปด้านนอกทันที
หนานกงเย่มองไปยังด้านข้าง และเดินไปนั่งรอบนเก้าอี้
รอเช่นนั้นอยู่สองชั่วยาม ในที่สุดฉีเฟยอวิ๋นก็หยุดเคลื่อนไหว นางปล่อยมือด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะถอยร่นไปด้านหลังสองสามก้าวและนั่งลงบนเก้าอี้
ยังไม่ทันนั่งดี จู่ ๆ ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกใจสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ
จากนั้นก็ค่อย ๆ หันกลับไปมอง ครั้นพบคนที่กำลังมองนาง จึงรีบวิ่งลงมา
หนานกงเย่ลุกขึ้น และเอ่ยถามด้วยท่าทีไม่เป็นเดือดเป็นร้อน : “เสร็จแล้วหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงไปชั่วขณะ : “ท่านอ๋องมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ?”
“ข้าถามคำถามนี้หรือ?” หนานกงเย่เดินเข้าไปใกล้ ทั้งสองคนอยู่ห่างกันเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น หนานกงเย่สูงกว่าเกือบครึ่งศีรษะ ฉีเฟยอวิ๋นจึงรู้สึกเหมือนถูกบีบเค้นอย่างมหาศาล
นางถอยหลัง คิดอยากหนี เท้าเจ้ากรรมกลับเกิดอาการชาจนล้มลงไปบนพื้น สีหน้าของหนานกงเย่เคร่งขรึมลง ก่อนจะยื่นแขนข้างหนึ่งออกไปดึงตัวของฉีเฟยอวิ๋นไว้ กระทั่งฉีเฟยอวิ๋นเซล้มมาอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเย่ นางตกใจจนใบหน้าถอดสี หนานกงเย่โน้มตัวลงมาอุ้มนางไว้
“ท่านอ๋อง...”
“เงียบปาก!”
เมื่อเห็นปากขนาดเล็กนั้นบ่นพึมพำไม่มีหยุด เขาจึงรู้สึกไม่พอใจ เหนื่อยขนาดนี้ยังคิดหนี รนหาที่ตายโดยแท้!
ฉีเฟยอวิ๋นถูกอุ้มออกไป ยามนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว
นอกห้องโถงด้านหน้ายังมีองครักษ์จำนวนมาก ครั้นเห็นฉีเฟยอวิ๋นถูกหนานกงเย่อุ้มออกมา ก็อดตะลึงไปชั่วขณะไม่ได้ ในเวลาเดียวกันก็ทยอยกันก้มหน้าลงไม่หันไปมอง
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าว : “ข้าเดินเองได้ ได้โปรดท่านอ๋องปล่อยข้าลงเถอะเจ้าค่ะ!”
ฉีเฟยอวิ๋นพยายามข่มใจที่เต้นรัว และเอ่ยขอร้องออกไป
หนานกงเย่หยุดชะงักฉับพลัน กางมือเตรียมจะโยนฉีเฟยอวิ๋นลงพลางเอ่ยถาม : “ให้ข้าปล่อยมือทันทีใช่หรือไม่?”
ฉีเฟยอวิ๋นตกใจจนดึงเสื้อผ้าของหนานกงเย่ไว้ ร่างกายจึงแนบชิดกันในทันที
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ”
หนานกงเย่ดึงมือกลับมาตามเดิม และอุ้มฉีเฟยอวิ๋นเดินต่อไป
ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้ากล่าวสิ่งใด หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกหนานกงเย่โยนนางลงไปบนพื้น อยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเย่อย่างว่านอนสอนง่าย
ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป ฉีเฟยอวิ๋นก็ถูกวางลงบนเตียง หนานกงเย่จึงเดินไปปิดประตู
ฉีเฟยอวิ๋นรีบลุกขึ้นมา จนเกือบเซล้ม
ในตอนที่หนานกงเย่หมุนกลับมาตัวนั้น ฉีเฟยอวิ๋นนั่งอยู่ข้างเตียงแล้ว นางค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
หนานกงเย่เอ่ยถาม : “ขาเป็นอะไร?”
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้า : “ไม่ทราบเจ้าค่ะ”
ครั้งนี้พวกเขาต่างเคร่งเครียดมาก หนานกงเย่เองก็สังเกตเห็นเช่นเดียวกัน ขาของฉีเฟยอวิ๋นเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะยืน
เรื่องที่อาซิวปล่อยหนอนไหมพิษก่อนหน้านั้นก็ได้ปรากฏขึ้นมาในสมองของหนานกงเย่ เขาหมุนตัว และตะโกนออกไป : “อาซิวอยู่ไหม?”
อาอวี่หยุดชะงักไปชั่วขณะ และกล่าวว่า : “สองวันมานี้เขาเอาแต่ตัดฟืนอยู่ในลานหลังจวนตลอด ไม่ออกมาอีกเลยเจ้าค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นเองก็รู้สึกว่าไม่ใช่อาซิว นางรู้สึกชาที่ขาจนไม่กล้าขยับ
ฉีเฟยอวิ๋นจึงถอยหลังไปนั่งบนเตียงดี ๆ และหยิบเข็มเงินสองสามเล่มออกมา จากนั้นทำการฝังเข็มให้ตัวเอง
ครั้นฝังลงไปสองเข็มแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงรู้สึกดีขึ้นมาก
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
ครั้นรู้เรื่องของนาง หนานกงเย่จึงเอ่ยถาม
ฉีเฟยอวิ๋นทอดถอนใจ : “ร่างกายไม่ค่อยดีนัก ยืนนานเกินไปก็ทนไม่ไหว ขาเริ่มชา แต่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง”
หนานกงเย่ชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นหมุนตัวไปเดินไปนั่งข้างกายของฉีเฟยอวิ๋น มือทั้งสองข้างวางบนตักและถามว่า : “ไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่หรือไม่?”
“อื้อ ไม่เป็นไร ขอบพระคุณในความห่วงใยของท่านอ๋องเจ้าค่ะ!” ฉีเฟยอวิ๋นกลับนิ่งสงบลงมากขึ้น พลางจ้องมองขาทั้งสองข้างอย่างเหม่อลอย
เพื่อที่บำรุงพระพักตร์ของพระพันปีจึงยอมทุ่มสุดตัว ยืนนานจนเกือบจะต้องเสียขา ที่แห่งนี้ไม่ควรเข้ามายุ่งเลยจริง ๆ
ฉีเฟยอวิ๋นเสียใจมาก วันนี้ไม่ว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด นางจะต้องพาท่านพ่อหลบหนีออกไปให้จงได้
“ไม่เป็นไรแล้วเศร้าเนื่องด้วยเหตุใด?” หนานกงเย่เห็นใบหน้าที่เศร้าหมองของนาง จึงอดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่เป็นไรแต่ยังทอดถอนใจ?
หนานกงเย่กินคำหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นกินสองคำ มองไม่ออกว่ากระวนกระวายแต่อย่างใด
ฉีเฟยอวิ๋นกินเสร็จก็วางตะเกียบลง และกล่าวว่า : “ท่านอ๋อง ข้ากินเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
“อื้อ”
หนานกงเย่วางตะเกียบในมือลง ถือว่ากินอาหารมื้อนี้แล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองตามองไปยังถ้วยของหนานกงเย่ที่ยังคงสะอาดเหมือนกับในตอนแรก แม้จะเป็นคน ๆเดียวกัน แต่ฉีเฟยอวิ๋นก็ยังใคร่สงสัย หนานกงเย่คนนี้จะเติบโตมากับความไม่มีจะกิน
กินอาหารเพียงแค่สามคำ เป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่กินปริมาณแค่นี้!
ฉีเฟยอวิ๋นหมดคำกล่าว
ในระหว่างที่คนรับใช้กำลังเก็บถ้วยตะเกียบนั้น หนานกงเย่ก็ได้ออกคำสั่งให้เตรียมน้ำในอ่าง ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมตัวสักครู่ และเข้าไปอาบน้ำ
นางเคยชินแล้ว ในตอนที่ถอดเสื้อผ้าขอแค่หนานกงเย่หันหน้าไปอีกด้านก็พอ
ประการที่หนึ่งเพื่อความปลอดภัย ประการที่สองถ้าหนานกงเย่มีความคิดทำนองนั้น นางจะได้ชนกำแพงตายไปเลย
หลังจากที่นั่งลงในอ่างอย่างสบายอารมณ์ ฉีเฟยอวิ๋นได้เอ่ยกระซิบ มือของหนานกงเย่ค่อย ๆ กุมกันอย่างช้า ๆ จากนั้นก็หมุนตัวไปยังทิศทางของอ่าง ความรู้สึกเคร่งเครียดได้กระทบบางส่วนของร่างกาย แม้แต่ลมหายใจก็ยังติดขัดมากขึ้น
เขาไม่ใช่คนดี แต่ครั้นต้องเผชิญหน้ากับความน่าดึงดูดของฉีเฟยอวิ๋น หากเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง คงผิดปกติ!
หากเป็นปกติ แล้วเหตุใดในอดีตถึงไม่มี?
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นหนานกงเย่ยังไม่ออกไป จึงได้หมุนตัวและหันหลังให้แก่หนานกงเย่ นางไม่เคยคิดที่จะอาบน้ำกับผู้ชาย
นัยน์ตาของหนานกงเย่วูบไหว แผ่นหลังของฉีเฟยอวิ๋นเด่นชัดอยู่ในสายตา ไอน้ำที่ระเหยออกมาค่อยฟุ้งกระจาย หยดน้ำที่ไหลกลิ้งจำนวนมากก็งดงามราวกับเป็นอัญมณีล่ำค่า
หนานกงเย่เมินหน้าไปทางอื่น : “ดีขึ้นไหม?”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าว : “ข้ามีความสุขมาก”
“ไม่ต้องรีบ!”
ฉีเฟยอวิ๋นชะงักทันใด ก่อนจะหันไปมองหนานกงเย่ที่ไม่ยอมมองนางอยู่บนเตียง แต่กลับชื่นชมไม่น้อย อย่างน้อยก็ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้าง รู้ว่าอะไรควรมองอะไรไม่ควรมอง
เพียงแต่น่าเสียดาย เจ้าของร่างเดิมทำตัวตัวไร้สาระ ไม่เช่นนั้นบางทีอาจจะยังมีโอกาส
ฉีเฟยอวิ๋นยื่นมือออกไปหยิบเสื้อผ้าบนอ่าง เตรียมจะลุกขึ้น
แต่แล้วจู่ ๆ ก็เหมือนมีเสียงลมดังมาจากด้านนอก ฉีเฟยอวิ๋นได้สติพลางหันกลับไปมอง หนานกงเย่พุ่งตัวไปดึงฉีเฟยอวิ๋นไว้ จากนั้นก็พานางขึ้นจากอ่าง ถอดเสื้อคลุมบนตัว และห่อหุ้มทั้งสองคนไว้ด้วยกัน ขาทั้งสองข้างของหนานกงเย่ดันอยู่บนฉากกั้น ร่างของฉีเฟยอวิ๋นอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเย่ ในตอนที่เงยหน้า หนานกงเย่หันหน้าไปทางฉากกั้น และฟังเสียงเปิดประตู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ