ยิ่งกว่านั้นลมแรงหิมะหนาวเหน็บอวิ๋นหลัวฉวนก็อยู่ที่นี่ด้วย องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ทรงกุมมืออวิ๋นหลัวฉวนแล้วทรงตรัสว่า: "เราไปกันก่อนเถอะ"
ทั้งสองกลับไป คนอื่นๆก็เห็นหนานกงเย่และรู้สึกว่าแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในวันนี้ก็ไม่สามารถได้พบ ยิ่งกว่านั้นคนเขาสามีภรรยาพบหน้ากัน หากว่าพวกเขาเข้าไปก็จะไม่สนุกเสียแล้ว
สามีภรรยาไม่ได้พบกันมานานหลายปีแล้ว เมื่อเจอหน้ากันก็ต้องมีเรื่องพูดคุยกันมากมายจึงจะถูก
รถม้านอกประตูจากไปกันเรื่อยๆ ส่วนหนานกงเย่ก็เข้าไปในลานเรือนแล้ว
หนานกงเย่ไปถึงในลานเรือนแล้วก็เหลือบมองหน้าประตู มีคนผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูซึ่งดูซื่อๆไร้เลห์เหลี่ยม
พญาหมาป่าและนางพญาหมาป่าก็อยู่ด้วย
เมื่อเห็นหนานกงเย่พญาหมาป่าก็เดินไปยังตรงหน้าหนานกงเย่แล้วเงยหน้าขึ้นมอง หนานกงเย่จึงกล่าวว่า: "เรียกนางออกมา บอกว่าข้ามาแล้ว"
พญาหมาป่ามองหนานกงเย่ราวกับว่ากำลังพิจารณาว่าจะทำตามคำพูดของเขาหรือไม่
แต่พญาหมาป่าเหลือบมองที่ขาของหนานกงเย่ซึ่งถือว่าให้เกียรติเขาแล้วกระมัง จากนั้นหันหลังกลับเข้าไปด้านในเรือน
ไม่นานพญาหมาป่าก็ออกมา จากนั้นก็ปีนลงจากตรงหน้าประตู
เดิมทีเฮ่าเทียนยังรู้สึกว่าท่านปู่ของเขาสง่างามยิ่งนัก แต่ตอนนี้กลับดูแคลนเล็กน้อยและก็ใช้ไม่ได้
“ท่านปู่ นางจองหองเช่นนี้ข้าจะไปดูสักหน่อย”
เฮ่าเทียนจะไปคิดบัญชีกับฉีเฟยอวิ๋น ท่านปู่มานางก็ไม่ออกมาต้อนรับซึ่งใช้ได้ที่ใดกัน
หนานกงเย่มองไป: "ห้ามเจ้าไปนะ อย่าได้ทำให้นางขุ่นเคือง นางรับมือยาก!"
เฮ่าเทียนมองไปด้วยใบหน้าเล็กๆอันงุนงง ยังมีผู้ที่ท่านปู่ไม่สามารถทำให้โกรธเคืองได้หรือ?
อามู่รู้ว่าหนานกงเย่มาแล้วจึงได้รีบเดินออกไปแล้วกล่าวอย่างร้อนรนว่า: “ท่านพ่อ”
“ท่านแม่ของเจ้าหล่ะ?” หนานกงเย่ในเวลานี้พูดราวกับว่าตกใจโดยที่อามู่นั้นกลับแปลกใจ ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะไม่ไหวแล้วเหตุใดตอนนี้จึงไม่เหมือนเดิมแล้ว?
“ท่านพ่อ อาการท่านดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
หนานกงเย่กล่าวว่า: "ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ดีขึ้นมากแล้ว พาข้าเข้าไป"
หากว่าอามู่ไม่ออกมาหนานกงเย่รู้สึกอยู่ตลอดว่าเข้าไปไม่ค่อยเหมาะ แต่ว่าเข้าไปตอนนี้นั้นดีแล้ว
อามู่เข็นหนานกงเย่เข้าไปแล้วกล่าวว่า: "ท่านแม่ไม่พอใจเรื่องเฮ่าเทียน ท่านพ่อระวังตัวด้วย!"
เฮ่าเทียนเหลือบมองซึ่งไม่พอใจยิ่งนัก: "ข้าก็ไม่ได้ทำสิ่งใด"
“เจ้ายังจะกล่าวอีก หุบปาก!” อามู่ไม่พอใจ เฮ่าเทียนจึงดึงหนานกงเย่ในทันที หนานกงเย่ในเวลานี้ยังคงโกรธจัดอยู่
“เจ้าอย่าได้ว่าเทียนเอ๋อร์” หนานกงเย่ออกคำสั่งและแน่นอนว่าอามู่ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีก
เฮ่าเทียนเหลือบมองอามู่อย่างอารมณ์ดีและเดินตามท่านปู่เข้าไป
อามู่เหลือบมองลูกชาย รอก่อนเถอะ
เมื่อถึงด้านในห้อง ฉีเฟยอวิ๋นนั้นเพิ่งไปดูหลานทั้งสองพอออกมาก็เห็นหนานกงเย่นั่งอยู่บนรถเข็น ผมขาวดังหิมะและใบหน้าก็ไม่ค่อยแข็งแรงนัก ไม่รู้ว่าด้านนอกหนาวเกินไปหรือว่ากินยาแล้วเลือดลมเดินสะดวก หน้าแดงของเขาไม่แดงแต่ก็ไม่ซีดซึ่งดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่!
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วเฮ่าเทียนกล่าวขึ้นก่อนว่า: “ท่านปู่ ท่านย่าผู้นี้ที่ไม่ดีกับข้า ข้าเห็นนางก็ไม่ดีกับท่านปู่ เทียนเอ๋อร์จะทำให้นางเสียโฉม ภายหน้านางก็จะไม่กล้าจองหองเช่นนี้แล้ว"
เด็กอายุสามขวบกล่าวคำพูดที่สามารถทำให้คนตกใจกลัวจนอ้าปากค้างได้ ตอนนี้อามู่ไม่สนใจสิ่งอื่นอีก ดึงเฮ่าเทียนและทุบตีเขาจนกลิ้งล้มลงไปบนพื้น
แต่เฮ่าเทียนเป็นเด็กที่ไม่สงบจิตสงบใจมาตั้งแต่เกิด ถูกทุบตีก็ไม่กลัวเพียงแต่ว่าจะต้องทวงความยุติธรรมให้ตนเอง
ล้มตัวลงนอนไม่ลุกขึ้นจากนั้นก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นมา
หนานกงเย่มองไปด้วยใบหน้าหมองหม่น: "อุ้มมาให้ข้า"
อามู่ทำสิ่งใดไม่ถูก เป็นท่านที่ตามใจจนกลายเป็นลักษณะใดไปแล้ว
อามู่กำลังจะอุ้มขึ้นฉีเฟยอวิ๋นสีหน้าหมองลง: "ข้าจะดูว่าใครกล้า?"
อามู่ถอยกลับไป ตอนนี้ดีแล้ว รอก่อนเถอะ ใครก็หนีไม่พ้นแล้ว
หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋นโดยไม่กล้ากล่าวสิ่งใด
ทันทีที่ทั้งสองคนพบหน้ากันก็โกรธเคืองกันและกัน ใครมองใครก็ไม่รื่นตา
“ท่านดูเด็กๆที่ฮองเฮาอบรมสั่งสอนออกมาแล้วท่านลองดูตัวท่าน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปไม่ว่าจะเป็นลูกใครห้ามไม่ให้ท่านเลี้ยงเพื่อไม่ให้ท่านเลี้ยงเสียคน ชื่อของเฮ่าเทียนสามารถเก็บเอาไว้ได้แต่ต้องมีชื่อเล่น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเรียกว่าฮู่กั๋ว หากว่าเขาไม่เรียกข้าก็จะให้ท่านออกไป ท่านก็ไม่จำเป็นต้องอยู่”
หนานกงเย่เหลือบมองเฮ่าเทียนผู้น่าสงสาร: "ฮู่กั๋วก็ฮู่กั๋ว แต่ว่าชื่อนี้ดูคร่ำครึไปหน่อยรอให้เติบใหญ่แล้วค่อยใช้ก็ยังไม่สาย ตอนนี้อย่าเพิ่งเรียกเลย"
“หนานกงเย่……” ฉีเฟยอวิ๋นสีหน้าย่ำแย่ยิ่งนัก
หนานกงเย่ไม่เด็ดขาด: "เรียกเถอะ ฮู่กั๋วก็ฮู่กั๋ว"
หนานกงเย่เหลือบมองหลานชายที่อยู่ข้างหลังเขา: “เทียนเอ๋อร์ ต่อจากนี้ไปเจ้าเป็นฮู่กั๋วแล้วจะต้องเชื่อฟัง มิเช่นนั้นท่านย่าของเจ้าจะขับไล่พวกเราออกไปเสียแล้ว ท่านย่าของเจ้าช่างเก่งกาจยิ่งนักวิทยายุทธนั้นล้ำเลิศ ท่านปู่ตามหานางมาหลายปีก็หาไม่พบ”
เฮ่าเทียนฉลาดเฉลียว หนานกงเย่ชอบความฉลาดของเด็กคนนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของท่านปู่เฮ่าเทียนก็เดินไปโค้งคำนับแสดงความนับถือต่อฉีเฟยอวิ๋นทันที: "ปกติหลานมักจะไม่เชื่อฟังและทำให้ท่านย่าขุ่นเคืองมากมายยังขอให้ท่านย่าอย่าได้ถือโทษโกรธเคือง"
ผู้ที่ท่านปู่ยังเกรงกลัวจะต้องร้ายกาจนักและไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้อีกเป็นธรรมดา
ฉีเฟยอวิ๋นก็ถือว่าพอใจในตัวเด็กคนนี้ มองดูอย่างประหลาดใจครู่หนึ่งแล้วถามว่า: "เหตุใดถึงได้เชื่อฟังได้รวดเร็วเช่นนี้?"
เฮ่าเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: "ท่านปู่เป็นสำคัญ"
“……” ฉีเฟยอวิ๋นตะลึงครู่หนึ่งจากนั้นมองไปยังหนานกงเย่และคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “เช่นนั้น คำว่าฮู่กั๋วสองคำนี้เจ้าจำเอาไว้ในใจก็พอแล้ว
ท่านปู่ของเจ้าจงรักภักดีต่อบ้านเมืองทั้งชีวิต หวังว่าเจ้าก็เช่นเดียวกัน "
"ขอรับ"
เฮ่าเทียนถอนหายใจโล่งอก ที่แท้จุดอ่อนของท่านย่าก็คือท่านปู่
เช่นนั้นก็จัดการได้ง่ายแล้ว!
หมายเหตุ
ฮู่กั๋ว มีความหมายว่า ปกป้องบ้านเมือง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ