เฮ่าเทียนกล่าวว่า “ท่านปู่สุขภาพไม่ดี ป่วยเรื้อรังรักษาไม่หายมานานหลายปี นอกจากนี้ยังคิดถึงท่านย่าเหลือเกิน หวังว่าท่านย่าจะไม่จากไปอีกนะขอรับ”
อามู่เดินกลับมาและเห็นว่าลูกชายตื่นแล้ว ส่วนเตาถ่านก็ถูกยกออกไปแล้ว อามู่ยืนมองลูกชายอยู่ข้างๆ และนึกสงสัยว่าเหตุใดเด็กคนนี้จึงฉลาดนัก
ฉีเฟยอวิ๋นเองก็รู้สึกว่าเหมือนกันว่าในภายภาคหน้า เด็กเฮ่าเทียนคนนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นความสุขุมหรือความสามารถในการปรับตัวเขาก็มีพร้อม
“เจ้ามีสติปัญญาปราดเปรื่อง แต่อย่าให้ความฉลาดมาทำร้ายตัวเองล่ะ จะไปเล่นก็ไปเล่นเสีย หรือเจ้าจะอยู่ที่นี่ก็ได้ ให้พี่ของเจ้าพาเจ้ามาด้วย สองวันนี้พี่ของเจ้าต้องอยู่เรียนที่นี่ เจ้ามากับเขาก็แล้วกัน
เฮ่าเทียน เจ้าต้องจำไว้ให้มั่นนะ ในภายภาคหน้าหากเจ้าทำเรื่องไม่ดีหรือเรื่องที่เลวร้าย คนที่ต้องรับผลกรรมก็คือท่านปู่ของเจ้า” ฉีเฟยอวิ๋นเตือนเฮ่าเทียน
เฮ่าเทียนเม้มริมฝีปากเพราะไม่ค่อยเข้าใจนัก
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าเฮ่าเทียนไม่เข้าใจ จึงบอกว่า “ย่าดูโหงวเฮ้งเป็นเหมือนกัน ย่าดูแล้วว่าลักษณะอย่างเจ้า ต่อไปในภายภาคหน้าจะต้องได้ดีแน่นอน ยิ่งเจ้าฉลาดอย่างนี้ ต่อไปเจ้าจะต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่เหมือนท่านปู่ของเจ้า
แต่ถึงจะยิ่งใหญ่ ก็ใช่ว่าจะเป็นเหมือนท่านปู่ของเจ้าที่มีความสามารถในการดูแลโลกหล้าได้
ความยิ่งใหญ่ของเขาไม่ใช่การที่เขามีความสามารถ ไม่ใช่ทักษะการต่อสู้ และไม่ใช่สติปัญญาของเขา
ความยิ่งใหญ่ของเขามาจากความมุ่งมาดปรารถนาภายในใจ ท่านปู่ของใส่ใจโลกหล้า พร้อมใจที่จะสละชีวิตเพื่อโลกใบนี้ ทุกสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่าผู้อื่นจะพูดอย่างไร ในใจของเขาก็มีแต่โลกใบนี้เท่านั้น
โลกที่เป็นอยู่ในตอนนี้คือสิ่งที่ท่านปู่ของเจ้าต้องเสียสละช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับย่าเพื่อให้ได้มันมา”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหนานกงเย่นิดหนึ่งและกล่าวว่า “นอกจากนี้ ถ้าท่านปู่ของเจ้าเป็นคนที่เจ้าใส่ใจมากที่สุด เมื่อเจ้าทำเรื่องไม่ดี เป็นเรื่องที่ไม่ดีมากๆ เจ้าจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก เพื่อจะให้เจ้ารอดจากการลงโทษ ท่านปู่ของเจ้าซึ่งเอาใจใส่เจ้ามากที่สุดจะเป็นคนรับโทษแทนเจ้า
บางทีเขาอาจจะป่วย ร่างกายอาจจะเสื่อมสลาย... อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”
เฮ่าเทียนเม้มริมฝีปาก เขาขยับเข้าไปใกล้หนานกงเย่และกล่าวว่า “ข้าจะไม่ทำเรื่องไม่ดี”
“หวังว่านะ” ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่ สีหน้าของเขาดูแย่มาก
“เหตุใดท่านจึงพูดเรื่องนี้กับเขา เขายังเด็กนัก แค่เพียงคำพูดไม่ได้ช่วยอะไร ท่านจะขู่ไปทำไมกัน” หนานกงเย่กอดเฮ่าเทียน รู้สึกกลัวฉีเฟยอวิ๋นสามส่วน ไม่พอใจสามส่วน อีกสี่ส่วนคือเกลียดเข้ากระดูกดำ
ทันทีที่กลับมาก็พูดจาเหลวไหล ช่างไร้มโนธรรมยิ่งนัก!
ฉีเฟยอวิ๋นหน้าบึ้ง “สิ่งที่ท่านเคยใส่ใจมากที่สุดคือข้า แม้ว่าท่านจะรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งเดียว แต่ท่านกลับสังหารผู้คนจำนวนมาก พระเจ้าทำให้ท่านเดินไม่ได้ ทำให้ท่านหาข้าไม่เจอ นี่ไม่ใช่การลงโทษหรอกหรือ ท่านจำได้หรือไม่ ตอนนั้นท่านชี้ไปที่ท้องฟ้าและเอ่ยคำพูดที่น่าเชื่อถือ ฟ้าไม่ผ่าหรืออย่างไร
พระเจ้าอยากจะผ่าท่านเป็นส่วนๆ ถ้าไม่ใช่เพราะชะตาฟ้าลิขิต ท่านคงตายไปนานแล้ว”
“ท่านพูดเช่นนั้นคือท่านโกรธข้างั้นหรือ” หนานกงเย่พูดได้เพียงเท่านั้น
“ทำไมจะไม่โกรธล่ะ!” ฉีเฟยอวิ๋นพูดจบก็หันไปถามเฮ่าเทียน “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าพูดอะไร”
“รู้ ท่านย่าบอกว่าข้ายังเด็กแต่กลับมีจิตใจชั่วร้าย ถ้าไม่สั่งสอนอย่างเข้มงวด ไม่แก้ไขให้ถูกต้อง ในภายภาคหน้าจะกลายเป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะ แต่ท่านปู่อยากให้ข้ากลายเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ท่านย่าอยากให้ข้ามีชีวิตอย่างสุขสบาย”
“เจ้าฉลาดจริงๆ ฉลาดเหมือนกับท่านปู่ของเจ้าเลย อายุแค่นี้แต่เหตุใดจึงฉลาดนักนะ” ฉีเฟยอวิ๋นไม่เข้าใจเลยจริงๆ
เฮ่าเทียนบอกว่า “ไม่รู้”
“เอาจริงนะ เข้าใจละ เจ้าอยู่กับท่านปู่ของเจ้าไปเถิด โตไปจะได้ฉลาดปราดเปรื่อง เป็นความผิดของข้าอีกแล้ว
โชคดีที่ท่านปู่ของเจ้ามีชีวิตอยู่ได้นานกว่าสองร้อยปี ดูแล้วเจ้าก็คงไม่เป็นไรหรอก”
หนานกงเย่กัดฟันกรอด “ท่านยังมีหน้ากลับมาอีก ข้าตามหาท่านมาเนิ่นนาน พลิกหาท่านไปทั่วแผ่นดิน ข้ากลัวว่าท่านจะจากไป กลัวว่าท่านจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว”
หนานกงเย่น้ำตาไหลริน ฉีเฟยอวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกอดหนานกงเย่ “ข้าเองก็อยากกลับมาเหมือนกัน พวกนางโยนข้าทิ้งไว้ในหุบเขา หันไปทางไหนก็มีแต่ภูเขาสูงตระหง่านเทียมเมฆ ข้าอยากจะออกมา แต่ออกมาได้ที่ไหนกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะคนใบ้เข้ามาหาสมุนไพรแล้วตกลงมาจากภูเขา มีหรือที่ข้าจะออกมาได้”
ฉีเฟยอวิ๋นผละออกจากหนานกงเย่และมองเขา หนานกงเย่ถามว่า “โยนท่านลงในหุบเขางั้นหรือ”
“ถึงจะบอกว่าเป็นหุบเขา แต่ความจริงมันคือใต้หน้าผา พวกนางตั้งใจจะฆ่าข้าให้ตายและผลักข้าลงไป ตอนนั้นข้าตัวชาเพราะถูกพวกนางวางยาพิษ ตอนที่ตกลงมาข้าไม่ได้เตรียมป้องกันเอาไว้ ตอนที่ตกลงมากระดูกจึงหักไปทั้งตัว ที่ยังเหลืออยู่มีแค่ลมหายใจ ข้าใช้เวลาหนึ่งปีกว่าในการรักษาตัว แต่ข้าก็พบว่าหุบเขานั่นลึกมากและไม่มีทางขึ้นไปได้เลย
ข้าใช้เวลาในช่วงปีนั้นฝึกฝนร่างกาย
ทว่าคนใบ้คือผู้ที่นำโชคมา ตอนที่เขาตกลงมา เขาพกยามาด้วย หลังจากที่ข้ากินยาเหล่านั้นลมปราณในร่างกายจึงประสานกัน ข้าฝึกฝนแล้วก็ฝึกฝน นั่นเองจึงออกมาได้”
หนานกงเย่ฟังอยู่นาน “คนใบ้ที่อยู่ที่ประตูน่ะหรือ”
“เป็นเขานั่นละ เขาไปหาสมุนไพรในป่า แม่ของเขาสุขภาพไม่ดี เขาจึงอยากจะได้ยาไปต่อชีวิต ภายหลังเมื่อพวกเรากลับไป แม่ของเขาก็ตายเสียแล้ว ดังนั้นข้าจึงพาเขาออกมาจากที่นั่น”
“เป็นเช่นนั้นหรือ” หนานกงเย่สงสัยและไม่ค่อยจะเชื่อนัก!
ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่อธิบายเพิ่มเติม นางมองหนานกงเย่ครู่หนึ่งและสัมผัสใบหน้าของเขา “ท่านอ๋อง ตอนนี้ท่านคิดหรือไม่ว่าการที่เรามีลูกมากมายขนาดนี้เป็นเรื่องที่มีประโยชน์มาก”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หนานกงเย่ก็หมดความอดทน “ตอนนี้พระองค์ให้กำเนิดโอรสหลายพระองค์แล้ว ไม่ช้าก็เร็วจะต้องส่งลูกชายของข้าคืนมา ข้ายังมีอะไรต้องกังวลอีก”
หนานกงเย่เองก็ไม่อยากจะส่งลูกชายไปยังเขตปกครองต่างๆ ถ้ามองตามเรื่องของทัศนียภาพ อย่างที่บรรพบุรุษกล่าวไว้ ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เหล่าซื่อจื่อจะกลายเป็นอ๋อง แต่แคว้นเหลียงกลายเป็นแบบอย่างใหม่ หลังจากเปลี่ยนชื่อแคว้นแล้ว ซื่อจื่อต่างก็ได้รับยศเป็นชินอ๋อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ