อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 350

โจวหยิงหยิงหยิกหยุนหว่านหนิงไปหนึ่งหมับ กระซิบพูดเบา ๆ ว่า "ข้าบอกแล้วไหมล่ะ? ว่าเสด็จพ่อต้องทรงกริ้วแน่ จะต้องสั่งตัดหัวพวกเราแน่เลย!"

“เจ้าไม่ยอมเชื่อ ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ?!”

นางทำปากยู่ “ถ้าเจ้าถูกตัดหัว ทุกปีพอครบรอบ ข้าก็ยังเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้เจ้าได้”

"แต่ถ้าข้าถูกตัดหัว เจ้าก็ยังเผาอาหารอร่อย ๆ ส่งมาให้ข้าได้"

"แต่ตอนนี้วิเศษนัก! เราสองคนต้องมาตายพร้อมกันแล้ว....."

หยุนหว่านหนิง: ".....เจ้าคิดการณ์ไกลดีจริง ๆ!"

ถึงขั้นคิดเผื่อว่าหลังจากตายไป จะเผากระดาษเงินกระดาษทอง เผาอาหารอร่อย ๆ ไปให้แล้ว?!

“พวกเจ้าสองคนกระซิบกระซาบอะไรกัน?”

โม่จงหรานฟังไม่เข้าใจ จึงอดถามไม่ได้

หยุนหว่านหนิงกระแอมในลำคอ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรออกมา โจวหยิงหยิงก็ชิงคุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาไหลพราก ๆ อาบนองเต็มหน้า "เสด็จพ่อ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหนิงเอ๋อร์บังคับให้ข้าทำเพคะ!"

หยุนหว่านหนิงทำหน้าตกตะลึง "แม่จ้าวโว้ย! ทักษะการแสดงของเจ้าเหนือชั้นกว่าข้าอีกนะเนี่ย!"

ถ้าเอานางไปปล่อยในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด รับรองเลยว่าต้องได้รางวัลออสการ์ควีนอย่างแน่นอน!

บทจะร้องไห้ก็ร้องได้ตามสั่ง ดวงตาคู่นั้นของนางเป็นประตูระบายน้ำเรอะ?

แค่ดึงประตูขึ้น น้ำตาก็ไหลพราก ๆ ออกมาแล้ว

โม่จงหรานก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน "เจ้าร้องไห้ทำไม?"

“ไม่ใช่เป็นเพราะพวกหม่อมฉันจุดประทัดที่นอกตำหนักคุนหนิง จึงทำให้สีหน้าของเสด็จพ่อดูย่ำแย่เช่นนี้หรอกหรือเพคะ?”

โจวหยิงหยิงถามพลางสะอึกสะอื้นไม่หยุด

โม่จงหรานรู้สึกสับสนงงงันไปหมดแล้ว: "ประทัด? พวกเจ้าสองคนถึงกับจุดประทัดที่นอกตำหนักคุนหนิงจริง ๆ น่ะรึ?!"

หยุนหว่านหนิง: "......โจวหยิงหยิง ข้าอยากจะบีบคอเจ้าให้ตายไปเลย"

เดิมทีเสด็จพ่อไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย!

แต่เพื่อนร่วมกลุ่มสมองหมูคนนี้ กลับหาเรื่องใส่ตัวเองเสร็จสรรพ!

ชั่วขณะนั้นนางก็เข้าใจได้แล้ว ตอนแรกโม่เยว่วางแผนไว้ว่าจะปิดบังเรื่องของค่ายห้ากองพลแทนโม่ฮั่นอี่ว์ไปก่อน แต่เจ้าเซ่อสมองไม่เต็มเต็งนั่นกลับไปเผลอหลุดปากต่อหน้าโม่จงหราน จนเป็นการฆ่าตัวตายโง่ ๆ แบบนี้ไปในที่สุด

ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้นี่เอง!

เหตุผลจริง ๆ ไม่ใช่เพราะว่าไม่ได้เป็นคนแบบเดียวกัน เลยไม่ไปสุมหัวอยู่ด้วยกัน สองคนผัวเมียคู่นี้แค่โง่เฉย ๆ

แถมความโง่นี้ยังติดต่อกันได้ด้วย!

หยุนหว่านหนิงยกมือขึ้นกุมหน้าผาก พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว

โจวหยิงหยิงก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ตะเกียกตะกายลุกขึ้นด้วยสีหน้าน้อยอกน้อยใจ "เสด็จพ่อ ถ้าอย่างนั้นท่านก็รีบบอกมาแต่เนิ่น ๆ สิเพคะ ว่าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้! ทำเอาหม่อมฉันตกใจกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อไปหมดแล้ว!"

โม่จงหรานปวดหัว "แล้วทำไมพวกเจ้าถึงต้องไปจุดประทัดที่นอกตำหนักคุนหนิง?"

เมื่อเห็นว่าโจวหยิงหยิงเป็นพวกปากไว ทำท่าเหมือนจะหลุดปากพูดอีกแล้ว

ยังไงก็พูดเรื่องจริงไม่ได้เด็ดขาด ว่าเป็นเพราะฮองเฮาจ้าวเสียงหาย พวกนางเลยอยากจุดประทัดฉลองใช่ไหมล่ะ?!

หยุนหว่านหนิงรีบปิดปากของนางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มว่า "เสด็จพ่อ เป็นเพราะพวกเรามีความสุขเพคะ!"

"มีความสุข?"

แววตาของโม่จงหรานแฝงความหมาย "ฮองเฮาเสียงหาย พวกเจ้าเลยรู้สึกมีความสุขมาก?"

"เพคะ!"

หยุนหว่านหนิงรีบกัดลิ้นตัวเอง แอบสบถในใจว่า "แม่งเอ๊ย!" แล้วรีบพูดใหม่ว่า "ไม่ใช่เพคะ! เสด็จพ่อ นี่ล้วนเป็นความเข้าใจผิดที่งดงาม ฟังหม่อมฉันค่อย ๆ อธิบายก่อน"

นางค่อย ๆ เล่าเรื่องที่หนานกงเยว่ท้องแล้ว

"พวกเรารู้สึกดีใจแทนพี่สะใภ้ใหญ่! ดังนั้นจึงอดใจจุดประทัดที่นอกตำหนักคุนหนิงไม่ได้เพคะ!"

เมื่อฟังแวบแรก คำอธิบายนี้ก็นับว่าสมเหตุสมผลดี

แต่หนานกงเยว่ถูกตรวจพบว่ามีชีพจรมงคลอย่างกะทันหัน หรือพวกนางจะมีความสามารถในการทำนายอนาคต จนสามารถเตรียมประทัดไว้ล่วงหน้าได้เลย?

พวกนางไม่ใช่ซ่งจื่ออวี๋สักหน่อย!

"หว่านหนิง"

โม่จงหรานมองหยุนหว่านหนิงอย่างแฝงความหมาย "ทุกคำที่เจ้าพูดมา ข้าไม่เชื่อเลยแม้แต่คำเดียว"

หยุนหว่านหนิงยิ้มเจื่อน ๆ ".....เสด็จพ่อ ท่านพูดแบบนี้ข้าก็กระอักกระอ่วนแย่สิเพคะ!"

"พูดเรื่องสำคัญมา"

โม่จงหรานก็ไม่ได้ต้องการถามเอาเรื่องให้พวกนางรับผิดชอบอะไร

ทันทีที่ได้ยินว่าเรื่องสำคัญ โจวหยิงหยิงก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก พูดอย่างมีไหวพริบว่า "เสด็จพ่อ เช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลาออกไปก่อนนะเพคะ"

นางแอบขยิบตาให้หยุนหว่านหนิง "ข้าจะไปรอเจ้าอยู่ข้างนอก"

หลังจากที่โจวหยิงหยิงออกไปแล้ว โม่จงหรานค่อยถามขึ้นว่า "อาการฮองเฮาเป็นอย่างไรบ้าง?"

“เสด็จพ่อ ท่านบอกข้ามาก่อนว่า เป็นฝีมือของท่านหรือเปล่า?”

หยุนหว่านหนิงนั่งลง มือยกถ้วยชาร้อน

จางหมัวมัวพูดอย่างระมัดระวังว่า "พระชายา ตอนนี้เหนียงเหนียงของข้ายังพูดไม่ได้ ข้าน้อยอ่านหนังสือได้แค่ไม่กี่คำ แต่ก็พยายามฝืนทำความเข้าใจสิ่งที่เหนียงเหนียงเขียนมา"

“ความหมายของเหนียงเหนียงคือ เงินหนึ่งแสนตำลึงนั้นส่งมาให้แล้ว เรื่องมีดอกเบี้ยไม่มีดอกเบี้ยอะไรนั่น เหนียงเหนียงไม่รับรู้เจ้าค่ะ”

ไม่รับรู้?

ช่างตรงไปตรงมาซะจริง!

หยุนหว่านหนิงหัวเราะ "ช่างเถอะ จะดีจะชั่วพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เสด็จแม่ไม่รับรู้แล้วข้าจะทำอะไรได้ล่ะ?"

นางไม่แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้นมอง ก็สั่งให้จางหมัวมัวย้ายหีบที่บรรจุเงินสิบหีบเต็ม ๆ ไปไว้ที่เรือนชิงหยิ่ง

จางหมัวมัวเหมือนจะประสบกับภาวะลำบากเข้าแล้ว

นางได้รับบาดเจ็บที่ตำหนักหย่งโซ่วยังไม่ทันจะหายดี บวกกับอายุที่มากแล้วแข้งขามือเท้าก็ไม่ค่อยจะคล่องแคล่ว เงินตั้งสิบหีบเต็ม ๆ นี่ ให้นางย้ายจนมืดค่ำก็คงไม่เสร็จหรอกกระมัง?!

“พระชายา ข้าน้อยยังต้องรีบกลับไปรับใช้ฮองเฮานะเจ้าคะ.....”

นางมองไปที่หยุนหว่านหนิงด้วยสีหน้าลำบากใจ

“ความหมายของเจ้าคือ ข้าทำให้เจ้าต้องลำบากใจแล้ว?”

หยุนหว่านหนิงวางถ้วยชาลง "จางหมัวมัว ที่ผ่านมาฮองเฮาสั่งสอนเจ้าแบบนี้มาโดยตลอดหรือ?"

“จะทำงานอะไร เมื่อมีเริ่มต้นก็ต้องทำให้เสร็จสิ้นไม่ใช่รึ?”

นางตั้งใจจะทำให้จางหมัวมัวต้องลำบาก!

ยัยแก่คนนี้ นิสัยน่ารังเกียจสุด ๆ

ถ้าวันนี้ไม่ให้นางพบเจอความยากลำบากเสียบ้าง วันหลังก็คงช่วยฮองเฮาจ้าวทำเรื่องชั่วร้ายอีกแน่!

ต้องดัดนิสัยจางหมัวมัวคนนี้ซะบ้าง ถือเป็นการตบหน้าฮองเฮาจ้าวไปด้วยในตัว!

จางหมัวมัวรู้จักนิสัยของหยุนหว่านหนิงดี

เมื่อเห็นว่านางเริ่มจะโกรธ ๆ ขึ้นมาแล้ว จางหมัวมัวก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง รีบย้ายหีบใส่เงินด้วยความยากลำบาก ค่อย ๆ เดินทีละก้าว ๆ เข้าไปวาง เริ่มขนได้ไม่นานก็หายใจหอบฮั่ก ๆ แล้ว

เมื่อเห็นว่าหีบถูกย้ายเข้าไปแล้วเจ็ดใบ ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว

โม่เยว่ที่สวมชุดเครื่องแบบของราชสำนัก เดินเข้ามาในเรือนชิงหยิ่ง

เมื่อเห็นว่าเขากลับมาแล้ว หยุนหว่านหนิงก็ไม่ได้ลุกขึ้นไปน้อมทักทายเขา แค่พูดด้วยท่าทางเรียบเรื่อยเฉื่อยชาว่า "อยากได้เท่าไหร่ ก็ไปหยิบเอาเอง"

นางยื่นมือขึ้นแล้วชี้ไปที่เงินในหีบ

โม่เยว่สีหน้าตกตะลึง "หนิงเอ๋อร์ นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?"

หยุนหว่านหนิงนั่งตัวตรง "เจ้าไม่ได้มาหาข้าเพื่อขอเงินหรอกรึ?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์