อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 452

ตอนที่หรูอวี้แบกฮองเฮาจ้าวออกมา นางเปลือยเท้าปล่อยอยู่

ตอนนี้ถูกแขวนอยู่บนที่สูง มือเย็นๆของหยุนหว่านหนิงคว้าจับเท้าเปลือยของนางไว้แน่น นางตกใจจนดิ้นรนอย่างรุนแรงอีกครั้ง

ร่างกายของนางที่ถูกแขวนไว้แกว่งไปมาอยู่บนอากาศ ดิ้นรนยังไงก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากมือของหยุนหว่านหนิง

“จ้าวซื่อ เจ้าโหดเหี้ยมอำมหิต ยมบาลสั่งข้ามารับเจ้าไปลงนรก.....”

น้ำเสียงของ หยุนหว่านหนิงยิ่งอยู่ก็ยิ่งน่ากลัว ทำให้หรูอวี้นิ่งอึ้งไปสักพัก

แต่เห็นพระชายาของตนแกล้งหลอกฮองเฮาจ้าวอย่างสุดฤทธิ์ เขาก็รีบตามมาช่วย “จ้าวซื่อ.....เจ้าคนบาปหนา ยมบาลบอกว่าเจ้าต้องลงนรกขุมที่สิบแปด”

“ต้องลงกระทะเดือด.....”

ยังพูดไม่ทันเสร็จ ก็เห็นฮองเฮาจ้าวเหลือกตาโต หมดสติไปอีกครั้ง

“ฮู้ มีความกล้าหาญเพียงเท่านี้หรือ”

หยุนหว่านหนิงหัวเราะเย้ยอย่างดูถูก ถอดหน้ากากบนหน้าออก พร้อมปัดผมเผยให้เห็นใบหน้าขาวผ่อง พร้อมพูดขึ้นว่า “มีความกล้าเพียงเท่านี้ ยังกล้าฆ่าทำร้ายคน”

“ไม่รู้เลยจริงๆว่าหลายปีมานี้ นางในฐานะที่เป็นฮองเฮาผ่านมาได้อย่างไร”

“ข้าน้อยเห็นด้วย”

หรูอวี้พยักหัว แต่ไม่ช้าก็หัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายา ท่านไม่รู้ว่าท่าทางของท่านเมื่อกี้น่ากลัวขนาดไหน”

“แม้แต่ข้าน้อยก็ตกใจจะแย่แล้ว”

“ดูความขี้ขลาดของเจ้า”

หยุนหว่านหนิงใช้หางตามองดูเขา

“พระชายา ทีนี่จะจัดการฮองเฮาเหนียงเหนียงอย่างไรต่อ?”

หรูอวี้ลูบจมูก ไม่ได้พูดเถียง

“ปล่อยนางทิ้งไว้ตรงนี้แหละ”

หยุนหว่านหนิงพูดขึ้นอย่างไม่สนใจว่า “ยังไงนางก็เป็นไบ้ อยู่ที่นี่ก็ไม่มีเห็น ให้นางได้รับรู้ รสชาติของการตายทั้งเป็นนั้นเป็นยังไง”

“งั้นถ้านางหิวตายไปจะทำอย่างไร?”

สิ่งที่หรูอวี้ให้ความสนใจ มักจะแปลกประหลาดแบบนี้

หยุนหว่านหนิง “……”

นางกุมขมับอย่างปวดหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนดึกดื่นเจ้ามาวันละครั้ง หลอกนางให้หมดสติไปก่อน แล้วค่อยป้อนน้ำให้นางนิดหน่อยก็พอ”

ฮองเฮาจ้าวดูเหมือนคนป่วยอ่อนแอ ที่จริงอายุยืนยิ่งนัก

ดูลักษณะของนางแล้ว ไม่ทานข้าวสิบวันก็ไม่เป็นไร

แต่ถ้าไม่ดื่มน้ำ คงอยู่ได้ไม่นานขนาดนั้น

ดังนั้นหยุนหว่านหนิงเตรียมที่จะให้นางได้ดื่มน้ำ อย่างน้อยก็สามารถอยู่ได้สิบกว่าวัน

สักสิบวัน ฮองเฮาจ้าวไม่ตายก็ต้องบ้า

นางเดินไปข้างหน้า จ้องมองฮองเฮาจ้าวด้วยสายตาเยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่เอ๋ยเสด็จแม่ ท่านอย่าโทษว่าข้าใจร้าย จะโทษ ก็ต้องโทษลูกชายของเจ้ามาหาเรื่องข้าก่อน”

ต่อให้โม่หุยเฟิงลงมือทำร้ายนาง นางก็ไม่ถึงขั้นต้องทรมานฮองเฮาจ้าวแบบนี้

แต่ใครใช้ให้โม่หุยเฟิงแตะต้องสิ่งต้องห้ามของนาง กล้าลักพาตัวหยวนเป่า?

“สิบวันนี้ ท่านอยู่ที่นี่ไปก่อนล่ะกัน”

หยุนหว่านหนิงเมินใส่ พร้อมหันเดินจากไป

หรูอวี้มองดูฮองเฮาจ้าวด้วยสายตาสับสนแวบหนึ่ง แล้วก็รีบตามไป

……

เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้ายังไม่สว่างในวังก็กลโหลอลม่านไปหมด

ฮองเฮาเหนียงเหนียงหายสาบสูญไปแล้ว

จางหมัวมัวมาเข้าเฝ้าโม่จงหรานที่ตำหนักหย่งโซ่วอย่างกระวนกระวาย ซูปิ่งซ่านเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของนางก็ขมวดคิ้วถามขึ้นว่า “นี่เกิดอะไรขึ้น? กระวนกระวายแต่เช้าเลย”

“รบกวนฮ่องเต้พักผ่อน เจ้ามีสิบหัวก็ไม่พอประหาร”

หลี่หมัวมัวก็มองดูนางอย่างไม่พอใจ

สิ้นจางหมัวมัวแทบพันกัน หายใจคำใหญ่คำโต พร้อมพูดขึ้นว่า “ซูกงกง ขอร้องเจ้า รีบไปรายงานฮ่องเต้”

“ฮองเฮาเหนียงเหนียงหายสาบสูญไปแล้ว”

“อะไรนะ?”

ซูปิ่งซ่านตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียงหายสาบสูญได้ยังไง?”

อย่างแรกที่นางคิดได้ก็คือ เป็นแผนของฮองเฮาเหนียงเหนียงเองหรือเปล่า?

เขาปรนนิบัติฮองเฮามานานขนาดนี้ สิ่งที่เจอมามากที่สุดก็คือ แผนกลของฮองเฮาเหนียงเหนียง.....

ผู้หญิงคนนี้ แกล้งป่วย แกล้งบ้าต่างๆ ล้วนใช้มาหมดแล้ว

เมื่อนอน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตื่น

โม่จงหรานตื่นมาเวลานี้ตลอด อีกสักพักก็ต้องไปว่าราชการเช้าแล้ว มองดูฟ้าสลัวด้านนอกหน้าต่าง แสงยามเช้ายังไม่สาดส่องเข้ามา ทุกอย่างยังมืดสลัวอยู่

เขาลุกตื่นขึ้นมาโดยไม่รบกวนเต๋อเฟย

สวมเสื้อผ้าเดินออกไป ค่อยถามขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”

“ฝ่าบาท”

ซูปิ่งซ่านรีบโค้งคำนับพร้อมเดินไปใกล้ แล้วเล่าเรื่องตามที่จางหมัวมัวบอกให้ฟัง

“อ๋อ?”

โม่จงหรานก็พูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ฮองเฮาหายตัวไป?”

“ใช่ขอรับฝ่าบาท ได้ยินว่าหาจนทั่วตำหนักคุนหนิงแล้ว ตอนนี้กำลังส่งคนไปตามหาทั่ววัง แต่ก็ไม่พบเหนียงเหนียง”

“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”

โม่จงหรานขมวดคิ้ว

ถึงเขาจะเกลียดชังฮองเฮาจ้าว

แต่ตอนนี้ ยังไงนางก็เป็นฮองเฮา

เขาเงียบไปสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “หายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่? ถูกคนลักพาตัวไป หรือหายตัวไปเอง?”

“หรือ คิดวางแผนร้ายอะไรอีก?”

เห็นที ลักษณะนิสัยของฮองเฮาจ้าว โม่จงหรานเองก็รู้ดี ดังนั้นจึงก็คิดว่าฮองเฮาจ้าวแกล้งแสดงละคร เพื่อแย่งชิงความรักจากเต๋อเฟย

“ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ”

ซูปิ่งซ่านส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ดูท่าทีจางหมัวมัว ไม่เปมือนกำลังแสดงละคร”

“น่าแปลก”

โม่จงหรานยกมือกุมหน้าผาก พร้อมพูดพึมพำว่า “อยู่ดีๆ ใครจะลงมือทำร้ายฮองเฮา? นางเป็นคนใบ้คนหนึ่ง ในมือก็ไม่มีอำนาจอะไร”

ตอนนี้ก็เป็นเพียงฮองเฮาเพียงในนาม

“นางไม่มีประโยชน์อะไรเลย ใครจะลักพาตัวนางไป?”

ทันใดนั้น ในหัวสมองของโม่จงหรานก็ปรากฏเงาร่างคนคนหนึ่ง.....

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์