อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 481

หยวนเป่ามีนิสัยที่หัวแข็งดื้อรั้นมาก เช่นเดียวกับโม่เยว่พ่อของเขาและหยุนหว่านหนิงแม่ของเขา

เรื่องที่เขาตัดสินใจไปแล้ว ต่อให้เอาวัวเก้าตัวมารั้งก็ยังรั้งตัวกลับมาไม่ได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหรอก ว่านั่นคือหยุนธิงธิง!

เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหยุดหยวนเป่าได้ หยุนธิงธิงก็ได้แต่ถอนหายใจดังเฮือก แล้วไปหาหยุนหว่านหนิงที่จวนอ๋องหมิง

หยวนเป่าตรงดิ่งเข้าไปในเรือนของหยุนเจิ้นซง

หลังจากถูกโจมตีอย่างหนักในวันนี้ ใบหน้าแก่ ๆ ของหยุนเจิ้นซงถูกขายออกไปจนหมดไม่มีเหลือ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันพรุ่งนี้จะออกไปพบหน้าผู้คนได้ยังไง..... ดังนั้นในเวลานี้ เขาจึงนั่งดื่มเหล้าย้อมใจอยู่คนเดียว

นางเฉินนั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนเขา

สุดท้าย ทั้งสองคนก็เป็นดั่งคู่ที่ "สวรรค์สั่งนรกสร้าง" ขึ้นมาจริง ๆ

ก่อนหน้านี้ ที่นางกู้แม่แท้ ๆ ของหยุนหว่านหนิงต้องล้มป่วย ก็เป็นเพราะนางเฉินผู้นี้เป็นเหตุ

หลังจากที่นางกู้ล้มป่วยจนตายจากไป นางเฉินก็ถูกหยุนเจิ้นซงเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นฮูหยินแห่งจวนกั๋วกง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ทั้งสองต่างก็รักใคร่ปรองดองกันดี

ติดอยู่แค่ว่า หลังจากเกิดเรื่องของแม่ที่ให้กำเนิดหยุนธิงธิงถูกเปิดโปงขึ้นมา หยุนเจิ้นซงก็รังเกียจเดียดฉันท์นางเฉินอยู่พักหนึ่ง ภายใต้การกดดันของหยุนหว่านหนิง นางก็ถูกเขี่ยจนมีอันต้องกลับสู่สถานะเดิม (อี๋เหนียง) และถูกลงโทษกักบริเวณ

แต่นางเฉินก็ไม่ใช่พวกประพฤติตัวเรียบร้อย ไม่ออกนอกลู่นอกทาง

หลังจากถูกกักบริเวณได้ระยะหนึ่ง นางก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อจะยกเลิกโทษกักบริเวณนี้ให้จงได้

ด้วยความพยายามของนาง ในที่สุดหยุนเจิ้นซงก็ถูกนางโน้มน้าวใจ (ด้วยลีลาบนเตียง)สำเร็จ จนยกเลิกการกักบริเวณได้ในที่สุด

น่ากลัวว่านางมาปรากฏตัววันนี้ คงจะโดนหยุนหว่านหนิงสร้างความลำบากให้แน่ ๆ

ด้วยเหตุนี้ นางเฉินจึงซ่อนตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกไปพบหน้าใครทั้งนั้น

"นายท่าน"

เมื่อเห็นหยุนเจิ้นซงกำลังดื่มเหล้าอย่างกลัดกลุ้ม นางเฉินก็พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า "ถ้าท่านยังดื่มหนักแบบนี้ ระวังจะกระทบกับสุขภาพนะเจ้าคะ! ถ้ากู้หมิงไม่ยอมช่วยเป็นพ่อสื่อพ่อชักกับทางจวนหย่วนตงโหวก็ช่างเถอะ"

"นอกจากจวนหย่วนตงโหวแล้ว ในเมืองหลวงยังมีบรรดาผู้สูงศักดิ์อีกมากมาย ยังต้องกลัวว่าธิงธิงจะแต่งออกไปไม่ได้อีกรึ?"

"เจ้าจะไปรู้อะไร!"

หยุนเจิ้นซงยกแก้วเหล้า เงยหน้าขึ้นแล้วดื่มเข้าไปรวดเดียวหมด

เขาวางแก้วเหล้าลงด้วยอาการที่เริ่มจะเมากรึ่ม ๆ ส่งสัญญาณให้นางเฉินรินเหล้าต่อ “หลังจากวันนี้ไป ใบหน้าแก่ ๆ ของข้าหยุนเจิ้นซงคงจะอับอายขายหน้าจนหมดไม่มีเหลือแล้ว!”

“มีหรือที่ธิงธิงจะได้แต่งกับคุณชายตระกูลดี ๆ ได้อีก?”

แม้แต่จวนก็ยังปีนป่ายไม่ได้ นับประสาอะไรกับผู้สูงศักดิ์ตระกูลอื่น? !

นางเฉินเทเหล้าให้เขาอย่างจนใจ หยุนเจิ้นซงก็ดื่มรวดเดียวหมดอีกครั้ง

เขาพูดด้วยอาการเมาอ้อแอ้จนลิ้นพัน ดื่มเหล้าเข้าไปหลายแก้วติดต่อกัน จากนั้นร่างกายก็เริ่มมีบางอย่างผิดปกติ

สีหน้าของหยุนเจิ้นซงเปลี่ยนไปทันที รีบวางแก้วเหล้าลง

“นายท่าน เป็นอะไรไปเจ้าคะ?”

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาไม่ถูกต้อง นางเฉินก็รีบถามขึ้นอย่างร้อนรน

หยุนเจิ้นซงไม่ตอบ บิดร่างกายหลายครั้งด้วยท่าทางอึดอัด อีกทั้งพยายามยื่นมือออกไปเกาหลัง ใบหน้าแก่ ๆ ย่นยู่จนมากองรวมกันเป็นจุดเดียว ดูไปแล้วเหมือนว่าเขาจะเจอเรื่องไม่ดีอะไรบางอย่างเข้าแล้ว

เมื่อเห็นเขาขยับตัวไปมาด้วยท่าทางกระสับกระส่าย นางเฉินก็รู้สึกแล้วว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ "นายท่าน นี่ท่านเป็นอะไรกันแน่เจ้าคะ?"

หยุนเจิ้นซงไม่มีแก่ใจจะตอบอะไรทั้งนั้น

ตอนนี้เขารู้สึกคันไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว

ราวกับว่าทั้งเนื้อทั้งตัวของเขา ถูกปกคลุมไปด้วยมดที่คลานไต่ไปมาบนตัวตลอดเวลา

หยุนเจิ้นซงกดแผ่นหลังของตัวเองลงกับพนักเก้าอี้ ถูไถไปมาไม่หยุด

แต่ก็ไม่สามารถบรรเทาอาการคันได้

เขาอยากจะเอื้อมมือไปเกา แต่เพราะมันคันไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว จนเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะเกาตรงไหนดี....

สุดท้ายหยุนเจิ้นซงก็ยืนขึ้น เอาตัวถูไถเข้ากับผนังอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมพูดอะไร นางเฉินก็ยังคิดไปว่าเขาคงจะเมาแล้ว ตอนนี้เลยเมาอาละวาดเพราะฤทธิ์เหล้า!

นางรีบเดินตามไป “นายท่าน!”

“ทรมาน ข้าทรมาน”

หยุนเจิ้นซงคว้ามือของนางเฉิน เอามาเกาด้านหลังตัวเองด้วยท่าทางร้อนใจ "รีบเกาให้ข้าเร็วเข้า"

“ได้ ๆ ! นายท่านคันตรงไหนเจ้าคะ? ข้าจะช่วยเกาให้!”

แต่จะให้บอกว่าคันตรงไหนกันแน่ หยุนเจิ้นซงก็ไม่บอกไม่ถูก

เขาปล่อยมือของนางเฉิน แล้วเกาไปทั่วทั้งลำตัวทั้งใบหน้าของตัวเองไม่หยุด "ข้าก็ไม่รู้ มันทรมาน ข้ารู้สึกคันจนทรมานไปหมด!"

ในขณะเดียวกันนั้นเอง ยังมีคนสองคน หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กนอนหมอบอยู่บนหลังคาแอบมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า!

เมื่อเห็นว่าหยุนเจิ้นซงคันจนทรมานไปทั้งตัว หรูโม่ก็กดเสียงลงแล้วถามด้วยความสงสัยว่า "เสี่ยวเตี้ยนเซี่ย นี่ท่านยังไม่ได้ลงมือไม่ใช่รึ?"

“แล้วนี่หยุนกั๋วกงเป็นอะไรไปเสียแล้วล่ะ?”

หยวนเป่าเองก็สงสัยเหมือนกัน

นางเฉินกรีดร้องเสียงแหลม รีบสั่งให้คนรับใช้ไปเชิญหมอมาทันที

ทั้งใบหน้าและลำคอของหยุนเจิ้นซงปกคลุมไปด้วยผื่นแดง นางเฉินถลกเสื้อผ้าของเขาขึ้นดู เห็นว่าที่หน้าอก รวมถึงตามลำตัวของเขาตั้งแต่บนลงล่างล้วนมีผื่นสีแดง ๆ ขึ้นจนเต็มแน่นไปหมด

ใบหน้าของหยุนเจิ้นซง บวมขึ้นด้วยระดับความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

เขาเกาจนผิวหนังถลอกเป็นแผล เลือดไหลไม่หยุด

แต่อาการคันก็ยังไม่หาย เขายังออกแรงเกาหนัก ๆ ไม่หยุด จนใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดลายพร้อย!

นางเฉินตกใจแทบตายแล้ว รีบคว้ามือของเขาไว้ "นายท่าน นี่ท่านเป็นอะไรกันแน่น่ะ?"

"นายท่าน อย่าเกาอีกเลย! นี่... นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!"

แต่หยุนเจิ้นซงไม่ฟัง

เขาเหมือนคนโดนของก็ไม่ปาน ปัดมือของนางเฉินออก แล้วเกาใบหน้าต่อไปอย่างบ้าคลั่ง

"เจอดีเข้าแล้วสิ!"

หยวนเป่าอุทานเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "ข้าว่าเจ้ายาตัวนี้มีฤทธิ์เดชที่ร้ายกาจมาก มันดูไม่เหมือนยาผงคันทั่ว ๆ ไป แต่ดูเหมือนยาผงคันที่พัฒนาขึ้นอีกระดับแล้ว!"

แค่ยาผงคันธรรมดา จะมีฤทธิ์ที่รุนแรงขนาดนี้ได้ยังไงกัน? !

"ฟังดูแล้วน่ากลัวมากจริง ๆ "

หรูโม่หดคอ

เขามองดูแววตาของหยวนเป่า แฝงท่าทีกังวลใจน้อย ๆ แล้วถามว่า "เสี่ยวเตี้ยนเซี่ย ท่านคงไม่ได้พกยานี้ติดตัวใช่หรือไม่?"

“ข้ามีเสียที่ไหนล่ะ? ท่านแม่ไม่ให้ข้า”

หยวนเป่าเม้มปากด้วยความโกรธ

“แต่เสี่ยวเตี้ยนเซี่ย ท่านไม่ได้บอกไว้หรอกรึ ว่าจะช่วยระบายความแค้นแทนคุณหนูสามหยุนน่ะ? หยุนกั๋วกงอยู่ในสภาพน่าอนาถขนาดนี้แล้ว ท่านยังคิดจะระบายความแค้นแทนนางอยู่หรือไม่?”

หยุนเป่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

แต่ไม่นาน เขาก็ทำท่าเลียนแบบพระพลางพูดว่า "อมิตาพุทธ" จากนั้นก็เสริมอีกประโยคว่า"ช่วยชีวิตคนหนึ่งคน ดีกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น"

หรูโม่กลั้นยิ้ม "เช่นนั้นเสี่ยวเตี้ยนเซี่ย ท่านไม่คิดจะลงมือกับหยุนกั๋วกงแล้วอย่างนั้นรึ?"

"ไม่"

หยวนเป่าหยิบขวดกระเบื้องเคลือบใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ยื่นส่งให้หรูโม่ "เจ้าไป .... "

หรูโม่รับขวดกระเบื้องนั้นมา มองดูด้วยความสงสัย "เสี่ยวเตี้ยนเซี่ย เจ้าของสิ่งนี้มันคืออะไรอีกล่ะ?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์