อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 501

หรูโม่เป็นผู้ชายที่มีจิตใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่

หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ เขาไม่มีทางพูดมากขนาดนี้...

หยุนหว่านหนิงรับจดหมายมา บนซองจดหมายยังเปื้อนไปด้วยเลือด

ไม่รู้ว่าเลือดบนนี้ เป็นของโม่เยว่ หรือว่าของคนอื่น แต่จิตใจหยุนหว่านหนิงที่กระวนกระวายเมื่อกี้ กลับค่อยๆสงบลงอย่างแปลกประหลาด

นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆคลี่เปิดจดหมาย

บนนั้นมีเพียงคำง่ายๆไม่กี่คำว่า เกิดเรื่องกับนายท่าน รีบกลับมาด่วน

ลายมือเป็นของหรูอวี้ เพียงแต่บิดๆเบี้ยวๆ เห็นได้ชัดว่าเขียนอย่างรีบร้อน

ลายมือนี้ ใช้เลือดเขียนขึ้นมา

เพียงมองผ่านกระดาษ หยุนหว่านหนิงก็สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นอย่างรุนแรงนั้น

“พระชายา ข้าน้อยจะรีบกลับเมืองหลวง”

“ข้าไปพร้อมกับเจ้า”

หยุนหว่านหนิงกำจดหมายในมือไว้แน่น

ความรู้สึกของนางที่มีต่อโม่เยว่......

ไม่ถึงขั้นรัก แต่ก็ไม่เกลียด

ความไม่พอใจกับความเกลียดชังในหลายปีที่ผ่านมา ดูเหมือนจะหายไปพร้อมกับช่วงเวลานี้ที่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ว่ายังไง โม่เยว่ก็เป็นเสด็จพ่อของหยวนเป่า

ด้วยเหตุนี้ หยุนหว่านหนิงจะไม่สนใจเขาไม่ได้

“แต่ว่าพระชายา เสี่ยวเตี้ยนเซี่ยต้องการคนดูแล”

หรูโม่ไม่เห็นด้วยที่นางก็จะกลับไปด้วย จึงพูดขึ้นว่า “และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ในเมืองหลวงเป็นยังไง"

“ในเมื่อมีคนกล้าลงมือทำร้ายนายท่าน แสดงว่าเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตแล้ว หากพระชายากลับเมืองหลวงไปตอนนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีอันตราย”

“หรือเจ้าอยากให้ข้าเห็นนายท่านของเจ้าเจอปัญหาแล้วก็ไม่สนใจไยดีหรือ?”

คำพูดประโยคนี้ หรูโม่เถียงไม่ออก

“ข้าเพิ่งอายุยี่สิบกว่า ยังไม่อยากเป็นแม่หม้าย หยวนเป่าก็จะเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อไม่ได้”

หยุนหว่านหนิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

นางจูบหน้าผากของหยวนเป่า พร้อมพูดสั่งหรูเยียนดูแลหยวนเป่าให้ดี หากพรุ่งนี้เช้าหยวนเป่าถามหา ก็ให้บอกว่ามีธุระต้องกลับเมืองหลวง ห้ามบอกว่าเกิดเรื่องกับโม่เยว่

หรูเยียนตอบรับทั้งน้ำตา

หยุนหว่านหนิงมองดูหยวนเป่าอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งอย่างทำใจไม่ได้ แต่ก็จากไป

ตอนนี้เป็นเวลาดึกดื่นค่ำคืน ไทเฮากู้พักผ่อนแต่เช้าแล้ว

หยุนหว่านหนิงจะไปรบกวนนางตอนนี้ไม่ได้ จึงจำต้องไปหาเสวียนซันเซียนเซิง

หลายวันนี้เสวียนซันเซียนเซิง “ล้มขาหัก” กลางวันนอน กลางคืนนอน กินแล้วก็นอน นั่งแล้วก็นอน เอนแล้วก็นอน....

นอนจนกระดูกทั้งตัวจะร้าวไปหมดแล้ว

แต่เพื่อให้ได้อยู่ในตำหนักสิงกงต่อไป ต่อให้กระดูกทั้งตัวจะร้าวไปหมดก็ไม่ยอมก้าวเดินออกจากประตู หากกระดูกทั้งตัวร้าวไปหมดจริงๆ ก็จะเป็นข้ออ้างที่ดีที่จะได้อยู่ในตำหนักสิงกงต่อไป

ตอนที่หยุนหว่านหนิงเข้ามา เขากำลังไขว่ห้าง นั่งอยู่บนเก้าอี้กินไก่ย่าง รับลมเย็น

เห็นนางเข้ามา เขารีบนอนลง ขาที่นั่งไขว่ห้างก็วางลง

“นังหนูหนิง เจ้าเองหรือ”

เสวียนซันเซียนเซิงค่อยโล่งอก นั่งไขว่ห้างต่อไป พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าก็นึกว่าไทเฮามา”

“เซียนเซิง”

หยุนหว่านหนิงเดินมาใกล้

นางไม่พูดอะไร เอาขนมกองโตออกมาจากในช่องว่างโยนให้เขา

มองดูการกระทำของนาง ไม่รอให้นางพูด เสวียนซันเซียนเซิงก็เดารู้ความตั้งใจของนางแล้ว เลิกคิ้วมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “มีเรื่องขอข้า?”

“ช่วยข้าดูแลหยวนเป่ากับเสด็จย่า”

หยุนหว่านหนิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เกิดเรื่องในเมืองหลวง ข้าต้องรีบกลับไป”

เสวียนซันเซียนเซิงที่เลิกคิ้วค่อยๆผ่อนลง

เขาแกะถุงหมูแผ่นถุงหนึ่ง ค่อยๆนั่งตัวตรง พร้อมพูดขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

“เกิดเรื่องกับโม่เยว่"

หยุนหว่านหนิงพูดอย่างสรุป พยายามใช้เวลาให้น้อยที่สุด เล่าเรื่องราวให้ฟังเท่าที่รู้ว่า “สถานการณ์จริงๆ ข้าเองก็ไม่รู้”

“แต่โม่ฮั่นอี่ว์ถูกจับขังคุก โม่เยว่บาดเจ็บสาหัส คิดว่าการแย่งชิงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทคงเริ่มขึ้นแล้ว”

เพราะฉะนั้นคนที่ลงมือทำร้ายโม่เยว่.....

แต่หยุนหว่านหนิงรู้ดีแก่ใจ สวียนซันเซียนเซิงเป็นห่วงนางจริงๆ

ในใจนางรู้สึกอบอุ่น กระตุกมุมปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าจะดูแลตนเองให้ดี ไม่ต้องเป็นห่วงข้า”

“ใครเป็นห่วงเจ้า? นี่เวลาเท่าไหร่แล้ว ไม่อยากกลับไปเก็บศพโม่เยว่ก็รีบไสหัวไปเถอะ”

เสวียนซันเซียนเซิงโบกมือ ส่งเสียงเมิน พร้อมหันหน้าไปอย่างกระหยิ่มใจ

รอหลังจากเงาร่างหยุนหว่านหนิงหายลับไปกับความมืด เขาค่อยๆลุกยืนขึ้นมา

เสื้อชุดคลุมยาว สวมทับร่างสูงของเสวียนซันเซียนเซิง

เวลานี้ ไม่มีร่องรอยของ “ความสำรวย” ของอันธพาลบนใบหน้าของเขา ตรงกันข้ามกลับแลดูสง่างามขึ้นเล็กน้อย แลดูหล่อเหลาภูมิฐาน เหมือนกลับกลายมาเป็นคนเดิม.....

“นังหนูคนนี้ยังคงอารมณ์ร้อนอยู่เสมอ”

เขาส่ายหัวอย่างจนใจ มองดูขนมบนโต๊ะ เอาเก็บเข้าตู้อย่างทะนุถนอม พร้อมพูดขึ้นว่า “มีจื่ออวี๋อยู่ด้วย นางคงไม่เป็นไร”

เสวียนซันเซียนเซิงโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไปดูหยวนเป่าเป่าดีกว่า”

เพื่อรับประกันความปลอดภัยของหยวนเป่ากับไทเฮา รอหลังจากหยุนหว่านหนิงกับหรูโม่ออกมาจากตำหนักสิงกงแล้ว เสวียนซันเซียนเซิงยืนอยู่ภายใต้หลังคา มองดูแสงจันทร์ที่ถูกเมฆบดบัง....

เขาค่อยๆหลับตาลง มือทั้งคู่ค่อยๆยกขึ้นมา

ไม่นาน ทั่วทั้งตำหนักสิงกงก็กลายเป็นหมอกสลัว

เหมือนถูกหมอกปกคลุม หมอกหนาจนมองไม่ชัด....

ผ่านไปสักพัก เสวียนซันเซียนเซิงวางมือทั้งคู่ลง แล้วอยู่เป็นเพื่อนข้างกายหยวนเป่า

……

หยุนหว่านหนิงกับหรูโม่เดินทางอย่างไม่หยุดพัก เดิมระยะทางต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองวัน กลับใช้เพียงหนึ่งวันครึ่งคืน ทั้งสองคนก็เข้ามาถึงในเมืองหลวงแล้ว

เวลานี้ ปกคลุมไปด้วยความมืด

ประตูจวนอ๋องหมิงปิดสนิท ไม่มีใครมาเปิดประตูให้

หยุนหว่านหนิงจึงให้หรูโม่พานางกระโดดข้ามกำแพงเข้าไป

ทั่วทั้งจวนอ๋องเงียบสงัด

หยุนหว่านหนิงตรงไปยังเรือนทิงจู่

ยังไม่เข้าไปถึงประตู ทั่วทั้งภายในลานเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอย่างรุนแรง....

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์