“เหตุใดอ๋องฮั่นจึงได้ถูกพิษ?”
ใต้เท้าหยันรีบหันไปมองดูพัศดีทั้งหลาย
เมื่อครู่ที่พัศดีกลับมารายงาน เดิมทีเขาก็คิดว่าอ๋องฮั่นเพียงแค่แกล้งทำ......
ด้วยเหตุนี้เองเนื่องด้วยงานในมือที่มีมากล้น จึงทำให้เขามิได้ตรวจสอบดูเรื่องนี้อย่างทันที
จู่ๆ เมื่อถูกโม่จงหรานเอ่ยถามขึ้น หัวใจดวงนั้นของใต้เท้าหยันก็เต้นแรงโครมคราม
เป็นจริงดังนั้น เมื่อครู่เขาเพิ่งจะเอ่ยออกมาก็ถูกโม่จงหรานเตะเข้าไปเต็มเปา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ อ๋องฮั่นถูกวางยาพิษเรื่องนี้ใหญ่โตหนักหนา ในฐานะเจ้าหน้าที่ดูแลคุก เหตุใดพวกเจ้าจึงมิรู้เรื่องราวว่าเป็นมาอย่างไร!”
ใต้เท้าหยันถูกถีบเสียจนกระเด็นกระดอนไปบนพื้น ผ่านไปสักพักก็ยังมิมีเรี่ยวแรงปีนขึ้นมา
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วไปพ่ะย่ะค่ะ!”
โม่จงหรานมิได้เหลือบมองเขา สีหน้ามองไปทางพัศดีคนที่อยู่ด้านข้าง “เจ้า จงเล่ามา!”
เมื่อตอนที่ใต้เท้าหยันถูกเตะ พัศดีทั้งหลายก็ได้คุกเข่าลงสู่พื้นโดยสัญชาตญาณ
จู่ๆ เมื่อถูกโม่จงหรานชี้นิ้วสั่งให้เล่าเรื่องเหล่านี้ พัศดีผู้นั้นจึงเล่าด้วยคำตะกุกตะกักว่า “ทูล ทูลฝ่าบาท ในวันนี้ อ๋องฮั่นเสวยอาหารเข้าไปจำนวนมาก......แต่ว่า แต่ว่า......”
“แต่ในวันนี้พวกกระหม่อมทั้งหลายมิได้เป็นคนนำอาหารไปให้อ๋องฮั่น”
“เป็นอาหารจากตระกูลโจวและจวนอ๋องฮั่นที่ส่งมา ด้วยเหตุนี้ กระหม่อมทั้งหลายจึงมิได้ใส่ใจมากนัก”
พัศดีผู้นั้นก้มหน้าก้มตาลง หน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ร่างสั่นสะท้านมิหยุด “ในเดิมทีอ๋องฮั่นเสวยอย่างเอร็ดอร่อย อีกทั้งยังแบ่งปันให้กับพวกกระหม่อม”
“ประมาณตอนกลางวัน หลังจากที่ตระกูลโจวให้คนนำอาหารมาให้ มินานอ๋องฮั่นก็กินไปสักพักกล่าวว่ารู้สึกมิสบาย”
“จู่ๆ ก็เอ่ยตะโกนร้องว่าปวดท้อง”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ พัศดีก็เงยหน้าขึ้นเหลือบมองไปทางโม่จงหราน “เดิมทีพวกกระหม่อมคิดว่าท่านอ๋องเพียงต้องการเรียกร้องให้ฝ่าบาทเดินทางมาเยี่ยมเขาสักหน่อยเท่านั้น”
“ด้วยเหตุนี้จึงมิมีใครใส่ใจ จวบจนกระทั่งจู่ๆ เขาก็อาเจียนเป็นเลือดแล้วหมดสติไป”
“กระหม่อมทั้งหลายรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ จึงรีบเชิญหมอหลวงและเดินทางมาทูลต่อฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
หยุนหว่านหนิงยกมือขึ้นกุมหน้าผาก
ในวันนี้หากว่าอ๋องฮั่น ถูกวางยาพิษจนตายจริงแล้วละก็ คงเป็นเพราะตัวเขาที่รนหาที่เอง
เขาถูกส่งตัวเข้าไปในคุกหลวงแล้วยังมิเจียมตัว เสแสร้งแกล้งทำต่างๆ นานา จนกระทั่งท้ายที่สุดแล้วมิมีใครเชื่อคำพูดของเขา
นี่เขาโง่เง่าสักเพียงไรกันถึงทำเช่นนี้?
สีหน้าของโม่จงหรานดูมิน่ามองเป็นอย่างยิ่ง “อ๋องฮั่นถูกส่งตัวไปยังคุกหลวงแล้ว เหตุใดจึงยังมีสิทธิในการร้องขออาหารการกินต่อพวกเจ้า เหตุใดคนจากตระกูลโจวจึงได้เดินทางมายังคุกหลวงเพื่อให้อาหารแก่เขา?”
คุกหลวงมีกฎของคุกหลวงอยู่
ผู้ที่ถูกส่งเข้าไปในคุกหลวง ทำได้เพียงกินอาหารที่อยากจะกลืนลงไปในคุกหลวงที่จัดไว้ให้เท่านั้น
เหตุใดชีวิตของโม่ฮั่นอี่ว์จึงได้ดูราบรื่นสุขสบายเช่นนั้นเล่า?
เขาถูกโยนตัวเข้าไปในคุกหลวงเพื่อให้สำนึกผิดด้วยการรับโทษ หรือเข้าไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายกันแน่!
นินาเล่า เจ้าหมอนี่ผ่านไปมิกี่วัน ใบหน้าจึงได้อ้วนกลมเช่นนั้น......
โม่จงหรานโมโหเป็นยิ่งนัก
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ อย่าได้กริ้วไป!”
พัศดีร้องห่มร้องไห้ตะโกนออกมาว่า “เป็นเพราะ เป็นเพราะพระชายาฮั่นกล่าว กล่าวว่าอ๋องฮั่นชื่นชอบในการกินยิ่งนัก ขอให้พวกกระหม่อมอนุโลมให้สักเล็กน้อย ดูแลอ๋องฮั่นเรื่องของอาหารการกิน”
“ด้วยเหตุนี้เองกระหม่อมทั้งหลายจึงได้ ได้กล้า......”
“บัดนี้เกิดปัญหาขึ้น พวกเจ้าใครเล่าจะรับผิดชอบ!”
โม่จงหรานตะคอกออกมา
เนื่องด้วยเกรงว่าเขาจะโมโหเสียจนร่างกายทรุดโทรม หยุนหว่านหนิงจึงรีบกล่าวขึ้นว่า “เสด็จพ่อเพคะ บัดนี้หาใช่เวลาในการสืบสวนโทษ เราควรสืบให้รู้ชัดก่อนว่าเหตุใดอ๋องฮั่นจึงได้ถูกวางยาพิษ”
พิษนั้นมาจากที่ใดกันแน่?
นางรู้สึกสงสัยยิ่งนัก
นางได้ยินมาจากหรูโม่ กล่าวว่าการที่โม่ฮั่นอี่ว์ถูกส่งตัวเข้ามาในคุกหลวงนั้นมีพยานและหลักฐานพร้อมครบ
และหนึ่งในนั้นก็มีเงินที่สนับสนุนเฉียนจวงของตระกูลโจว(ร้านค้าที่ดำเนินกิจการการเงินในสมัยโบราณ ซึ่งดำเนินกิจการรับฝากเงิน
แลกเปลี่ยนเงิน)
ในวันนี้เมื่อโม่ฮั่นอี่ว์ ถูกวางยาพิษ ก็เกี่ยวข้องกับตระกูลโจวด้วย......
เขาเป็นเขยของตระกูลโจว ส่วนโจวหยิงหยิงก็เป็นทายาทบุตรสาวสายตรงของตระกูลโจว ตระกูลโจวที่จะทำร้ายเขางั้นหรือ?
แต่เมื่อคิดพิจารณาดูอีกทีก็มิน่าเป็นไปได้ เนื่องจากแม่ทัพโจวอยู่ที่ชายแดน หากตระกูลโจวมิได้รับการตัดสินใจจากเขา ผู้คนที่อยู่ภายใต้การปกครองล้วนมิมีใครกล้ากระทำโดยพลการ แล้วจะตุกติกจัดการโม่ฮั่นอี่ว์เช่นนี้ได้อย่างไร?
เมื่อหยุนหว่านหนิงกล่าวออกมาเช่นนั้น โม่จงหรานจึงได้พยายามควบคุมความโกรธของตนในใจลง
“จงไปนำสิ่งของที่อ๋องฮั่นกินในวันนี้มาให้ข้าดู”
โม่จงหรานหรี่ตาลง แววตานั้นดูเยือกเย็น
เขาอนุญาตให้หยุนหว่านหนิงสามารถแทรกแซงหัวข้อของราชสำนักได้ ด้วยเหตุนี้เองจึงมิได้เอ่ยโทษนางที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับแผนการต่างๆ ในราชสำนัก
“เจ้าจงว่าต่อ”
เขาพยักหน้าเป็นความหมายให้หยุนหว่านหนิงกล่าวต่อไป
ใครจะรู้เล่าว่าจู่ๆ หยุนหว่านหนิงก็ลุกขึ้นยืนยืดเอวบิดขี้เกียจ “ไอ้หยา ปาเข้าไปเวลานี้แล้ว ลูกต้องกลับไปใส่ยาให้กับท่านอ๋องก่อนเพคะ
เสด็จพ่อเชิญสืบเรื่องนี้ด้วยตนเองเถิด ลูกเป็นเพียงแค่สตรี มิอาจเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องราวในราชสำนักได้”
โม่จงหราน “......”
เขาอยากจะนำตัวหยุนหว่านหนิงจับเข้าคุกเสียเหลือเกิน
แม่หนูนี่ตั้งใจทำเช่นนี้อย่างแน่นอน!
“หากเจ้ามิบอก วันนี้เจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกจากคุกหลวง!”
ขณะที่หยุนหว่านหนิงกำลังจะจากไปก็ได้ยินน้ำเสียงของโม่จงหรานกล่าวขึ้นดังนั้น
นางชะงักฝีเท้าลง “......เสด็จพ่อ ท่านกำลังข่มขู่ลูกอยู่เช่นนั้นหรือ ในวันนี้ที่ลูกเดินทางเข้าวังเพียงเพื่อต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ท่านอ๋องของลูก มิได้เดินทางมาเพื่อสืบคดีความให้แก่ท่าน”
“หากเจ้าคิดจะจากไปตอนนี้ ข้าจะสืบเรื่องราวที่เจ้าเข้ามอบผ้าห่อศพและโลงศพให้แก่อ๋องฉู่อย่างละเอียด”
น้ำเสียงของโม่จงหรานกล่าวออกมาลอยๆ
แท้จริงแล้วในใจเขารู้ดียิ่งกว่าผู้ใดว่าหยุนหว่านหนิงและโม่หุยเหยียนมีความสัมพันธ์กันเช่นไร
หยุนหว่านหนิงเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของโม่จงหราน......
นางทำได้เพียงยิ้มขึ้นเล็กน้อยแล้วรีบนั่งลงอีกครั้ง “เสด็จพ่อเพคะ ทรงพระปรีชายิ่งนัก แต่เรื่องนี้จะโทษลูกมิได้ ท่านควรจะขอบใจลูกเสียด้วยซ้ำ”
“หากมิใช่เพราะลูกส่งสิ่งของเหล่านี้ไปให้แก่เขา ในอนาคตต่อให้อ๋องฉู่สิ้นใจไป คงมิมีใครยินดีจะเก็บศพให้เขา”
ผู้ที่กล้ากล่าวเช่นนี้ต่อหน้าโม่จงหราน นอกจากหยุนหว่านหนิงแล้วคงมิมีใครอื่น
“เสด็จพ่อ ท่านคงมิได้คิดจะตัดศีรษะลูกหรอกใช่ไหมเพคะ?”
หยุนหว่านหนิงยิ้มขึ้นแล้วยืดคอตรง “เสด็จพ่อจะตัดศีรษะลูกเสียบัดนี้หรือรออีกประเดี๋ยว? จะตัดตอนนั่งหรือตัดตอนนอน หรือรอให้หยวนเป่ากลับมาก่อนค่อยตัดศีรษะลูกก็มิสาย”
โม่จงหรานส่งเสียงหึๆ ออกมาในลำคอ “เจ้าอย่าเอาหยวนเป่ามาข่มขู่ข้าบ่อยครั้งนัก”
“จงบอกมาเร็วเข้า เจ้าคิดสิ่งใดได้กันแน่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...