อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 512

“ในใจของเสด็จพ่อกระจ่างแจ้งยิ่งกว่ากระจกใส เหตุใดจึงต้องเอ่ยถามลูกเล่า?”

หยุนหว่านหนิงเบ้ริมฝีปากเอ่ยอย่างมิพอใจนัก “เสด็จพ่อรู้อยู่ในใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องเป็นไปมาเช่นไร แล้วเหตุใดจึงต้องให้ลูกกลายเป็นคนร้ายนั้น?”

“ท่านมิใช่คนร้ายหรอกหรือ?”

โม่จงหรานส่งเสียงหึๆ

เขาจัดแจงเสื้อผ้า “ข้าเป็นถึงฮ่องเต้ คนร้ายนี้หากมิใช่เจ้า จะให้ข้ามารับหน้าที่แทนหรือ?”

“จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์!”

หยุนหว่านหนิงกัดฟันกล่าวออกมา

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

โม่จงหรานฟังมิชัด เขาเลิกคิ้วมองนาง

“ลูกรู้สึกว่าเสด็จพ่อทรงปรีชาสามารถยิ่งนัก!”

หยุนหว่านหนิงแสร้งยิ้ม “ดูเหมือนว่าในวันนี้หากลูกมิกล่าวสิ่งที่คิดออกมา เสด็จพ่อคงมิให้ลูกจากไปไหน”

“เสด็จพ่อเพคะ ตระกูลโจวกับอ๋องฮั่นนั้นรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน บัดนี้เมื่ออ๋องฮั่นตกอยู่ในความทุกข์ลำบาก ตระกูลโจวคงจะคิดหาวิธีมากมายมาช่วยเหลือเพื่อนำอ๋องฮั่นออกจากคุกหลวง มิใช่หาโอกาสใส่ความใส่ร้ายอ๋องฮั่นเช่นนี้”

โจวหยิงหยิงแต่งงานกับโม่ฮั่นอี่ว์ ด้านหลังของพวกเขาทั้งสองมีตระกูลโจวอยู่

ตระกูลโจวจะเรื่องเช่นนี้ โยนหินลงบ่อใส่โม่ฮั่นอี่ว์ได้อย่างไร?

“แม้ว่าตระกูลโจวจะเป็นตระกูลของแม่ทัพ แต่พวกเขาก็มิได้โง่ ต่อให้ต้องการทำร้ายอ๋องฮั่นจริงๆ เหตุใดจึงกระทำอย่างชัดเจนและถูกจับได้ง่ายดายเพียงนี้”

หยุนหว่านหนิงชะงักลงเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ด้วยเหตุนี้เองเรื่องราวในครั้งนี้......”

“อาจมีคนต้องการยืมมือตระกูลโจวมาทำร้ายอ๋องฮั่น หรือไม่ ภายในตระกูลโจวก็มีหนอนบ่อนไส้”

ประโยคนี้ของเขาทำให้โม่จงหรานนิ่งเงียบครุ่นคิด

ผ่านไปสักพัก เขาจึงยกมือขึ้นกล่าวว่า “เจ้ากลับไปได้แล้ว”

หยุนหว่านหนิงกลอกตามอง “......เสด็จพ่อเพคะ ท่านรื้อถอนสะพานเมื่อข้ามแม่น้ำได้แล้วหรือ ลูกพยายามครุ่นคิดให้จนสุดความสามารถ ท่านมิเอ่ยขอบคุณกลับยังมาไล่!”

“ไล่เจ้าหรือ?”

โม่จงหรานครุ่นคิด เมื่อครู่น้ำเสียงของเขาดูเหมือนไล่นางกลับไปจริงๆ

เขากระแอมออกมาแล้วกล่าวว่า “เจ้าจงไปเถิด”

หยุนหว่านหนิง “......ถวายบังคมเสด็จพ่อ”

นางเดินไปได้เพียงมิกี่ก้าวก็หันกลับมามองด้วยความประหลาดใจ “เสด็จพ่อเพคะ อ๋องฮั่นมีสภาพแบบนี้แล้ว ท่านคิดจะจัดการกับเขาเช่นไร?”

“ในเมื่อข้าตัดสินใจส่งเขาเข้าไปในคุกหลวงแล้ว แน่นอนว่าที่นี่จะเป็นที่หลับนอนสำหรับเขา ณ บัดนี้ เพียงแค่แน่ใจว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้ว ก็ให้เขาอยู่ในคุกหลวงต่อไป จะให้ข้าจัดการเช่นไรหรือ?”

“โหดเหี้ยม!”

หยุนหว่านหนิงมองไปทางโม่จงหรานแล้วจึงกล่าวขอตัว

......

เรื่องที่โม่ฮั่นอี่ว์ถูกวางพิษ ในมิช้าก็แพร่ไปทั่วพระราชวัง แม้แต่โม่เยว่ก็ได้ยินเช่นกัน

หยุนหว่านหนิงจะกลับมาถึงก็ได้ยินหรูโม่รายงานว่า “นายท่าน ข้าน้อยได้สั่งให้คนออกตามหาพยานหลักฐานแล้ว คาดว่ามิเกินสามวันก็คงได้เบาะแส”

“เหตุใดพี่รองจึงถูกวางยาพิษได้?”

โม่เยว่เอ่ยถาม

“ได้ยินว่า......”

หรูโม่ยังมิทันได้ตอบ น้ำเสียงของหยุนหว่านหนิงก็ดังขึ้นว่า “โทษที่เขาตะกละตะกลาม! จึงได้เป็นโอกาสให้คนอื่นมาวางยาพิษเอาไว้ เกือบเอาชีวิตเข้าไปเกี่ยวข้อง!”

“หากมิใช่เพราะพบเห็นทันเวลา คาดว่าบัดนี้ศพคงเย็นชืดแล้วกระมัง”

นางก้าวเท้าเข้ามาด้านใน

เมื่อเห็นนางเดินทางเข้ามา หรูโม่จึงได้เอามือแนบลำตัวยืนอยู่ด้านข้าง “พระชายา ผลการรบเป็นเช่นไร?”

เขาเอ่ยถามถึงเรื่องที่หยุนหว่านหนิงเดินทางเข้าวังในวันนี้

“เป็นไปอย่างราบรื่น!”

หยุนหว่านหนิงยังคงกล่าวต่อไปอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “คาดว่าคงมิเกินคืนนี้ ก็น่าจะได้เห็นผล!”

โม่เยว่รู้สึกสงสัยนัก “ผลอันใดหรือ?”

“ความลับ!”

หยุนหว่านหนิงยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “จริงสิ ในวันนี้ข้าถูกโม่หุยเหยียนกัดเข้าทีหนึ่ง ในวันหลังเจ้าต้องหาโอกาสกัดคืนข้าด้วย!”

รอยยิ้มของนางหุบลง สีหน้ามองไปทางโม่เยว่ด้วยท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจ เริ่มต้นฟ้องเขา

โม่เยว่เคยเห็นหยุนหว่านหนิงมาหลายมุม

ทั้งดุดัน เยือกเย็น โมโห น่าหงุดหงิดใจ......

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนางทำท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจต่อหน้าเขาเช่นนี้!

ก่อนหน้ามิใช่ว่ามิเคยเกิดเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน แต่ในตอนนั้นเป็นเพียงแสดงละคร หยุนหว่านหนิงและเขามีข้อตกกันอยู่ ว่าต้องปฏิบัติต่อหน้าสาธารณชนเสมือนสามีภรรยา

ด้วยเหตุนี้เอง ต่อหน้าฉินซื่อเสวียและหยุนติงหลาน ทั้งสองเคยแสร้งแสดงความรักต่อกันมาก่อน

หยุนหว่านหนิงปลอบนางว่า “แต่บัดนี้เขามิเป็นไรแล้ว เจ้าอย่าได้กังวลใจไป”

“เขามิเป็นไร แต่ข้าเป็น!”

โจวหยิงหยิงลากเก้าอี้เข้ามานั่ง โดยมิคำนึงว่าโม่เยว่ยังนอนอยู่ตรงนั้น นางร้องไห้ออกมาว่า “โม่ฮั่นอี่ว์ เจ้าคนบ้า ข้าจะหย่ากับเขา!”

หยุนหว่านหนิง “......”

นางอยากเตือนโจวหยิงหยิงเหลือเกินว่า มีเพียงโม่ฮั่นอี่ว์เท่านั้นนี่หย่านางได้ นางมิอาจขอหย่ากับเขาได้......

แต่เมื่อพบว่าโจวหยิงหยิงร้องไห้เสียใจเช่นนี้ นางจึงมิได้เอ่ย

“นอกจากกินแล้ว วันๆ เอาแต่หาเรื่อง ดูบัดนี้ก่อเรื่องใหญ่โตขึ้นมา ใครจะแก้ปัญหาให้เขาเล่า?”

โจวหยิงหยิงเอามือกุมหน้า น้ำตาไหลออกมาจากซอกนิ้ว “ทั้งยังเดือดร้อนเอาตระกูลโจวเข้าไปเกี่ยวด้วย! บิดาข้าก็มิอยู่เมืองหลวง เจ้าว่าข้าควรทำอย่างไร?!”

“บัดนี้ด้านนอกล้วนพูดกัน ว่าตระกูลโจวของเราคิดจะฆ่าเขา”

“ใครทำร้ายใครกันแน่! เจ้าคนไร้ประโยชน์คนนี้!”

แม้โจวหยิงหยิงจะร้องไห้ออกมาอย่างแสนเศร้าพลางด่าโม่ฮั่นอี่ว์ แต่หยุนหว่านหนิงฟังแล้วรู้สึกอยากขำ

“หยิงหยิง โม่ฮั่นอี่ว์เป็นสามีของเจ้านะ!”

“เป็นสามีข้าแล้วอย่างไร? มีบางคำว่ากันว่าสามีภรรยาเหมือนนกร่วมรัง ยามเดือดร้อนต่างพากันบินหนีมิใช่หรือ? ข้าอยากบินไปเสียบัดนี้เลย......” โจวหยิงหยิงร้องไห้ต่อไป

หยุนหว่านหนิงมองไปที่นางอย่างขำขัน จากนั้นมองไปทางโม่เยว่

สายตาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า : ดูสิ! เจ้าเกิดเรื่องใหญ่โตเพียงนี้ข้ายังมิโบยบินไปไหน เจ้าจงซาบซึ้งในน้ำใจข้า!

โม่เยว่ยิ้มกลับเบาๆ : ข้าขอบใจเจ้าที่มิโบยบินหนีไป!

“ที่เจ้าเดินทางมาวันนี้ ก็เพื่อบอกข้าว่าเจ้าจะหย่ากับโม่ฮั่นอี่ว์หรือ?”

หยุนหว่านหนิงละสายตากลับคืนมา แล้วเอ่ยถามโจวหยิงหยิงว่า “บัดนี้เจ้าอยากจะบินออกไปจากจวนอ๋องฮั่นที่เหมือนนรกนี้ เพื่อสลัดความรับผิดชอบต่างๆ ทิ้งไปใช่หรือไม่?”

“แน่นอนว่ามิใช่!”

โจวหยิงหยิงวางมือลงแล้วร้องไห้ต่อไป

หยุนหว่านหนิงจึงวางใจลง

นางรู้ดีว่าโจวหยิงหยิงมิใช่คนเช่นนี้!

ใครจะรู้เล่าว่าวินาทีต่อมา พวกเขาก็ได้ยินโจวหยิงหยิงกล่าวขึ้นอีกว่า “ข้าอยากจะบินหนีไป! แต่ข้าบินมิได้ ข้าไปมิได้!”

นางสะอื้นว่า “หนิงเอ๋อร์ ข้า ข้าแย่แล้ว ข้าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!”

เมื่อเห็นนางร้องไห้อย่างหนัก หยุนหว่านหนิงก็กังวลขึ้นมาทันใด “เรื่องใดกันแน่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์