“ข้า ข้า ฮือๆ ......”
โจวหยิงหยิงยังมิได้กล่าวสิ่งใด นางร้องไห้ร้องห่มว่า “ข้า ข้าตั้งครรภ์ลูกของเจ้าโม่ฮั่นอี่ว์!”
น้ำเสียงของนางร้องออกมาดังลั่น!
แม้แต่โม่เยว่เองก็อดมิได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วยกมือปิดหู
หากมิได้เห็นแก่ที่โจวหยิงหยิงเป็นสหายคนสนิทของหยุนหว่านหนิง เขาคงไล่นางออกไปตั้งนานแล้ว!
หยุนหว่านหนิงก็ตกตะลึงเช่นกัน “เจ้าตั้งครรภ์งั้นหรือ?”
“ฮือๆ ข้าเพิ่งออกมาจากโรงหมอหลวงเมื่อครู่เอง!”
โจวหยิงหยิงฟุบหน้าลงที่โต๊ะ ร้องไห้สะอึกสะอื้น “ข้าได้ยินมาว่าท่านอ๋องของข้าถูกวางยาพิษ ข้าก็รีบเดินทางเข้าวังทันที แต่กลับถูกเสด็จพ่อรั้งไว้ข้างนอกคุกหลวง”
“จากนั้นข้าได้พบกับหมอหลวงเหอ ข้าบอกว่าช่วงนี้ข้าสุขภาพร่างกายมิดีนัก จึงได้เดินทางไปโรงหมอหลวงกับหมอหลวงเหอ”
“เขาจับชีพจรข้าดู แล้วบอกว่าข้าตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว......”
โจวหยิงหยิงเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาแดงเรื่อ “หนิงเอ๋อร์ ข้าควรทำเช่นไรดี!”
ในตอนนั้นนางกับโม่เยว่พยายามเพียงไรก็มิมีบุตร
มิว่าจะเป็นหมอหลวงหรือว่าเป็นหมอชาวบ้าน ได้ยินว่าที่ใดมีหมอดีมียาดี
โจวหยิงหยิงล้วนเดินทางไปดู ทั้งยังให้หยุนหว่านหนิงช่วยนางดูอาการนี้ด้วย
โม่ฮั่นอี่ว์และโจวหยิงหยิงร่างกายมิได้มีปัญหาใด แต่พวกเขาแต่งงานกันมาหลายปีแล้วยังมิมีบุตรสักที โจวหยิงหยิงคิดว่าคงเป็นเพราะสวรรค์มิเมตตาพวกเขา
ด้วยเหตุนี้เอง ทั้งสองจึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ไป
คาดมิถึงว่าทันทีที่พวกเขาล้มเลิกความคิดนี้และพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา กลับมาตั้งครรภ์เสียอย่างนั้น......
“สวรรค์กำลังแกล้งข้าอยู่งั้นหรือ?”
โจวหยิงหยิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วตะโกนออกมา “บัดนี้โม่ฮั่นอี่ว์ถูกโยนเข้าไปอยู่ในคุกหลวง แต่ข้ากลับตั้งครรภ์เสียได้ ต่อไปนี้สองคนแม่ลูกเราจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรเล่า!”
วินาทีแรกที่นางรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์ นางมิได้ดีใจเลย
นางกังวลใจต่างหาก กังวลใจเป็นอย่างยิ่ง!
นับตั้งแต่นางเดินทางออกมาจากโรงหมอหลวง นางก็ร้องไห้ตลอดทางจนกระทั่งถึงจวนอ๋องหมิง
แม้แต่ตอนที่นางเจอเข้ากับเต๋อเฟย ณ อุทยานหลวง นางก็มิได้แม้แต่จะเอ่ยทักทาย ได้แต่ก้มหน้าก้มตาร้องไห้แล้ววิ่งหนี
ทำเอาเสียเต๋อเฟยถึงกับงุนงง
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วเข้าหากัน
บัดนี้เมื่อโจวหยิงหยิงตั้งครรภ์ กล่าวได้ว่าเป็นปัญหาจริงๆ
มิว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่ต้องการทำร้ายโม่ฮั่นอี่ว์จะเป็นโม่หุยเหยียนหรือไม่ แต่บัดนี้เป้าหมายของอีกฝ่ายชัดเจนมาก นั่นก็คือต้องการทำให้โม่ฮั่นอี่ว์ถึงแก่ตาย รวมไปถึงตระกูลโจวที่อยู่เบื้องหลังเขาด้วย
เพราะหากว่าตระกูลโจวสิ้นลงแล้ว โม่ฮั่นอี่ว์ก็พ่ายแพ้ตั้งแต่ยังมิได้สู้
เนื่องจากเบื้องหลังของเขามีเพียงตระกูลโจวเท่านั้น
แต่ตอนนี้โจวหยิงหยิงกำลังตั้งครรภ์ มิแน่ว่าโม่จงหรานอาจจะเห็นแก่เด็กในครรภ์ของนางแล้วปล่อยตัวโม่ฮั่นอี่ว์
แต่นี่มิใช่ฉากที่คนผู้นั้นต้องการจะเห็นอย่างแน่แท้
ด้วยเหตุนี้เอง หากอีกฝ่ายรู้ว่าโจวหยิงหยิงตั้งครรภ์ สองแม่ลูกก็คงตกอยู่ในอันตราย
แม้ว่าโจวหยิงหยิงจะมีความคิดที่เรียบง่าย แต่นางก็นึกถึงเรื่องนี้ได้ ด้วยเหตุนี้จึงร้องไห้ร้องห่มเดินทางมาหาหยุนหว่านหนิง
การที่นางคิดจะหย่าร้างกับโม่ฮั่นอี่ว์นั้นก็เพื่อเป็นการปกป้องทารกในครรภ์ของนาง
การที่ต้องการจะขีดเส้นตัดความสัมพันธ์กับโม่ฮั่นอี่ว์ ก็เป็นเพราะต้องการอยากจะให้เขาผู้นั้นปล่อยลูกของนางไป
นี่คือปฏิกิริยาแรกของผู้เป็นมารดาที่จะกระทำตามสัญชาตญาณ
“หยิงหยิง เจ้าอย่าได้กังวลใจไป”
หยุนหว่านหนิงปลอบนาง “การตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ดี”
“เรื่องดีอะไรไป! ข้าตั้งครรภ์แล้วจะน่าสมเพชหรือ? ข้าเพิ่งจะตั้งครรภ์เท่านั้น แต่จู่ๆ ก็ถูกฆ่าตายเสีย”
กล่าวจบ โจวหยิงหยิงก็เงยหน้าขึ้นมองโม่เยว่
นางสูดจมูกแล้วร้องไห้ “เจ้าดูสิ”
“สามีของเจ้าเก่งกาจถึงเพียงนี้ก็ยังบาดเจ็บได้ แล้วจะให้ข้าทำอย่างไร!”
โม่ฮั่นอี่ว์ถูกส่งตัวเข้าไปในคุกหลวง โจวหยิงหยิงก็รู้สึกฟ้าดินถล่มทลาย
ตามปกติทั้งสองคนอาจมีการทะเลาะกันบ้างเล็กน้อย แต่ละวันกินๆ ๆ โม่ฮั่นอี่ว์ก็มิสนใจเรื่องราวภายนอกเท่าไรนัก
แต่การมีชายหนุ่มที่บ้านสักคน ก็นับว่าเป็นเสาหลักได้
บัดนี้เสาหลักของบ้านกำลังจะถล่มทลายลงมา
จากนั้นตระกูลโจวก็ถูกสงสัย โจวหยิงหยิงรู้สึกปวดหัวรีบร้อนใจยิ่งนัก
โจวหยิงหยิงยื่นข้อมือไปให้หยุนหว่านหนิง
นางตรวจชีพจรอย่างละเอียดแล้วกล่าวว่า “ทารกในครรภ์มีพัฒนาการที่ดียิ่ง เพียงแต่สองสามวันมานี้เจ้าอารมณ์แปรปรวน เป็นไปได้อย่างยิ่งที่อาจทำร้ายถึงทารกในครรภ์”
“เจ้าคงต้องควบคุมอารมณ์ของตนเอง เนื่องจากอารมณ์ของมารดานั้นส่งผลอย่างมากต่อทารกในครรภ์”
“จริงหรือ?”
โจวหยิงหยิงเอ่ยถามอย่างกระวนกระวายใจ “แล้ว แล้วเขาจะเป็นอะไรหรือไม่?”
“ตอนนี้มิเป็นไรหรอก แต่ในอนาคตเจ้าควรระมัดระวังเอาไว้ ทางด้านของอารมณ์และเรื่องของอาหารการกินก็ควรใส่ใจ ทั้งยังมีเรื่องในชีวิตประจำวันอื่นๆ ”
หยุนหว่านหนิงกล่าวต่อไปว่า “ตั้งครรภ์สามเดือนแรกอาจเกิดการแท้งบุตรได้ง่าย”
“อืม ข้าจำเอาไว้แล้ว”
สีหน้าของโจวหยิงหยิงซีดลง มือทั้งสองข้างวางลงบนหน้าท้องท้องน้อยโดยสัญชาตญาณ
“หากเจ้ากลัวละก็ ช่วงนี้เจ้าอาศัยอยู่ที่จวนอ๋องหมิงก่อนก็ย่อมได้”
หยุนหว่านหนิงหันไปมองโม่เยว่
เมื่อพบว่าเขามิได้ปฏิเสธจึงได้เอ่ยต่อไปว่า “รอให้เรื่องราวที่ด้านนอกซาลงบ้างแล้ว ค่อยกลับไปที่จวนอ๋องฮั่น”
โจวหยิงหยิงเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
หลังจากร่ำไห้อยู่เนิ่นนาน เสียงของนางก็แหบแห้ง “ฮือๆ เจ้าดีกับข้าเหลือเกิน ข้ามิรู้ว่าจะตอบแทนเจ้าอย่างไรดี!”
“เอาละ อย่าได้ร้องไห้เลย ระวังทารกในครรภ์ด้วย”
หยุนหว่านหนิงยิ้มขึ้นแล้วกำชับให้บ่าวรับใช้จัดเตรียมห้องให้แก่โจวหยิงหยิงห้องหนึ่ง
จากนั้นให้บ่าวรับใช้พานางไปอาบน้ำล้างตัว และเดินทางไปที่จวนอ๋องฮั่นเพื่อนำสิ่งของเครื่องใช้มาบางส่วน
หลังจากที่โจวหยิงหยิงจากไปแล้ว หยุนหว่านหนิงจึงลุกขึ้นเดินไปที่ข้างเตียง “การที่ข้าให้นางพำนักอยู่ที่นี่โดยพลการ เจ้าโกรธข้าหรือไม่?”
“เหตุใดข้าจึงต้องโกรธด้วย เจ้าเป็นนายหญิงที่จวนนี้ เรื่องเหล่านี้เจ้าสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง”
โม่เยว่ยิ้มขึ้นเบาๆ
หลังจากที่ทั้งสองคนเปิดใจคุยกัน นิสัยของหยุนหว่านหนิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
แต่เขาคุ้นเคยกับหยุนหว่านหนิงก่อนหน้านี้มากกว่า ผู้ที่เฉียบขาดดุดัน ตัดสินใจด้วยตนเองในทุกเรื่อง มิสนใจว่าเขาคิดเห็นอย่างไร
โม่เยว่มองไปที่นาง “เพียงแต่ว่า......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...