อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 514

“เพียงแต่อะไรงั้นหรือ?”

หยุนหว่านหนิงอดมิได้ที่จะชะโงกหน้าเข้าไปใกล้

ดวงตาของนางเบิกกว้าง ราวกับกำลังสื่อว่า ‘หากเจ้ากล้าคัดค้าน ข้าจะต่อยเจ้าให้’

“เพียงแต่ว่าตอนนี้โจวหยิงหยิงก็ตั้งครรภ์แล้ว แล้วเราสองคนเมื่อไหร่จะมีลูกอีกสักคน?”

โม่เยว่ยังคงมิยอมแพ้

ก่อนหน้านี้ เขาพยายามพูดกับหยุนหว่านหนิงเรื่องของลูกคนที่สอง แต่ทุกครั้งก็ถูกนางปฏิเสธอย่างหนักแน่น โม่เยว่เกรงว่าจะทำให้นางโมโห จึงมิกล้าเอ่ยเรื่องนี้ต่อหน้านางอีก

แต่บัดนี้......

โอกาสดีๆ มาถึงแล้วมิใช่หรือ?

“เจ้าฝันไปเถอะ!”

แววตาของหยุนหว่านหนิงเปลี่ยนเป็นความท้าทายและขบขัน ยั่วยุ “สภาพของเจ้าในตอนนี้ เจ้าให้กำเนิดบุตรได้หรือ?”

“หากเจ้าทำได้ ข้ากล้าที่จะตั้งครรภ์บัดเดี๋ยวนี้!”

“เจ้ากล้าดูถูกข้า!”

โม่เยว่ขยับร่างกาย แต่ถูกสัมผัสเข้ากับบาดแผลโดยมิได้ตั้งใจ เขาถึงกับสูดปากเข้าด้วยความปวด

เมื่อเห็นใบหน้าอันซีดจากความเจ็บปวดของเขา หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง “สภาพของเจ้าในตอนนี้น่ะหรือ ยังคิดอยากจะมีลูก รอให้เจ้าหายจากอาการบาดเจ็บแล้วค่อยว่ากัน!”

“แต่ว่า......”

นางเริ่มกลั่นแกล้งโม่เยว่

“แต่อะไร?”

โม่เยว่เหงื่อแตกพลั่กจากความเจ็บปวดแต่ยังคงจ้องมองไปที่นาง

หยุนหว่านหนิงหัวเราะขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ มือทั้งสองข้างค่อยๆ เคลื่อนไปที่บริเวณเอว นางดึงเข็มขัดที่เอวออกช้าๆ “หากเจ้าอยากได้ ข้าจะให้เจ้าตอนนี้ก็ได้”

“แต่ข้ามิให้ ข้าจะแกล้งเจ้า!”

หยุนหว่านหนิงปลดเข็มขัดออก เสื้อคลุมตัวนอกเผยอออกเล็กน้อย เผยให้เห็นเพียงตู้โตว(*ชุดชั้นในสมัยโบราณ)ในสีเงินเทาข้างใน

บริเวณไหปลาร้าร่างของนางงดงามเหลือเกิน ลำคออันเรียวยาวน่าดึงดูดดุจดั่งคอหงส์ ทำให้โม่เยว่มิอาจละสายตาไปได้เลย

เมื่อมองลงมาด้านล่าง บริเวณโค้งเว้านั้นช่างมีเสน่ห์ดึงดูด......

โม่เยว่อดมิได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ

ดวงตาของเขามืดลง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความปรารถนาและแหบแห้ง ดูยั่วยวน “หนิงเอ๋อร์ สวมเสื้อผ้าให้ดี!”

“ข้ามิ!”

หยุนหว่านหนิงจงใจแกล้งเขา

มือข้างซ้ายของนางสัมผัสไปที่ขอบเตียง เสื้อผ้าที่สวมใส่หลวมโคล่ง เผยให้เห็นบ่าของนาง

มือข้างขวาค่อยๆ เคลื่อนไปจับที่แก้ม ไล่ลงไปที่คอและกระดูกไหปลาร้า แววตานั้นมีเสน่ห์ยั่วยวนอย่างที่โม่เยว่มิเคยเห็นมาก่อน

“เป็นอย่างไรเล่า สนุกหรือไม่?”

เมื่อเห็นว่าทั้งหน้าและหูของโม่เยว่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ ลมหายใจของเขาก็ดูติดขัด เขามิกล้าขยับเขยื้อนได้แต่หลับตาลงด้วยความเจ็บปวด......

หยุนหว่านหนิงจึงลุกขึ้นนั่งแล้วแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนจะหัวเราะเสียงดังว่า “ฮ่าๆ เจ้าโม่เยว่ก็มีวันนี้อย่างงั้นหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้ารู้สึกเช่นไร?”

“ข้าสะใจเหลือเกิน!”

ตัวโม่เยว่ในตอนนี้มิแตกต่างอันใดกับหมาป่าที่หิวโหย

ทั้งๆ ที่มีอาหารมาวางให้ตรงปากแล้ว แต่เขากลับกินมิได้

ความรู้สึกเช่นนี้มัน......

เพียงแค่คิดก็รู้สึกปวดใจเหลือเกิน

หยุนหว่านหนิงแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ลุกขึ้น มองไปทางโม่เยว่ด้วยความสะใจ “เอาละ แค้นนี้ข้าชำระแล้ว ต่อจากนี้ไปความคับข้องใจระหว่างเราสองคนถือว่าหายกัน”

“เรามาทำความรู้จักกันใหม่ดีหรือไม่?”

นางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าชื่อหยุนหว่านหนิง แล้วเจ้าเล่า?”

โม่เยว่ “......”

สตรีคนนี้ทำให้เขาหมั่นเขี้ยวเหลือเกิน

แต่ก็ทำให้ เขารู้สึกรักอย่างหัวปักหัวปำ

ทั้งรักและเกลียด ทำให้เขาจมดิ่งลงไปในนั้น มิอาจเรียกตัวตนของตนเองกลับคืนมาได้เลย

“โม่เยว่!”

เขาเอ่ยออกมาสองคำอย่างดุดัน

“สวัสดีโม่เยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้ามิเลวเลย เราลองคบหากันดูหรือไม่?”

หยุนหว่านหนิงแกล้งเขาต่อไป

“หนิงเอ๋อร์!”

โม่เยว่ตะคอกด้วยความโมโห “ตอนนี้ข้าเป็นคนป่วย เจ้าแกล้งคนป่วยเช่นนี้ ช่างไร้เหตุผลเหลือเกิน!”

เขาคิดอยู่ในใจอย่างชั่วร้าย รอเมื่อไรที่เขาหายดีก่อนเถิด เขาจะต้องลงโทษแม่นางตัวน้อยคนนี้แน่ เอาให้นางมิอาจลุกขึ้นจากเตียงได้เป็นเวลาสามวันสามคืน!

“ข้าชอบที่จะทำเช่นนี้”

นางไร้กังฟู ให้หรูโม่เดินทางตามไปด้วยอาจจะสบายใจกว่า

นายและบ่าวสองคนเดินทางเข้าวังทันที

“พระชายา ข้าน้อยรู้สึกว่าการที่พระชายาฮั่นเรียกร้องจะอาศัยอยู่ในจวนอ๋องหมิงในตอนนี้ ดูน่าสงสารยิ่งนัก พระชายาฮั่นคงมิใช่สายสืบที่ใครบางคนส่งมาหรอกใช่หรือไม่......”

ตามปกติแล้วหรูโม่จะเป็นคนนิ่งเงียบ เขามิได้พูดเก่งเหมือนหรูอวี้

นานๆ ครั้งที่เขาเอ่ยสิ่งใดออกมาล้วนแต่มีเหตุมีผล

แท้จริงแล้วก็มิใช่ว่าหยุนหว่านหนิงมิเคยคิดสงสัย

เช่นเดียวกับเหตุการณ์ของเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ก่อนหน้า ทั้งนางและโม่เยว่ล้วนสงสัยว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นโม่ฮั่นอี่ว์

แต่ข้อเท็จจริงพิสูจน์ได้ว่าแม้โม่ฮั่นอี่ว์จะดูสงสัยน่าสงสัย แต่มิใช่เขาที่เป็นคนทำ

สองสามีภรรยาช่างไร้เดียงสา จะมีอุบายมากมายเช่นนั้นได้อย่างไร?

หยุนหว่านหนิงบ่นพึมพำว่า “มิใช่ว่าข้าสงสัยในตัวหยิงหยิง แต่เราต้องระมัดระวังไว้เป็นดี เจ้าจงส่งคนไปคอยจับตามองดูหยิงหยิง เช่นนี้ก็สามารถปกป้องนางได้ด้วย”

“ขอรับพระชายา”

ขณะที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น ทั้งสองก็ได้เดินทางมาถึงโรงหมอหลวง

แต่หมอหลวงเหอมิอยู่

“มิอยู่หรือ?”

หยุนหว่านหนิงหรี่ตาลงเล็กน้อย “เวลานี้ดูเหมือนจะยังมิถึงเวลาที่โรงหมอหลวงจะปิดมิใช่หรือไร บัดนี้หมอหลวงหยางมิอยู่ในเมืองหลวง เหตุใดเขาจึงเดินทางออกจากที่นี่โดยพลการ?”

หมอหลวงที่ตอบคำถามของนางสังเกตได้ว่านางแผ่รังสีความโกรธออกมา ดังนั้นจึงมิกล้าแม้แต่จะหายใจ

เขากัดฟันตอบกลับว่า “ทูลพระชายาหมิง กระหม่อมเองก็มิทราบว่าหมอหลวงเหอไปที่ใด”

“เช่นนั้นข้าจะรอเขาอยู่ที่นี่!”

หยุนหว่านหนิงเงยหน้าเชิดคางขึ้น

หรูโม่รีบไปนำเก้าอี้มาวาง นางนั่งอยู่ที่หน้าโรงหมอหลวง รอให้หมอหลวงเหอกลับมา

นางมิเชื่อว่านางจะมิอาจรอจนเขากลับมาได้

ใครจะรู้เล่าว่า แม้นรออยู่จนกระทั่งถึงเวลาที่โรงหมอหลวงปิดลง หมอหลวงทั้งหลายพากันเดินทางออกจากพระราชวังเพื่อกลับบ้านแล้ว แต่หมอหลวงเหอก็ยังมิได้กลับมา

สีหน้าของหยุนหว่านหนิงดูมืดมนลงเล็กน้อย

นางมองไปยังรอบกาย พบว่าโคมไฟในพระราชวังบริเวณทางเดินถูกจุดส่องสว่าง แสงจันทร์ก็เริ่มเป็นประกายทั่วท้องฟ้า

แสงนี้เพิ่มความนุ่มนวลให้แก่ยามค่ำคืนเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ดูหนาวเย็นลง ขณะที่หยุนหว่านหนิงกำลังจะลุกขึ้นยืนนั้น ก็พบร่างของใครบางคนเดินตรงเข้ามาทางโรงหมอหลวงอย่างรีบร้อน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์