“หมอหลวงเหอกลับมาแล้ว!”
หมอหลวงที่ยืนอยู่ด้านหลังของหยุนหว่านหนิงพบว่าหมอหลวงเหอเดินตรงเข้ามาก็ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
หากแม่นางผู้นี้มิเดินทางจากไปละก็ พวกเขาจะกล้าจากไปไหนได้อย่างไร
“หมอหลวงเหอ!”
เขารีบก้าวไปด้านหน้ากล่าวว่า “พระชายาหมิงรอท่านอยู่เนิ่นนานแล้ว ท่านไปที่ได้มากันเล่าจึงเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้?”
หมอหลวงเหอถึงกับตกตะลึง
บัดนี้ทุกคราที่เขาเห็นหยุนหว่านหนิง ก็รู้สึกขนลุกขนพอง อดมิได้ที่จะประมาท
“ถวายบังคม พระชายาหมิง”
มิว่าเขาจะรู้สึกประหม่าเพียงใด แต่ในเวลานี้ก็จำเป็นต้องเผชิญหน้าเนื่องจากหนีมิพ้นแล้ว......หมอหลวงเหอรีบก้าวไปข้างหน้าทำความเคารพ ก้มหน้าลงมิกล้ามองนาง
“จงเงยหน้าขึ้น”
ใบหน้าของหยุนหว่านหนิงดูน่ากลัวและมืดมน
หมอหลวงเหอได้ยินดังนั้นก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นตามคำสั่ง แต่มิกล้าสบตากับนาง แววตาของเขาปกปิดบางอย่างเอาไว้
“ข้ามิเข้าใจว่าบัดนี้โรงหมอหลวงเหตุใดจึงหละหลวมหนัก โรงหมอหลวงยังมิถึงเวลาปิดทำการ เหตุใดพวกเจ้าจึงได้ออกจากหน้าที่การงานไปที่อื่นโดยมิต้องบอกกับใครล่วงหน้า?”
หยุนหว่านหนิงยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น “หมอหลวงเหอ โรงหมอหลวงแห่งนี้ ตระกูลของเจ้าเป็นคนเปิดขึ้นหรืออย่างไร?”
“เอ่อ......”
หมอหลวงเหอพูดมิออก
เมื่อเห็นว่านางมิได้มาดี แต่เขาก็มิกล้าประมาทเลินเล่อ รีบตอบว่า “พระชายาหมิง โปรดใจเย็นก่อนเถิด กระหม่อมมิกล้า”
“มิกล้า? จากที่ข้าดูแล้วเจ้ากล้าดียิ่งนัก!”
น้ำเสียงของหยุนหว่านหนิงดูสงบนิ่ง แต่ความโกรธมิอาจซ่อนเอาไว้ได้ “ดูเหมือนว่าที่โรงหมอหลวงนี้คงต้องให้ข้าจุดไฟเผาเองกับมือ และเผาพวกที่ยึดเอาอำนาจไว้ในมือของตนไปจนสิ้น ทุกคนจึงจะปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจังสินะ?”
ก่อนหน้านี้เนื่องจากหมอหลวงสั่งยาให้กับเต๋อเฟยแต่ยานั้นมีปัญหา หยุนหว่านหนิงจึงได้เดินทางมาอาละวาดที่โรงหมอหลวงแล้วครั้งหนึ่ง
หากมิใช่เพราะมีฮองเฮาจ้าวเข้ามาเกี่ยวข้อง เกรงว่านางอาจจะเผาโรงหมอหลวงจนลุกไหม้เป็นไฟ
ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็กลับเป็นเงาอยู่ในใจของโรงหมอหลวงไปแล้ว
ด้วยเกรงว่าแม่นางน้อยคนนี้จะอารมณ์เสียและเผาโรงหมอหลวงขึ้นมาจริงๆ
บัดนี้เมื่อฟังนางกล่าวมา......
ทุกคนจึงตื่นตระหนกขึ้นอีกครั้ง
บัดนี้หมอหลวงเหอเข้าใจดีว่าหยุนหว่านหนิงเป็นคนที่กล้าพูดกล้าทำ!
แม้แต่ตำหนักซีเยว่ นางก็กล้าที่จะรื้อทำลาย แล้วมีเรื่องใดที่นางมิกล้าอีกเล่า
“พระชายาหมิงโปรดเถิด อย่าได้โกรธเลย สงบสติลงก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
บัดนี้หมอหลวงเหอมิกล้าเอ่ยประโยคอื่นใดนอกเสียจากประโยคนี้เท่านั้น เขาพยายามอธิบายอย่างระมัดระวังว่า “เมื่อตอนบ่ายกระหม่อมมีเรื่องต้องเดินทางไปจัดการ ด้วยเหตุนี้ ด้วยเหตุนี้จึง......”
“จึงได้เดินทางออกจากหน้าที่ของตนโดยพลการงั้นหรือ?”
หยุนหว่านหนิงชำเลืองมองเขาอย่างเย็นชา
เมื่อเห็นว่าหมอหลวงคนอื่นๆ ก็ตกใจหวาดกลัวมิน้อย หยุนหว่านหนิงจึงยกมือขึ้นโบกกล่าวว่า “พวกเจ้าจงกลับไปก่อนเถิด”
หมอหลวงทั้งหลายจึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วทำความเคารพจากไป
เหลือไว้แต่เพียงหมอหลวงเหอที่เหงื่อตกตัวงอมิกล้าเงยหน้าขึ้น
รอจนกระทั่งทุกคนจากไปหมดแล้ว หยุนหว่านหนิงจึงลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “ที่ข้าเดินทางมาโรงหมอหลวงในวันนี้ก็มิได้มีเรื่องอื่นใด”
“ท่านอ๋องของข้าต้องการสมุนไพรสักเล็กน้อยนำไปรักษาอาการ จึงได้เดินทางมาที่โรงหมอหลวงเพื่อขอสมุนไพรเหล่านี้”
“เพียงแต่หมอหลวงคนอื่นๆ กล่าวว่าหากจะนำสมุนไพรเหล่านี้ไปจำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากหมอหลวงหยางเสียก่อน”
นางเดินไปที่ประตูแล้วหันกลับมามองดูหมอหลวงเหอ “แต่บัดนี้หมอหลวงหยางมิอยู่ ข้าจึงทำได้เพียงรอให้เจ้ากลับมาประทับตรา”
นางหัวเราะแบบกึ่งยิ้ม “แม้จะกล่าวว่าจวนอ๋องหมิงเดินทางมาเอาสมุนไพรยังจำเป็นต้องให้เจ้าอนุญาตเสียก่อนจึงจะนำยาไปได้ เรื่องนี้อาจทำให้ข้ารู้สึกมิพอใจนัก แต่ใครใช้ให้ข้าเป็นพระชายาที่เชื่อมั่นในกฎหมายและมีโหดมีเหตุมีผลเช่นนี้เล่า”
ประโยคนี้ทำให้หัวใจของหมอหลวงเหอสั่นสะท้านมากขึ้น
“พระชายาขอรับ กล่าวเกินไปแล้ว กระหม่อมมิกล้า”
หมอหลวงเหอรีบลุกขึ้นเดินตามไป
“นี่คือกฎของโรงหมอหลวง เกี่ยวอะไรกับการที่เจ้าจะกล้าหรือไม่กล้า?”
หยุนหว่านหนิงชี้ไปที่ลิ้นชักด้านบน “จงนำสมุนไพรเหล่านั้นมาให้ข้า”
หมอหลวงเหอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที “พระชายาขอรับ สมุนไพรเหล่านี้มีพิษร้ายแรง ท่าน ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าจะนำสมุนไพรเหล่านี้ไป?”
ในการแพทย์แผนจีนนั้น ยาและพิษใช้ร่วมกันได้ ซึ่งหมายความว่ายาทุกอย่างล้วนมีพิษในตัว
ส่วนการที่สมุนไพรเหล่านี้ถูกเก็บเอาไว้ในลิ้นชักสูง นั่นก็เพราะว่าหากนำออกไปใช้จะต้องได้รับการยอมรับจากหมอหลวงหยางเสียก่อน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย คำสัญญาที่เขามีให้ต่อพระชายาฮั่นเทียบกับชีวิตของตน แน่นอนว่าชีวิตต้องสำคัญกว่า
ใครใช้ให้นางนำมีดมาจ่อเอาไว้ที่ตรงบันไดเล่า นางอาจจะฟันบันไดและเขาอาจตกลงไปตายเมื่อไหร่ก็ได้
ต่อให้มิถึงตาย หยุนหว่านหนิงก็คงมิลังเลและแทงเขาอย่างแน่นอน......
น้ำเสียงของหมอหลวงเหอตอบอย่างสั่นสะท้านว่า “พระชายาหมิง ท่าน ท่านกำลังข่มขู่กระหม่อมอยู่มิใช่หรือ นอกจากท่านแล้ว กระหม่อมมิได้บอกผู้ใดทั้งสิ้น!”
“จริงหรือ?”
แววตาของหยุนหว่านหนิงดูเป็นอันตราย
“จริงแท้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกล้าเอาชีวิตของตนเป็นประกัน กระหม่อมยังมิได้บอกกับผู้ใดเลย”
“ยังมิได้บอกกับผู้ใดงั้นหรือ?”
หยุนหว่านหนิงเย้ยหยันขึ้นว่า “เจ้าหมายความว่า หากในวันนี้ข้ามิเดินทางมาพบเจ้า เจ้าก็จะบอกเรื่องนี้กับคนอื่นหรือ?”
หมอหลวงเหอผงะ
ต่อมาเขาจึงได้พบว่าตนพูดผิดไป
“มิกล้า กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ!”
หมอหลวงเหอมองไปยังใบหน้าอันยิ้มแย้มและมีดพร้าในมือของนาง น้ำเสียงของเขาแทบร่ำไห้ “ในเมื่อกระหม่อมได้ตอบตกลงกับพระชายาฮั่นเอาไว้แล้ว แน่นอนว่ากระหม่อมจะมิบอกกับผู้ใด”
“เจ้าพูดเองนะ เรื่องนี้เจ้ารู้ ข้ารู้ ฟ้าดินรู้ และยังมีพระชายาฮั่นเท่านั้นที่รู้......”
หยุนหว่านหนิงวางมีดพร้าลงบนพื้นกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า “หากมีบุคคลที่สี่รู้เรื่องนี้ละก็ มิว่าจะเป็นเจ้าหรือไม่ที่พูดออกไป แต่ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าแน่!”
“เข้าใจแล้วหรือไม่?”
หมอหลวงเหอพยักหน้ารัวๆ ราวกับไก่จิกเมล็ดข้าว “กระหม่อมเข้าใจ กระหม่อมเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”
หยุนหว่านหนิงจึงได้นำมีดพร้ายื่นส่งไปให้หรูโม่ เป็นความหมายว่าให้หมอหลวงเหอนำยามา
“พระชายาหมิงพ่ะย่ะค่ะ ยังต้องการยาเหล่านี้หรือไม่?”
“หากข้ามิต้องการ แล้วจะให้เจ้าปีนขึ้นไปทำไม!”
หยุนหว่านหนิงตอบอย่างไร้ความอดทน
หมอหลวงเหอก็มิกล้าเอ่ยมากความ เขาหุบปากนิ่ง หลังจากที่หยิบสมุนไพรเหล่านั้นออกมาแล้ว ก็ค่อยๆ ลงจากบันไดด้วยขาที่สั่นเทา
โดยมิคาดฝัน บันไดไม้ไผ่นั้นส่งเสียงดัง “แก๊ก!” จากนั้นมันก็ได้กระแทกหล่นลงไปทางหยุนหว่านหนิงอย่างจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...