อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 517

ซูปิ่งซ่านเดามิออกว่าหยุนหว่านหนิงต้องการทำสิ่งใด นางเองก็มิยอมบอก

ด้วยความที่มิรู้จะทำเช่นไร จึงทำได้เพียงพานางไปยังห้องบรรทมของโม่จงหราน

บัดนี้โม่จงหรานยังมิหลับลง

เมื่อพบว่าซูปิ่งซ่านพาหยุนหว่านหนิงมาที่นี่ และยังมีหมอหลวงเหอที่สลบมิได้สติ......โม่จงหรานขมวดคิ้วทั้งสองข้างเข้าหากันแน่น “หว่านหนิง นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?”

“ถวายบังคมเสด็จพ่อ”

หยุนหว่านหนิงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง

เมื่อเห็นว่านางกำลังจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา โม่จงหรานก็ยกมือขึ้นโบกกล่าวว่า “ช้าก่อน!”

มีอะไรก็ว่ากันมาดีๆ การที่เจ้าจะร่ำไห้ โวยวาย ผูกคอตายอะไรเหล่านั้น ข้ากลัวเหลือเกิน”

“เสด็จพ่อเพคะ ลูกมิได้คิดจะโวยวายร่ำไห้ผูกคอตาย”

หยุนหว่านหนิงอธิบายขึ้นด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจว่า “ลูกเดินทางมาขอรับโทษเพคะ”

“ดึกดื่นค่ำคืนเช่นนี้ เจ้าจะมาขอรับโทษใดกัน?”

“หมอหลวงเหอผู้นี้”

หยุนหว่านหนิงยื่นมือออกมา ชี้ไปแล้วกล่าวว่า “วันนี้ในตอนบ่าย ลูกเดินทางไปยังโรงหมอหลวงเพื่อต้องนำยาสมุนไพรมาเล็กน้อย ใครจะรู้เล่าว่าการที่จะเอายาสมุนไพรจากโรงหมอหลวง จำเป็นต้องให้หมอหลวงเหอพยักหน้ายินดีก่อนจึงจะนำไปได้”

“ลูกนั้นรอแล้วรอเล่า รอจนกระทั่งมืดค่ำจึงได้เห็นหมอหลวงเหอเดินทางกลับมา”

“ขณะที่หมอหลวงเหอกำลังหยิบยาให้ลูกนั้น ก็ได้เกิดข้อพิพาทกับลูกสองสามประโยค”

ประโยคก่อนหน้านั้นเมื่อฟังดูก็รู้สึกว่ามิมีผิดปกติใด แต่เมื่อได้ยินประโยคที่ว่าขณะที่หมอหลวงเหอกำลังหยิบยาอยู่นั้นได้มีปากเสียงกับนาง โม่จงหรานก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันใด

“ปากของเจ้าเป็นเช่นนั้น ใครจะกล้าทะเลาะกับเจ้า?”

“เสด็จพ่อเพคะ เรื่องในคืนนี้จะโทษลูกมิได้”

หยุนหว่านหนิงสูดจมูกเข้าแล้วกล่าวว่า “ลูกเอ่ยถามว่าหมอหลวงเหอไปที่ใดมา แต่ดูเหมือนหมอหลวงเหอมิพอใจนัก จึงได้โต้แย้งกับลูกสองสามประโยค”

“จากนั้นลูกก็กล่าวว่า ลูกต้องการจะมาเอาสมุนไพร เหตุใดจึงต้องให้เขาอนุญาตด้วย”

“ฟังดูสมเหตุสมผล”

โม่จงหรานพยักหน้าเป็นความหมายให้นางกล่าวต่อไป

จากนั้นหมอหลวงเหอก็ปีนบันไดไม้ไผ่ขึ้นไปหยิบยา

หยุนหว่านหนิงหยิบยาออกมาจากห้วงมิติ เป็นยาที่หมอหลวงเหอ หยิบให้นางเมื่อครู่ยื่นให้โม่จงหราน “เป็นยาเหล่านี้เพคะ”

“และมิรู้ว่าเหตุใด จู่ๆ หมอหลวงเหอก็ตกลงมาเสียอย่างนั้น”

กล่าวจบ นางก็มองไปทางหมอหลวงเหอด้วยความสงสารเห็นใจ “ในตอนนั้นหมอหลวงเหอเลือดนองร่างกาย ลูกมิอาจทนมองได้ จึงได้ใช้ยาในโรงหมอหลวงรักษาอาการให้แก่เขา”

โม่จงหรานมองไปทางหมอหลวงเหอที่มิได้สติ

พบว่าศีรษะของเขามีผ้าพันแผลพันเอาไว้ จึงละสายตากลับมา “แล้วอย่างไรเล่า?”

“จากนั้นลูกก็ตั้งใจจะเดินทางกลับ แต่พบเข้ากับซูกงกง ลูกคิดอยู่ในใจว่าหากซูกงกงเข้าใจผิดเข้า คิดว่าลูกเป็นคนทำร้ายหมอหลวงเหอจะทำอย่างไรดี”

ทันทีที่ประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา ใบหน้าของซูปิ่งซ่านก็เปลี่ยนไป

เขารีบคุกเข่าลงสู่พื้น “โธ่ พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ประโยคนี้ของท่านทำให้กระหม่อมรู้สึกตื่นตระหนกยิ่งนัก กระหม่อมจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร”

“ซูกงกง อย่าได้ตื่นตระหนกไป”

หยุนหว่านหนิงยิ้มขึ้น “ลูกคิดว่า มิว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะลูก หากถูกใครรู้เข้าและเรื่องนี้ส่งไปถึงหูของเสด็จพ่อคงจะโกรธลูกแน่

ดังนั้นลูกจึงได้เดินทางมาขอรับโทษต่อเสด็จพ่อด้วยตนเอง”

นางบีบน้ำตาเล็กน้อย “เสด็จพ่อเพคะ เป็นความผิดของลูกเอง”

“ดึกดื่นเช่นนี้ลูกยังเดินทางมารบกวนเวลาบรรทมของเสด็จพ่อ ได้โปรดลงโทษลูกด้วยเถิดเพคะ”

โม่จงหรานโมโหดุเดือดอยู่ในใจ

ช่วงนี้ในพระราชวังดูมิค่อยสงบนัก

ประกอบกับเมื่อตอนกลางวันโม่ฮั่นอี่ว์ถูกวางยาพิษ เขาจึงสั่งให้ทหารไปพาตัวผู้ที่นำอาหารของตระกูลโจวเข้าวัง บีบบังคับสอบปากคำเสียจนบ่าวรับใช้ผู้นั้นยินยอมรับสารภาพ

กล่าวว่า คุณชายของเขาเป็นคนสั่งให้เขาวางยาโม่ฮั่นอี่ว์

คุณชายตระกูลโจวก็คือพี่ใหญ่ของโจวหยิงหยิงนามว่าโจวฉางเฟิง

ด้วยเหตุนี้เอง ในตอนพลบค่ำโม่จงหรานจึงสั่งให้คนไปพาตัวโจวฉางเฟิงเข้าวังเพื่อสอบสวน

แต่ถึงอย่างไรโจวฉางเฟิงก็มิยอมรับสารภาพ ด้วยความโมโห โม่จงหรานจึงสั่งให้นำเขาขังเข้าสู่คุกหลวงด้วยเช่นกัน......

เมื่อครู่ที่เขาได้รับจดหมายลึกลับฉบับนั้น จึงคิดว่าหากเกิดเรื่องขึ้นกับโรงหมอหลวงจริงๆ ผู้ใดที่ก่อเรื่องผู้นั้นจะต้องมารับโทษ

คาดมิถึงว่าหยุนหว่านหนิงจะถูกพาตัวมา......

ทำให้โม่จงหรานพูดมิออกอยู่ครู่หนึ่ง

“เจ้าว่ามา จะให้ข้าลงโทษเจ้าอย่างไร?”

โม่จงหรานโบกไม้โบกมือ “ทำให้นางสลบหรือให้ทหารรักษาพระองค์กุมตัวนาง ปิดปากส่งกลับไปที่จวนอ๋องหมิง ให้เจ้าเจ็ดดูแลภรรยาของตนอย่างดีหน่อย”

“เสด็จพ่อ!”

หยุนหว่านหนิงมิยอม ยังยืนกรานว่า “ต่อให้วันนี้เสด็จพ่อส่งลูกกลับไปที่จวนอ๋อง พรุ่งนี้ลูกก็จะเดินทางมารบกวนท่านอีก”

“ลูกจะทำเช่นนี้ ต่อสู้อยู่ทุกวัน จนกระทั่งท่านขังลูกเข้าไปในคุกหลวง”

ใบหน้าของโม่จงหรานมืดมนลงทันที เขาตะโกนอย่างหงุดหงิดว่า “หยุนหว่านหนิง ข้าไว้หน้าเจ้าอยู่มิใช่หรือ?”

เมื่อเห็นว่าความโกรธของเขาทวีมากขึ้น หยุนหว่านหนิงก็เม้มปากเล็กน้อย ดวงตากลมโตของนางกะพริบ “เสด็จพ่อเพคะ ขอร้องเถอะ ได้โปรดเถิดเสด็จพ่อ!”

ท่าทางของนางดูน่าสมเพชเหลือเกิน ทำให้โม่จงหรานพ่ายแพ้ในทันที

บัดนี้เขาราวกับถูกน้ำเย็นราดลงบนศีรษะ ความโมโหเมื่อครู่ดับลงทันควัน มีเพียงควันสีขาวลอยออกมาจากศีรษะเขา

“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าก็จะทำให้เจ้าสมดังปรารถนา แต่คุกหลวงนี้ เข้าง่ายออกยากนัก”

โม่จงหรานตะคอกออกมา “ทหาร นำตัวพระชายาหมิง......!”

“ช้าก่อนเพคะ”

หยุนหว่านหนิงลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วตบลงไปที่ฝุ่นตรงกระโปรงของตน

“เจ้าคิดจะทำอะไรอีกเล่า?”

โม่จงหรานรู้สึกเจ็บเหงือกเล็กน้อยเนื่องจากโมโห

“เสด็จพ่อเพคะ ช่วงชีวิตที่ลูกอยู่ในคุกหลวงคงจะเหงายิ่งนัก ได้โปรดเสด็จพ่อขังลูกไว้ข้างห้องขังของอ๋องฮั่นได้หรือไม่ เช่นนี้พวกเราก็สามารถสนทนากันเพื่อผ่อนคลายความอึดอัดใจได้”

โม่จงหราน “......อย่าแม้แต่จะคิด!”

หากเอาผู้ที่ชอบสร้างความวุ่นวายสองคนมาอยู่ด้วยกัน คุกหลวงคงจะระเบิดแน่

“เสด็จพ่อเพคะ ลูกได้ยินมาว่าเมื่อหลายวันก่อนมีนางในคนหนึ่งพยายามจะปีนขึ้นเตียงของท่าน ด้วยความโมโหท่านจึงฆ่านางตายด้วยไม้เท้า ลูกมิรู้ว่าเรื่องนี้เสด็จแม่รู้หรือไม่”

หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วขึ้น หากเสด็จแม่รู้เรื่องนี้นางจะเข้าใจผิดว่านางในผู้นั้นปีนขึ้นเตียงได้สำเร็จหรือไม่?”

“ด้วยความโกรธ และความอายเสด็จพ่อจึงได้......”

“ตกลง!”

มิรอให้นางกล่าวจบ โม่จงหรานก็จ้องไปที่นางอย่างดุเดือด “เมื่อเข้าไปอยู่ในคุกหลวงแล้ว อย่าคิดได้ออกมา ข้าจะดูว่าเจ้าจะกระโดดโลดเต้นอยู่ในคุกเช่นไร!”

“ทหาร คุมตัวพระชายาหมิงเข้าคุกหลวง!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์