จางลาเมี้ยนครุ่นคิดสักพัก แล้วพูดตอบอย่างระแวดระวังว่า “ฝ่าบาท ใช่ว่าหมอหลวงเหอจะเป็นเพียงขุนนางต่ำต้อย”
ต่อไปอาจได้เป็นถึงหัวหน้าหมอหลวง เป็นเสาหลักของโรงหมอหลวง
ถือว่าไม่ใช่ขุนนางต่ำต้อย
“พระชายาหมิงทำร้ายหมอหลวงเหอบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ข้าน้อยเห็นว่า....อย่างน้อยก็ควรหนามยอกก็เอาหนามบ่ง ให้พระชายาหมิงก็ได้ลิ้มรสความรู้สึกแบบนี้”
ได้ยินแบบนี้ คนไม่น้อยแทบไม่กล้าหายใจ
จางลาเมี้ยนคนนี้ โหดจริงๆ
ยังไม่ว่าพระชายาหมิงตั้งใจทำร้ายหมอหลวงเหอหรือเปล่า แค่นางเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง.....
ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงอ่อนแอหรือไม่ หากให้นางบาดเจ็บเหมือนอย่างหมอหลวงเหอ ก็โหดเหี้ยมเกินไปไหม?
สายตาคนไม่น้อยที่มองดูจางลาเมี้ยนอย่างเปลี่ยนไป
ใต้เท้าจางคนนี้ ปกติดูสุภาพเรียบร้อย คิดไม่ถึงว่าจะมีมุมโหดร้ายแบบนี้
แม้แต่หยุนเจิ้นซง ก็อดไม่ได้ที่จะร้องซี๊ด
เขาอยากออกมาช่วยพูดแทนหยุนหว่านหนิง
แต่เมื่อคิดดูอีกที ตอนนี้โม่เยว่บาดเจ็บสาหัส หยุนหว่านหนิงถูกจับขังคุกหลวง ไม่รู้ว่าต่อไปจวนอ๋องหมิงจะเป็นยังไง หากล้มสลายลงล่ะ?
ความหวังดีของเขา ก็จะไม่ได้รับการตอบแทน
กลับอาจเพราะช่วยหยุนหว่านหนิงในวันนี้ ผิดใจกันกับพวกที่มีเรื่องกับหยุนหว่านหนิงพวกนั้น
ไม่เท่ากับเป็นการผลักตนเองเข้ากองไปหรือ?
ดังนั้น หยุนเจิ้นซงจึงยืนอยู่ด้านหน้าฝูงคนอย่างเงียบสงบ ก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไรสักคำ
โม่เหว่ยมองดูเขาอย่างดูแคลน จ้าวเซียวหรานก็กวาดสายตามองดูเขาอย่างเย้ยหยัน
“ฝ่าบาท ข้าน้อยไม่เห็นด้วยกับคำพูดของใต้เท้าจาง พระชายาหมิงทำร้ายหมอหลวงเหออย่างไม่ได้ตั้งใจ หมอหลวงเหอหล่นตกลงมาจากบันไดไม้เอง ไม่เกี่ยวข้องกับพระชายาหมิง”
จ้าวเซียวหรานรีบเดินออกมาพูดขึ้นว่า
จางลาเมี้ยนพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “หย่วนตงโหวพูดแบบนี้ไม่ถูก ตอนเกิดเหตุมีเพียงพระชายาหมิงกับหมอหลวงเหอ”
“หมอหลวงเหอบาดเจ็บสาหัส ไม่มีใครรู้ว่าเขาตกลงมาเอง หรือพระชายาหมิงลงมือทำร้าย จะฟังเพียงคำพูดพระชายาหมิงฝ่ายเดียว แล้วเชื่อคำพูดของนางไม่ได้”
เห็นได้ชัดว่า จางลาเมี้ยนเกลียดชังหยุนหว่านหนิงอย่างมาก
เขาพูดขึ้นอย่างค่อนข้างตื่นเต้นมากว่า “มีใครไม่รู้ว่า พระชายาหมิงเป็นคนร้ายกาจคนหนึ่ง? มีคนมากมายเท่าไหร่บาดเจ็บเพราะฝีมือนาง?”
คำพูดประโยคนี้ ค่อนข้างมีความหมายลึกซึ้ง
โม่จงหรานหรี่ตาลง สายตาลึกซึ้ง
จ้าวเซียวหรานก็จับประเด็นประโยคนี้ไม่ยอมปล่อยพร้อมพูดขึ้นมาว่า “ใต้เท้าจางพูดว่าพระชายาหมิงทำร้ายคนบาดเจ็บไม่น้อย งั้นเจ้าก็พูดมา พระชายาหมิงยังทำร้ายใคร?”
“คือ.....”
จางลาเมี้ยนพูดอ้ำอึ้ง แต่ก็พูดไม่ออกในทันที
พวกขุนนางก็เข้าใจ ถึงพระชายาหมิงจะสามารถทำให้คนโกรธได้อย่างไม่มีเหตุผล
แต่โดยปกติแล้ว นางไม่มีทางลงมือทำร้าย เพียงใช้ฝีปากทำให้คนอื่นโกรธโมโหแทบตาย ไม่มีทางลงมือทำร้าย
เพราะพระชายาหมิงไม่มีวรยุทธ
จางลาเมี้ยนกลับพูดว่า พระชายาหมิงทำร้ายคนมากมาย
ให้เขาพูดออกมาว่ามีใครบ้าง เขาก็พูดไม่ออก....
แบบนี้แปลกประหลาดมาก
“ทำไม? พูดไม่ออกแล้วใช่ไหม? ใต้เท้าจางตั้งใจพูดใส่ร้ายป้ายสีพระชายาหมิงหรือ? พูดใส่ร้ายป้ายสีพระชายา มีโทษสถานหนักนะ”
จ้าวเซียวหรานหัวเราะเย้ย
จางลาเมี้ยนสีหน้าขาวซีด รีบคุกหลวงเข่าลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ ข้าน้อยถูกใส่ร้าย เจ้าพระยาหย่วนตงใส่ร้ายข้าน้อย ข้าน้อยไม่ได้พูดใส่ร้ายปาดสีพระชายาหมิง”
โม่จงหรานไม่แสดงท่าทีใดๆ
นานสักพักค่อยพูดขึ้นว่า “จางลาเมี้ยน พระชายาหมิงยังเคยทำร้ายใคร?”
“ข้าน้อย ข้าน้อย.....”
จางลาเมี้ยนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
เขาก้มจ้องมองบนพื้น กัดฟันพร้อมพูดขึ้นมาอย่างเชื่องช้าว่า “พระชายาหมิงยังทำร้ายพระชายาสาม ตลอดจนท่านอ๋องสามที่อยู่ไกลถึงเขาซีเซียง”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ สายตาทุกคนยิ่งสั่นไหว
ชื่อของท่านอ๋องสามกับพระชายาสาม ไม่เคยมีใครพูดขึ้นมานานมากแล้ว
อย่างแรกเพราะฉินซื่อเสวียเป็นบ้าไปแล้ว ไม่ได้ออกมาปรากฏต่อหน้าผู้คนนานมากแล้ว นานๆไปก็ถูกผู้คนหลงลือไปแล้ว
อย่างที่สอง โม่หุยเฟิงถูกส่งไปอยู่ไกลถึงเขาซีเซียง ไม่ได้ข่าวมานานมากแล้ว
จางลาเมี้ยนพูดขึ้นมาอย่างสั่นเทาว่า “ฝ่าบาท ข้าน้อย ข้าน้อยไม่ได้ฟังมาจากคำร่ำลือ ช่วงที่ผ่านมา เคย เคยเขียนจดหมายไปมาหาสู่กับท่านอ๋องสาม”
“ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจน”
เขาคุกหลวงเข่าก้มหน้าพูดอธิบาย
“เจ้ากับท่านอ๋องสามเขียนจดหมายไปมาหาสู่กัน?”
โม่จงหราเงยคางขึ้นมา สายตาจ้องเขม็งจางลาเมี้ยน ดวงตามืดมนกลอกไปมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ความหมายของเจ้าคือ เจ้าเป็นไส้ศึกของโม่หุยเฟิงที่อยู่ในเมืองหลวง?”
“ไม่เพียงคอยรายงานเหตุการณ์ในเมืองหลวง ยังต้องช่วยเขากำจัดคนที่มีความเห็นต่างด้วยใช่ไหม?”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
ทำไมท่านอ๋องสามถึงถูกปลดสถานะ ทำไมถึงถูกขับไล่ไปยังเขาซีเซียง....
ไม่ใช่เพราะโลภตำแหน่งบัลลังก์ คิดอยากที่จะผูกขาดสิ่งนี้ จนลงมือทำร้ายพี่น้องคนอื่น จนฮ่องเต้ไม่พอใจขับไล่เขาออกจากเมืองหลวงหรือ?
ที่ไหนได้ เขาไปไกลถึงเขาซีเซียงแล้วก็ยังไม่สงบเสงี่ยม
ยังกล้ามีไส้ศึกอยู่ในเมืองหลวง?
จางลาเมี้ยนคนนี้ ฉวยโอกาสตอนที่หยุนหว่านหนิงถูกจับขังคุกหลวงแล้วออกมาฟ้องร้องนาง ไม่เท่ากับเป็นการประกาศเป็นศัตรูกับอ๋องหมิงหรือ?
โจมตีพระชายาหมิง เท่ากับโจมตีอ๋องหมิง
เขาเป็นเพียงบัณฑิตเล็กๆคนหนึ่ง ไม่น่ามีความกล้าขนาดนี้ สิ่งที่เขาทำทั้งหมดในวันนี้ ท่านอ๋องสามอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า?
ฮ่องเต้เกลียดชังการแย่งชิง ต่อสู้เข่นฆ่ากันระหว่างพวกท่านอ๋องอย่างที่สุด
แต่ทุกอย่างที่โม่หุยเฟิงกระทำในตอนนั้น ฮ่องเต้ไม่ได้ฆ่าเขา เพียงขับไล่เขาไปยังเขาซีเซียง แสดงว่าในใจฮ่องเต้ ยังไงก็ไม่สามารถที่จะลงมือทำร้ายลูกชายคนนี้ได้
ลงมือทำร้ายลูกชายไม่ได้ แต่จางลาเมี้ยนคนนี้.....
ไม่แน่นอนแล้ว
จางลาเมี้ยนคนนี้ เก็บไว้ก็เป็นภัยในภายหลัง
เวลาเพียงสั้นๆ ความรู้สึกภายในใจทุกคนเปลี่ยนแปลงไปไม่รู้กี่พันครั้ง
สิ่งที่พวกเขาคิดได้ โม่จงหรานเองก็คิดได้
“จางลาเมี้ยน เจ้าบังอาจยิ่งนัก”
โม่จงหรานพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “ทหาร ลากตัวเขาไป ประหาร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...