นางแค่ไม่อยู่จวนอ๋องสองวัน บาดแผลของโม่เยว่ทำไมถึงรุนแรงขนาดนี้?
ยาที่นางให้ไว้พวกนั้น ต่อให้ไม่ใช่ยาวิเศษอะไร ประสิทธิภาพของยาเพียงพอที่จะทำให้เขาดีขึ้นอย่างมาก ไม่มีทางที่ผ่านไปสองวันแล้วรุนแรงขนาดนี้
ถึงว่าเมื่อกี้ โม่เยว่ร้องเจ็บปวดขนาดนั้น
ปกติผู้ชายคนนี้อดทนยิ่งกว่าเหล็กกล้า ได้ยินเขาร้องเจ็บปวดน้อยครั้งมาก
แสดงว่าเมื่อกี้นั้น เจ็บปวดมาก
“นี่เกิดอะไรขึ้น?”
หยุนหว่านหนิงกัดฟัน
มองดูเลือดเนื้อที่เลือนรางนั้น บาดแผลที่เริ่มดำคล้ำ....นางรู้สึกสงสาร จนน้ำตาคลอเบ้าตา
เห็นหยุนหว่านหนิงจะร้องไห้แล้ว สายตาโม่เยว่สั่นไหว
นี่เป็นครั้งแรก ที่เขาเห็นนางร้องไห้
“หนิงเอ๋อร์ ข้าไม่เป็นไร”
เขารีบยื่นมือออกไป ช่วยเช็ดน้ำตาให้กับนาง
ผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ไม่เคยเกรงกลัวอะไร เขาเคยชินกับการที่นางก่อกวนก่อความวุ่นวาย กระโดดโลดเต้นต่างๆนานา
กระทั่งก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน หยุนหว่านหนิงก็โกรธจนร้องไห้
แต่ว่าตอนนี้ นางร้องไห้เพราะเป็นห่วงเขา
โม่เยว่ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา
“ไม่เป็นไร เจ้ายังจะโกหกข้าหรือ? โม่เยว่เจ้าบอกข้าตามตรง ยาที่ข้าจัดให้เจ้าพวกนั้นไม่ได้กินตรงตามเวลาใช่ไหม? เจ้าไปทำอะไรมา?”
“ข้า....”
ภายใต้สายตาที่ปนเปื้อนไปด้วยน้ำตาของนาง โม่เยว่ลังเลสักพัก
เขาหันไปทางอื่น พร้อมพูดขึ้นอย่างไม่กล้าสบตานางว่า “ข้าไม่ได้กิน”
“ทำไม? ทำไมไม่กิน? เจ้ากลัวว่าข้าจะวางยาพิษฆ่าเจ้าหรือ?”
ด้วยความโมโห หยุนหว่านหนิงพูดหลุดปากออกมา แบบไม่คิด
ได้ยินนางพูดแบบนี้ โม่เยว่ร้อนใจ รีบคว้าจับมือนาง ดึงนางมากอดไว้แน่นอย่างไม่สนใจว่านางจะดิ้นรนแค่ไหน พร้อมพูดขึ้นว่า “หนิงเอ๋อร์ เจ้าฟังข้าอธิบาย”
“ข้าจะกลัวเจ้าวางยาพิษข้าได้อย่างไร?”
ต่อให้หยุนหว่านหนิงวางยาพิษเขา ขอเพียงนางเป็นคนให้ นางอยากให้เขาตาย....เขาก็จะดื่มลงไปอย่างไม่ลังเล
“ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า มากกว่าเชื่อมั่นตนเองเสียอีก”
หยุนหว่านหนิงดิ้นรน จนบาดแผลโม่เยว่เลือดไหลไม่หยุด
สีหน้าของเขายิ่งขาวซีด กลับเหมือนไม่รู้สึกเจ็บ พูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “ข้าเพียงแค่อยากเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า คิดว่าหากไม่ทานยาก็จะได้หายช้าหน่อย เจ้าเป็นห่วงข้าก็จะรีบกลับจวนอ๋อง”
หยุนหว่านหนิงได้กลิ่นคาวเลือดรุนแรงขึ้น จึงหยุดดิ้นรน
“เจ้าคิดอะไรอยู่? ข้ากลับจวนอ๋องสำคัญ หรือร่างกายของเจ้าสำคัญกว่า?”
นางไม่รู้จะโกรธหรือหัวเราะคำพูดของโม่เยว่
หยุนหว่านหนิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ ทำได้เพียงหยิกแขนของเขาอย่างแรง พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเจ้าเป็นอะไรไป ข้ากับหยวนเป่าจะทำยังไง?”
“ใช่ ข้าผิดไปแล้ว”
โม่เยว่ค่อยขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด พร้อมพูดขึ้นมาด้วยเสียงต่ำ
เรื่องเป็นแบบนี้แล้ว ตำหนิไปก็ไม่มีประโยชน์
หยุนหว่านหนิงทอนหายใจไปด้วย พร้อมสั่งหรูโม่ไปเอายาที่โรงหมอหลวงมาด้วย นางจัดการบาดแผลให้โม่เยว่ด้วยตนเอง
หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม โม่เยว่ค่อยออกมาจากคุกหลวงอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
เขามองดูหยุนหว่านหนิง พร้อมพูดย้ำเตือนว่า “รีบกลับมา ข้ารอเจ้าอยู่”
“กินยาด้วย หากมีครั้งต่อไปข้าจะปล่อยให้เจ้าตาย ไม่สนใจเจ้าแล้ว”
หยุนหว่านหนิงถลึงตาใส่เขาอย่างดุดัน พร้อมพูดขึ้นว่า “รอเจ้าตายแล้ว ข้าจะไม่ไว้ทุกข์ให้เจ้า ข้าจะพาหยวนเป่าท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมหาบ่าวหนุ่มหน้าใส”
“ให้ผู้หญิงของเจ้าเรียกผู้ชายคนอื่นว่าสามี ให้ลูกชายของเจ้าเรียกผู้ชายคนอื่นว่าพ่อ”
“ให้ผู้ชายคนอื่นนอนในห้องของเจ้า นอนกับผู้หญิงของเจ้า ตีลูกชายของเจ้า”
โม่เยว่ “.......”
ผู้หญิงคนนี้ ใจร้ายจริงๆ
เพราะคำพูดของนาง เขาจะต้องดูแลตนเองให้ดี หายไวๆ
โม่ฮั่นอี่ว์ โจวฉางเฟิง “......”
พระชายาหมิงกล้าหาญจริงๆ
คำพูดแบบนี้ก็กล้าพูดกับอ๋องหมิง นี่เพราะไม่เคยโดนตีมั้ง?
……
เพิ่งออกมาจากคุกหลวง ก็เห็นโม่เหว่ยรออยู่ข้างนอก
“มีธุระ?”
โม่เหว่ยปรากฏตัวด้านนอกคุกหลวง กลับไม่เข้าไป แสดงว่าไม่ได้มาเยี่ยมหยุนหว่านหนิงหรือโม่ฮั่นอี่ว์ แต่มารอเขาอยู่ที่นี่
“เจ้าเจ้ด การประชุมราชการเช้าในวันนี้เจ้ารู้เรื่องหรือยัง?”
“พอได้ยินมาบ้าง”
โม่เยว่ยังคงแสดงท่าทีเรียบเฉย
“จางลาเมี้ยนคนนั้น ถูกเสด็จพ่อประหารแล้ว เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เสด็จพ่อโกรธโมโหอย่างมาก กลัวว่าไฟแห่งความขุ่นเคืองนี้จะลามไปถึงพี่สาม”
โม่เหว่ยพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ
เวลานี้แสงอาทิตย์สาดส่องแรงจัด ข้างนอกมีเพียงคนไม่กี่คน
หรูโม่ประคองโม่เยว่ขึ้นรถม้า โม่เหว่ยก็รีบตามเข้าไป
“หลังจากเลิกการประชุมราชการเช้าแล้ว เสด็จพ่อเรียกพี่ใหญ่ไปคุยในห้องทรงพระอักษร”
เข้ามาในรถม้าแล้ว โม่เหว่ยก็ยังคงพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่ตอนที่พี่ใหญ่ออกมาจากห้องทรงพระอักษร สีหน้ายิ้มแย้ม ท่าทีฝีเท้าก็ผ่อนคลายมาก”
“เจ้าเจ็ด เจ้าอยากรู้ไหมว่าพวกเขาคุยอะไรกัน?”
“เจ้าอยากรู้?”
โม่เยว่ถามกลับ
“ข้าอยากรู้อยู่แล้ว ตอนนี้เจ้ากับพี่รองล้วนมีปัญหา พี่สามเองก็ยากที่จะเอาตัวรอด มีเพียงพี่ใหญ่ที่สบายอยู่คนเดียว ยังอยู่ได้อย่างผ่อนคลาย แบบนี้หมายความว่ายังไง?”
ท่าทีโม่เหว่ยค่อยๆกลายเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
เขายกมือเปิดม่านรถม้ามองออกไปข้างนอก
ทางเดินทอดยาวมองไม่เห็นที่สิ้นสุด สองข้างทางไม่มีทหารรักษาพระองค์เฝ้าอยู่ มีเพียงเสียงรถม้าดังกึกกัก
เขาวางม่านลง แล้วพูดขึ้นว่า “แสดงว่าคนต่อไปที่พี่ใหญ่จะลงมือ ก็จะต้องเป็นข้า”
“และในบรรดาพวกเราพี่น้อง ล้วนยากที่จะรอดพ้นจากฝ่ามือเขา เห็นได้ชัดว่าพี่ใหญ่วางแผนไว้อย่างดี....”
โม่เหว่ยมองดูโม่เยว่อย่างลึกซึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ช้าเชื่อว่า ไม่นานก็จะเป็นไปตามที่ข้าพูดแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...