กั่วเอ๋อร์กำลังจะเงยหน้าขึ้นมา กลับได้ยินโม่จงหรานพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าใหญ่ ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์อะไร? โรคเก่าเจ้ากำเริบอีกหรือไง?”
โรคเก่าโม่หุยเหยียน.....
ทุกคนต่างก็รู้
เมื่อก่อนมีหนานกงเยว่ดูควบคุม โม่หุยเหยียนทำอะไรไม่ได้
แต่ตอนนี้หนานกงเยว่กลับตงจวิ้นไปแล้ว จวนอ๋องฉู่เต็มไปด้วยนางสนมนางบำเรอ
ขอเพียงเป็นผู้หญิงที่เข้าตา โม่หุยเหยียนล้วนพากลับไปจวนอ๋องฉู่
เทียบกับรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนซื่อตรงก่อนหน้านี้ เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคะจริงๆ
ถูกโม่จงหรานตำหนิ โม่หุยเหยียนจำต้องหยุดความคิด มองดูกั่วเอ๋อร์แวบหนึ่งแล้วชักสายตากลับมา
“ฝ่าบาท ได้ผลสรุปหรือยัง?”
เต๋อเฟยถามขึ้นมาอย่างร้อนใจว่า “ตกลงจางหมัวมัวตายด้วยสาเหตุอะไร? อยู่ดีๆทำไมถึงกระโดดลงบ่อฆ่าตัวตาย? และยังตายอยู่ในตำหนักของหม่อมฉัน”
เพิ่งพูดเสร็จ ก็ได้ยินโม่จงหรานพูดขึ้นว่า “สนมรัก”
“เมื่อกี้ฮองเฮายังฟ้องว่า เจ้าทำร้ายจางหมัวมัวจนตาย”
“อะไรนะ?”
เต๋อเฟยยังนึกว่าตนเองฟังผิดไป
นางหันไปมองกั่วเอ๋อร์อย่างอัตโนมัติ
กั่วเอ๋อร์แสดงท่าที “ข้าบอกแล้วใช่ไหม” เต๋อเฟยรีบหันสายตาไป พร้อมพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท นี่เป็นการใส่ร้าย”
นางมองดูฮองเฮาจ้าวอยากตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ช่วงนี้หม่อมฉันไม่มีปัญหาบาดหมางอะไรกับท่าน ทำไมหม่อมฉันจะต้องฆ่าคนของท่าน? ท่านหวาดระแวงไปเองหรือเปล่า?”
ฮองเฮาจ้าวอ้าปากค้าง พบว่าตนเองตกเป็นเบี้ยล่างไปนานแล้ว
เพราะนาง เป็น ใบ้
ไม่สามารถพูดอธิบายเพื่อตนเอง หรือโต้เถียงเต๋อเฟยได้ นางก็กลายเป็นผู้พ่ายแพ้แล้ว
“ต่อให้ที่ผ่านมา หม่อมฉันเคยมีเรื่องบาดหมางกับท่าน หม่อมฉันทำอะไรไปก็กล้ายอมรับ ท่านทำร้ายข้า ข้าก็จะแก้แค้นท่าน แต่จะไม่ไปแก้แค้นกับคนในตำหนักของท่าน”
เต๋อเฟยรีบชักแขนเสื้อขึ้นมา
ไม่สนใจว่ามีโม่จงหรานอยู่ด้วย นางยกมือเท้าเอว พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮองเฮา เสียแรงที่หลายปีมานี้ หม่อมฉันเห็นว่าท่านมีคุณสมบัติคู่ควรที่จะเป็นศัตรูกับข้า”
“คิดไม่ถึงว่าท่านจะเป็นคนต่ำทรามขนาดนี้”
“จางหมัวมัวตายอยู่ในตำหนักของข้า ก็ถือว่าข้าเป็นคนทำร้ายหรือ?”
“พรุ่งนี้มีแมลงวันตายอยู่ในตำหนักของท่าน ก็จะโยนความผิดให้กับหม่อมฉันใช่ไหม?”
ฮองเฮาจ้าว “……”
ผู้หญิงคนนี้ เวลาทะเลาะขึ้นมา ท่าทีมาเต็ม ไม่ยอมอ่อนข้อ โต้เถียงจนอีกฝ่ายไม่รู้จะตอบโต้ยังไง
เมื่อก่อนตอนที่นางยังไม่เป็นใบ้ ก็ไม่เคยเถียงชนะเต๋อเฟย
ตอนนี้นางเป็นใบ้ไปแล้ว ยิ่งไม่มีทางเถียงชนะเต๋อเฟย
“ท่านพูดว่าหม่อมฉันฆ่าจางหมัวมัว งั้นท่านก็เอาหลักฐานออกมา หม่อมฉันจะฟ้องร้องว่าท่านใส่ร้ายป้ายสีหม่อมฉัน เป็นท่านเองที่ให้จางหมัวมัวมากระโดดบ่อน้ำตายในบ่อตำหนักหย่งโซ่ว แล้วโยนความผิดให้ข้าหรือเปล่า?”
กั่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง มองดูเต๋อเฟยอยู่อย่างครุ่นคิด
ความสามารถในการทะเลาะวิวาทของเต๋อเฟย นางยังต้องขอยอมแพ้
นางอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า เมื่อก่อนเต๋อเฟยไม่ชอบนาง ตอนที่พวกนางไม่ถูกคอกัน เต๋อเฟยโกรธโมโหเพราะนางจนล้มป่วยได้อย่างไร?
ด้วยความสามารถในการทะเลาะวิวาทของนาง ไม่น่าที่จะถูกนางทำให้โกรธโมโหจนล้มป่วยมั้ง?
หรือว่า เต๋อเฟยตั้งใจยอมนาง?
ฮองเฮาจ้าวถูกเต๋อเฟยพูดจนก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง จนเท้าสะดุดโดนศพจางหมัวมัว สุดท้ายนางล้มทับศพของจางหมัวมัว
เมื่อถูกกดทับอย่างแรง จางหมัวมัวที่หายใจตายนานแล้ว มีน้ำพ่นออกมาจากปาก
น้ำพ่นใส่หน้าฮองเฮาจ้าว นางรีบลุกขึ้นมาอย่างร้อนรน
โม่หุยเหยียนทนดูต่อไปไม่ไหว
“เสด็จแม่เต๋อเฟย”
เขาพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ไม่ได้ใส่ร้ายป้ายสีท่าน เมื่อคืนมีคนในวังเห็นด้วยตาตนเองว่า จางหมัวมัวปรากฏตัวใกล้ตำหนักหย่งโซ่ว เข้าไปในตำหนักหย่งโซ่วแล้วก็ไม่ออกมาอีก”
เห็นเขาพูดขึ้นมา เต๋อเฟยหันไปมองด้วยสายตาเย็นชา
โม่หุยเหยียนรู้สึกขนหัวลุก
“ตอนที่ศพจางหมัวมัวถูกลากขึ้นมา ด้านหลังยังแบกถุงผ้าไว้ ข้างในมีเงินทองเครื่องประดับกับเสื้อผ้า”
เต๋อเฟยยอมรับคำชมจากโม่จงหรานอย่างได้ใจ
“ถึงเสด็จแม่เต๋อเฟยจะพูดมีเหตุผล แต่จางหมัวมัวตายไปแล้ว สาเหตุการตายก็น่าสงสัย ข้าคิดว่าสืบสาเหตุการตายให้ชัดเจนก่อนดีกว่า”
โม่หุยเหยียนอดกลั้น กัดฟันพูดขึ้นว่า “ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นที่รู้กันไปหมดแล้ว”
“เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงเสด็จแม่เต๋อเฟย เพื่อคืนความบริสุทธิ์ให้กับเสด็จแม่เต๋อเฟย ควรที่จะจัดการอย่างรอบคอบ”
“งั้นเจ้าคิดว่าควรทำอย่างไรดี?”
โม่จงหรานมองดูเขา ท่าทีดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
“ข้า....”
โม่หุยเหยียนลังเลสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า “เบิกตัวพยานคนมาก่อนไหม”
พยานคนที่พูดถึง ก็คือขันทีน้อยคนหนึ่งของตำหนักหย่งโซ่ว
เมื่อคืนวาน เป็นเวรของขันทีน้อยคนนี้
เขาเข้ามาถึงก็คุกเข่าเล่าเรื่องความเป็นมาทั้งหมดให้ฟัง ตั้งแต่เห็นจางหมัวมัวเข้าไปในตำหนักหย่งโซ่ว เต๋อเฟยโกรธโมโหขนาดไหน สั่งคนจับตัวจางหมัวมัวโยนลงไปในบ่อยังไง ภายในลมหายใจเดียว
พูดมากมายภายในลมหายใจเดียว ขันทีน้อยไม่สูดลมหายใจเลย
หากเขาอ้ำอึ้ง จะยิ่งดูเหมือนเป็นความจริง
แต่เขาพูดด้วยสำนวนที่รื่นไม่ขัดเขิน พูดได้อย่างคล่องแคล่ว เหมือนเขียนไว้เรียบร้อยตั้งแต่แรก แล้วเขาท่องจดจำมาอย่างดี
โม่หุยเหยียนยิ้มให้กับเต๋อเฟย พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่เต๋อเฟย ท่านจะอธิบายอย่างไร?”
มีพยานคนแล้ว เงินทองเครื่องประดับในถุงผ้าจางหมัวมัวถือเป็นหลักฐาน
มีครบทั้งหลักฐานพยานคน เต๋อเฟยเถียงไม่ออกจริงๆ
แม้แต่โม่จงหรานก็หรี่ตาลง กำลังคิดอยู่ว่าหากช่วยแก้ต่างเต๋อเฟยไม่ได้ งั้นก็ต้องใช้อำนาจฮ่องเต้ ปกป้องเต๋อเฟย
เขาเชื่ออยู่แล้วว่า เต๋อเฟยไม่กระทำเรื่องทำร้ายคนอย่างแน่นอน
ถึงเต๋อเฟยจะมีนิสัยอารมณ์ค่อนข้างรุนแรง แต่จะไม่ฆ่าทำร้ายคนไปเรื่อย
แต่ตอนนี้ก็คิดหาวิธีอะไรไม่ออก ที่จะสามารถช่วยพูดแก้ต่างให้เต๋อเฟยได้
ในเวลานี้ กั่วเอ๋อร์หัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท เหนียงเหนียง ให้บ่าวตรวจดูศพของจางหมัวมัวได้ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...