หยุนหว่านหนิงไม่ได้ตอบโม่เฟยเฟย แต่หันไปถามหรูอวี้แทน “พูดมา ว่าอยากได้เท่าไหร่”
หรูอวี้เกาศีรษะพลางหัวเราะเสียงเบา “เหอะๆ”
“พระชายา ครั้งนี้ท่านเข้าใจข้าน้อยผิดแล้วขอรับ”
เขาตอบกลับด้วยสีหน้าท่าทีที่จริงจัง “ข้าน้อยทราบดี เสี่ยวเตี้ยนเซี่ยคือแก้วกลางดวงใจของพระชายา เป็นดั่งรากแห่งชีวิตของพระชายา! หากเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเตี้ยนเซี่ย พระชายาจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน”
“เพราะกลัวพระชายาจะทราบข่าวนี้จากผู้อื่น ข้าน้อยจึงรีบมารายงานพระชายาก่อนเป็นอันดับแรก พระชายาจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลจนเกินไป”
“เจ้าไม่ได้ทำเพราะเงินจริงๆ หรอกหรือ”
หยุนหว่านหนิงถามขึ้นพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง
หรูอวี้เจ้าชาติสุนัข จู่ๆ ก็เกิดมีมโนธรรมขึ้นมาหรืออย่างไรกัน!
เขามีจิตสำนึกเช่นนี้ด้วยหรือ?
“จริงๆ ขอรับ”
หรูอวี้มือเท้าสะเอว “ข้าน้อยทำไปเพราะจิตใต้สำนึกของตนเอง! ถึงแม้ว่านายท่านจะไม่ให้ข้าน้อยมารายงานพระชายา แต่ข้าน้อยรู้ดีว่าเสี่ยวเตี้ยนเซี่ยสำคัญกับพระชายามากมายแค่ไหน”
“ข้าน้อยจะฝืนจิตใต้สำนึกได้อย่างไรกัน ด้วยเหตุนี้ข้าน้อยถึงได้รีบมารายงานพระชายา เพื่อให้พระชายาไม่ต้องเป็นกังวลจนเกินไป”
หยุนหว่านหนิง “...”
หากว่าเขาไม่อยากให้นางเป็นกังวลจนเกินไปจริงๆ ละก็ เมื่อครู่นี้ก็คงจะไม่วิ่งพรวดพราดเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทีที่แตกตื่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า ‘เสี่ยวเตี้ยนเซี่ยเกิดเรื่องแล้ว’ หรอกกระมัง
“ในเมื่อเจ้าเกิดมีมโนธรรมขึ้นมา ข้าเองก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง”
จากนั้นก็แสร้งพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ถือว่าข้ารับรู้แล้ว เจ้ากลับไปได้แล้ว”
“พระชายา ท่านอย่าบอกนายท่านเป็นอันขาดว่าข้าน้อยเป็นคนมารายงาน”
หรูอวี้จ้องมองนางด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“วางใจเถิด”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้ารับปากด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วย ‘คุณธรรม’ “ข้าไม่บอกอย่างแน่นอน”
แต่โม่เฟยเฟยจะบอกหรือไม่นั้น นางก็ไม่อาจรับรองได้…
หรูอวี้จึงค่อยถอนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่พึ่งจะถอยออกไปเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็กลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง
เขายิ้มกว้างพลางลูบจมูกเบาๆ “พระชายา หลายวันก่อนข้าน้อยไปปล้นฮองเฮาเหนียงเหนียงแทนท่าน ท่านบอกว่าจะให้ค่าตอบแทนกับข้าน้อย ค่าตอบแทนนี้ ท่านว่า…”
ตอนพูดถึงเรื่องปล้นตัวฮองเฮา น้ำเสียงของเขาค่อนข้างต่ำและแผ่วเบาเป็นอย่างมาก
แม้แต่โม่เฟยเฟยที่อยู่ข้างๆ ก็ยังฟังไม่ค่อยชัดเสียด้วยซ้ำ
หยุนหว่านหนิง “…”
นึกอยู่แล้วเชียว เจ้าชาติสุนัขนี้มาเพราะต้องการเงิน!
ยังมีหน้ามาบอกว่าทำไปเพราะจิตใต้สำนึกและมโนธรรม จะหวังอะไรกับคนที่ในหัวและในสายตามีแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ เล่า!
นางล้วงเอาเศษเงินก้อนจำนวนหนึ่งโยนให้เขา “ไสหัวไปซะ!”
หรูอวี้รีบรับเงิน จากนั้นก็ออกไปอย่างรวดเร็วไม่เห็นแม้แต่ฝุ่น
เมื่อครู่นี้โม่เฟยเฟยกำลังพูดคุยกับโม่ฮั่นอี่ว์ จึงไม่เห็นว่าหยุนหว่านหนิงควักเงิน มิเช่นนั้นนางก็คงจะรีบมาเปิดแขนเสื้อของหยุนหว่านหนิงดูว่าข้างในมีอะไรกันแน่
“พี่สะใภ้เจ็ด ผู้ใดเป็นคนลอบสังหารหยวนเป่ากัน”
โม่เฟยเฟยกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วนางก็เลือกที่จะกลืนคำพูดลงคอไป
นางน้ำตาคลอเบ้าพลางสูดน้ำมูกเบาๆ “หยวนเป่าเป่าน่ารักน่าชังขนาดนั้น สรุปแล้วมันผู้นั้นเป็นใครกันแน่ ถึงได้จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตคิดจะฆ่าหยวนเป่าเป่าได้ลงคอ”
โม่ฮั่นอี่ว์เองก็พูดขึ้นว่า “หว่านหนิง ข้าว่านักฆ่าที่ลอบสังหารหยวนเป่า มีความเกี่ยวข้องกับนักฆ่าที่มาลอบสังหารเจ้าอย่างแน่นอน!”
“พี่สะใภ้เจ็ด ท่านถูกนักฆ่าลอบสังหารด้วยหรือ!”
โม่เฟยเฟยถามขึ้นด้วยความตกใจ
“ชู่!…”
หยุนหว่านหนิงเอื้อมมือปิดปากโม่เฟยเฟยทันควัน
พลางพูดขึ้นเสียงเบาว่า “เมื่อคืนข้าเองก็เจอนักฆ่าเหมือนกัน”
ดวงตาของโม่เฟยเฟยเบิกกว้างด้วยความตกใจทันที!
นางจ้องมองหยุนหว่านหนิงด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อพร้อมกับพยายามพูดอะไรบางอย่างภายใต้มือของหยุนหว่านหนิงด้วยเสียงที่อู้อี้
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วพลางถามขึ้นว่า “เจ้าพูดอะไร”
โม่เฟยเฟยดึงมือของนางออกด้วยสีหน้าที่เอือมระอา แล้วจึงค่อยสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ “พี่สะใภ้เจ็ด นักฆ่าที่ลอบสังหารท่านกับหยวนเป่าคงจะไม่ใช่กลุ่มเดียวกันหรอกกระมัง!”
“ไม่แน่”
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้าเบาๆ
มีเสวียนซันเซียนเซิงอยู่ด้วย ใครจะสามารถเข้ามาทำร้ายหยวนเป่าได้!
หากรับหยวนเป่ากลับมาที่เมืองหลวง เวลานี้เมืองหลวงยุ่งเหยิงและวุ่นวายเป็นอย่างมาก มีแต่จะยิ่งทำให้เกิดเรื่องได้ง่ายขึ้น
โม่เฟยเฟยฟังแล้วจึงค่อยเข้าใจ “แต่เสด็จย่าอายุมากแล้ว หยวนเป่าเองก็เป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ข้าเป็นห่วงว่าเสวียนซันเซียนเซิงจะปกป้องพวกเขาไม่ได้”
“ไม่ได้เจอหน้าหยวนเป่าตั้งนาน ข้าคิดถึงเขาจัง!”
ไม่ใช่แค่โม่เฟยเฟยเท่านั้นที่คิดถึง หยุนหว่านหนิงเองคิดถึงหยวนเป่ามากกว่าเสียด้วยซ้ำ!
กลับเมืองหลวงมาใกล้จะครบสิบวันแล้ว ก็เท่ากับว่านางไม่ได้เห็นหน้าบุตรชายราวสิบวันแล้วเห็นจะได้…
นางคิดถึงหยวนเป่ามากกว่าใครต่อใครทั้งสิ้น!
“อดทนต่ออีกหน่อย”
หยุนหว่านหนิงถอนลมหายใจออกมาเบาๆ “รอให้วิกฤตของเมืองหลวงคลี่คลายลง เราค่อยรับหยวนเป่ามาอยู่ด้วยกัน”
ทั้งสามต่างพากันนิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
ใครจะไปร่วงรู้ได้ว่าวิกฤตของเมืองหลวงจะคลี่คลายตอนไหน!
แม้ว่าเวลานี้โม่หุยเหยียนจะเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรเกินขอบเขต นอกจากการหยั่งเชิงเล็กๆ น้อยๆ นั่นแล้ว ก็ไม่ได้มีเรื่องอื่นที่ผิดปกติ
แต่เรื่องนักฆ่าที่มาลอบสังหารหยุนหว่านหนิง…
อย่างไรเสีย เวลานี้รอบด้านก็เต็มไปด้วยวิกฤตปัญหา
เมื่อผู้ควบคุมนักโทษมาส่งอาหารเที่ยง ก็เห็นโม่เฟยเฟยที่กำลังกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหิว หยุนหว่านหนิงจึงถามขึ้นว่า “เจ้ายังไม่กลับไปอีกหรือ”
“ข้า ข้าไม่กลับ ข้าจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนท่าน”
หยุนหว่านหนิงหมดคำจะพูด “เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคนไม่อยากออกจากคุกหลวง!”
“ใครบอกว่าเฟยเฟยเป็นคนแรกที่ไม่ยอมออกไปจากคุกหลวง เจ้าเป็นคนแรกที่ทำให้เห็นเป็นแบบอย่างก่อนมิใช่หรืออย่างไรกัน”
โม่หุยเหยียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
หยุนหว่านหนิง “…”
นางจึงทำได้เพียงสั่งให้ผู้คุมนักโทษเอาอาหารมาให้โม่เฟยเฟย
เนื่องจากเมื่อคืนนี้มีการวางยาพิษ หยุนหว่านหนิงจึงทำการทดสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อมั่นใจว่าในอาหารไม่มีพิษแล้ว นางจึงค่อยทานอาหารกับโม่เฟยเฟย
ในขณะที่กำลังทานอาหารอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังขึ้น “พวกเจ้ากำลังทานอะไรกัน กลิ่นหอมจัง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...