เพียงชั่วอึดใจก็มีเสียงตึงดังขึ้น พลอยทำให้หยุนหว่านหนิงและโม่เฟยเฟยตกใจเป็นอย่างมาก
ทั้งสองรีบหันกลับไปดูทันควัน ก็เห็นเพียงร่างของโม่ฮั่นอี่ว์ที่กำลังนอนกองกับพื้น
“เฮ้ โม่ฮั่นอี่ว์ ท่านอย่ามาแกล้งตายเช่นนี้!”
หยุนหว่านหนิงเดินเข้าหาเขาพลางตะโกนผ่านรั้วเหล็ก “ท่านคงไม่ได้ร้องไห้จนเป็นลมเพราะหยิงหยิงไม่สนใจหรอกกระมัง?!”
แต่โม่ฮั่นอี่ว์กลับไม่ได้ตอบนาง
เลือดสดๆ ค่อยๆ ไหลออกจากจมูกของเขา...
“เลือด! พี่สะใภ้เจ็ด พี่สองเลือดออก!”
ขณะที่โม่เฟยเฟยหันไปมองหยุนหว่านหนิง เขาก็ได้เปียกโชกไปด้วยเลือดแล้ว โม่เฟยเฟยชี้นิ้วไปยังโม่ฮั่นอี่ว์ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดเพราะตกใจ
“ข้าเห็นแล้ว!”
จากนั้นหยุนหว่านหนิงก็รีบตะโกนเรียกคนทันที “ใครก็ได้ เข้ามาหน่อย!”
โจวฉางเฟิงเองก็รีบลุกขึ้นมาดูสถานการณ์ตรงข้าม “พระชายาหมิง อ๋องฮั่นเป็นอะไรไป?!”
เพียงไม่นานผู้คุมนักโทษก็เปิดประตูเข้ามา หยุนหว่านหนิงรีบเดินไปยังห้องขังที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็ช่วยพยุงโม่ฮั่นอี่ว์ลุกขึ้น เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ล้มลงบนกองฟาง หน้าผากจึงไปกระแทกโดนของแข็งที่แหลมคมเข้า
หน้าผากจึงเกิดบาดแผลที่ค่อนข้างลึก ทำให้เลือดไหลออกมาค่อนข้างเร็ว
ส่วนเรื่องเลือดกำเดา สาเหตุมาจากศีรษะของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
หยุนหว่านหนิงรีบจับชีพจรของเขาทันที จากนั้นก็หยิบเอาผ้าพันแผล ผ้าปิดปากแผลและยาห้ามเลือดจากช่องว่าอากาศ
หลังจากที่จับชีพจรให้เขาแล้ว หยุนหว่านหนิงก็ทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันทีทันใด
โม่เฟยเฟยเองก็วิ่งตามหลังมาติดๆ นางถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “พี่สะใภ้เจ็ด พี่สองเป็นอย่างไรบ้าง เขาคงไม่ได้หกล้มจนเสียชีวิตหรอกกระมัง!”
หยุนหว่านหนิงยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จนใจ “เขาอ้วนถ้วนขนาดนี้ จะตายง่ายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน”
“เช่นนี้ เช่นนั้นพี่สองเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
โม่เฟยเฟยและโจวฉางเฟิงต่างก็พากันคิดว่าโม่ฮั่นอี่ว์นั้นป่วยเป็นโรคร้ายแรง
หยุนหว่านหนิงถอนลมหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความจนใจ “เพราะกินมากเกินไป! ไม่ได้ดื่มน้ำ ก็เลยร้อนในอย่างรุนแรง”
“และเพราะเมื่อครู่นี้เขาเสียใจเรื่องโจวหยิงหยิงจนเกินไป ร้อนในจึงปะทุขึ้นทรวงอก ทำให้เป็นลมหมดสติไป”
แต่มีอีกหนึ่งเรื่องที่นางไม่ได้พูดออกมา
โม่ฮั่นอี่ว์กินเก่งมาก อ้วนจนเกินไป จึงมีอาการของความดันโลหิต ภาวะน้ำตาลในเลือดและภาวะไขมันในเลือดสูง
โม่เฟยเฟยรู้สึกว่าบรรยากาศในคุกหลวงอุดอู้จนเกินไป หยุนหว่านหนิงเองก็กำลังยุ่งวุ่นจนมือไม้พันกันไปหมด ไม่มีเวลาคุยเรื่องแต่งงานออกเรือนกับนาง นางจึงทำได้เพียงออกจากคุกหลวง
หยุนหว่านหนิงหยิบเครื่องฟังจากช่องว่างในอากาศมาฟังเสียงอวัยวะภายในของโม่ฮั่นอี่ว์ จากนั้นก็ช่วยเขาวัดความดันโลหิต
ผลปรากฏว่าความดันโลหิตของเขาค่อนข้างสูง...
“มิน่าเล่า เขาถึงได้เป็นลมหมดสติง่าย”
นางหยิบยาจากช่องว่างอากาศมาให้เขาทาน จากนั้นก็สั่งให้ผู้คุมนักโทษทำความสะอาดคราบเลือดที่เลอะบนพื้น แล้วจึงค่อยพยุงโม่ฮั่นอี่ว์กลับไปนอนที่เตียง
เจ้านี่หนักเกินไปแล้ว!
หมูน้ำหนักสองร้อยกว่าชั่ง ยังไม่นักเท่าเขาเลย!
หยุนหว่านหนิงพยุงเขาไปนอนที่เตียงด้วยความทุลักทุเล จากนั้นก็กลับไปนอนพักบนเตียงห้องขังที่อยู่ข้างๆ ด้วยความเหนื่อยหอบ
วันนี้โจวหยิงหยิงพูดถึงเรื่องฉินซื่อเสวีย ให้หยุนหว่านหนิงระวังคนผู้นี้ด้วย
หยุนหว่านหนิงรับรู้ได้อย่างหนึ่ง ก็คือ ‘จิตใจของนางยังไม่เหี้ยมโหดพอ!’
หากว่าจิตใจของนางเหี้ยมโหดมากพอ นางก็คงจะลงมือฆ่าฉินซื่อเสวียตั้งแต่แรกแล้ว!
วันข้างหน้าจะได้ไม่ต้องมีปัญหามากมายเกิดขึ้นในภายหลัง...
ตอนนั้นหยุนหว่านหนิงใจไม่แข็งพอที่จะลงมือฆ่าฉินซื่อเสวีย และนางก็อยากที่จะเห็นฉินซื่อเสวียเป็นคนบ้าที่สติฟั่นเฟือน ทุกข์ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น จึงจะเป็นการทรมานที่สาสม
และด้วยเหตุนี้ จึงกลายเป็นโอกาสให้ฉินซื่อเสวียกลับมาตั้งต้นได้อีกครั้ง
...
กลางดึก ที่นอกเมืองหลวง
ใกล้จะเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว ค่ำคืนกึ่งก้องไปด้วยเสียงจักจั่นและจิ้งหรีดที่ร้องระงม
ผืนนาที่อยู่ไม่ไกลมากนัก เต็มไปด้วยเสียงร้องของกบเขียด
พึ่งจะพ้นยามจื่อ เมืองหลวงทั้งเมืองก็ได้เข้าสู่ห้วงแห่งการหลับใหล เงากลุ่มคนจำนวนหนึ่งได้ปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบที่นอกกำแพงเมือง
คนกลุ่มนี้สวมชุดดำทั้งชุด ใบหน้าสวมด้วยหน้ากากปีศาจแยกเขี้ยว
ดูจากระยะไกล ก็จะเห็นว่าบนหน้ากากมีแสงสะท้อนสีเงินเล็กน้อย มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงแต่อย่างใด
เพียงแต่เงาที่สูงโปร่งสามารถแยกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเงาของผู้ชาย!
เพียงชั่วอึดใจ เงาของกลุ่มคนนับสิบก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกเขาเดินทางมาจากทิศทางของตำหนักสิงกง จากนั้นก็คุกเข่าลงต่อหน้าเขาด้วยสีหน้าที่จนตรอก “คุณชาย ภารกิจล้มเหลวขอรับ”
“แต่หลังจากที่พวกข้าไปถึงตำหนักสิงกงแล้ว ที่นั่นกลับเต็มไปด้วยหมอกขาวที่หนาแน่น”
“ตอนกลางวันพวกข้าได้วางจุดเป้าหมายไว้เรียบร้อยแล้ว รอแค่ลงมือในช่วงกลางคืน”
“แต่ใครจะไปรู้ จู่ๆ ก็มีเมฆหมอกมาปกคลุมจนมองไม่เห็นตำหนักสิงกงเลย! สัญลักษณ์ที่พวกข้าทำไว้ในช่วงกลางวันหายไปจนหมด แม้แต่เงาของตำหนักสิงกงก็มองไม่เห็น!”
อย่าว่าแต่มองไม่เห็นตำหนักสิงกงเลย แม้แต่อย่างอื่นก็มองไม่เห็นเสียด้วยซ้ำ!
ตรงไหนเป็นประตูทางเข้าของตำหนักสิงกง ตรงไหนเป็นกำแพงของตำหนักสิงกง พวกเขาค่อยๆ เข้าใกล้ตำหนักด้วยความจำที่มี แต่ท้ายที่สุดก็หาทางเข้าไม่เจอเลย!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายผู้นั้นก็ค่อยๆ คลายมือที่ไขว้อยู่ด้านหลังออก พลางพูดขึ้นว่า “หืม? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ?!”
เดิมทีเขาคิดว่าถึงแม้หยวนเป่าจะอายุน้อย กลับแปลกประหลาดพิสดารเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ถูกจับตัวไป แต่กลับเอาตัวรอดออกมาได้ด้วยความสามารถของตนเอง...
เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าเด็กคนนี้เฉลียวฉลาดและมีสติปัญญาเป็นเลิศ!
ดังนั้น เขาจึงสงสัยว่าเหล่าบรรดามือสังหารตกอยู่ในเงื้อมมือของหยวนเป่า จึงทำให้ภารกิจสังหารในครั้งนี้ล้มเหลว แต่เมื่อได้ยินกันไฉพูดมาเช่นนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกลังเลขึ้นมาทันที
“เป็นเรื่องจริงขอรับ!”
กันไฉกลืนน้ำลายลงคอ “คุณชาย เรื่องนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก!”
“เมื่อพวกข้าได้สติ ก็นึกขึ้นได้ว่าคงจะโดนผีหลอกเข้าแล้ว พวกข้าจึงพากันย่อลงกับพื้นไม่กล้าขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว”
เมื่อโดนผีหลอก ยิ่งเดินก็จะยิ่งหลง
หากใช้กำลังที่มีจนหมด เกรงว่าสุดท้ายคงจะมิอาจมีชีวิตรอดกลับมาได้!
“ใครจะไปรู้ ผ่านไปเพียงครู่เดียว จู่ๆ ก็มีลมแปลกๆ ที่ไม่รู้ว่าพัดมาจากทิศทางไหน ยังไม่ทันที่พวกข้าจะลุกขึ้น ก็ถูกลมพัดจนหกล้มระเนระนาดเสียก่อน ทุกคนต่างก็กลิ้งตกเขาจนหมด!”
แววตาของกันไฉเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “คุณชาย ตำหนักสิงกงอยู่ช่วงกลางเขา”
“แต่ที่พื้นผิวเป็นที่ราบ ถึงแม้จะมีลมพายุพัดมา พวกข้าก็คงจะไม่ถึงขั้นกลิ้งจนตกเขาหรอกกระมัง!”
อีกอย่าง พวกเขาล้วนเป็นคนที่ผ่านการฝึกฝนวรยุทธ์มาทั้งนั้น หากยืนม้านั่งให้มั่นคง ต่อให้ลมพายุโหมกระหน่ำรุนแรงสักแค่ไหน พวกเขาก็ไม่กลัวอยู่แล้ว...
แต่ลมปีศาจเมื่อคืนนี้ แปลกประหลาดและน่ากลัวเป็นอย่างมาก!
พวกเขาเป็นมือสังหารที่ออกปฏิบัติภารกิจทุกค่ำคืน
แต่กับเรื่องที่พิสดารเช่นนี้ ถือว่าเป็นการเจอครั้งแรกเลยก็ว่าได้...
“คุณชาย ตำหนัก...ตำหนักสิงกงนั่น คงจะไม่ใช่ผีหลอกหรอกกระมัง?!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...