ฟังจากน้ำเสียงของซ่งจื่ออวี๋ หรือเขาจะรู้ว่าใครเป็นคนลอบสังหารนาง?
หยุนหว่านหนิงนั่งลง “ท่านรู้ว่าเป็นใคร? ”
“คือโม่หุยเฟิง”
เขาตอบเสียงเบา
“จะเป็นไปได้ยังไง!”
หยุนหว่านหนิงอุทานออกมาอย่างตกใจ
โม่ฮั่นอี่ว์ที่กำลังนอนหลับฝันดี ถูกเสียงตะโกนตกใจของนางทำให้สะดุ้งตื่น เขาจึงเคาะขาเตียง “หยุนหว่านหนิง เจ้าจะกรีดร้องอะไรกลางดึก อย่ามารบกวนการพักผ่อนของพวกข้า”
โชคดีที่มีม่านลูกปัดปิดกั้นไว้ โม่ฮั่นอี่ว์จึงมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นที่ห้องข้างๆ
พอได้ยินเสียงหายใจที่สม่ำเสมอจากห้องข้างๆ หยุนหว่านหนิงจึงถามต่อ “จะเป็นโม่หุยเฟิงได้อย่างไร”
โม่หุยเฟิงถูกนางกับโม่เยว่ทำลายวิชายุทธไปแล้วไม่ใช่หรือ
ตอนนี้เขาน่าจะนอนนิ่งอยู่บนเตียง เป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว
เจาไม่เพียงแต่ไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังถูกโม่จงหรานออกคำสั่ง ให้ไปเฝ้าเขาซีเซียงห้ามกลับเข้าเมืองหลวงตลอดชีวิตด้วย
ตอนนี้เขาไม่มีทั้งเงินทองไม่มีทั้งอำนาจ จะสามารถลอบสังหารนางได้อย่างไร
นักฆ่าที่มาในคืนนั้น ดูท่าทางฝีมือไม่เลวเลยทีเดียว
“เป็นเขาจริงๆ”
ซ่งจื่ออวี๋กล้ายืนยันว่าเป็นโม่หุยเฟิง แน่นอนว่าหยุนหว่านหนิงเองก็ไม่สงสัยอะไรอีก จึงรีบถามอย่างตกใจ “เจ้ามีหลักฐานหรือไม่”
หลักฐาน?
ซ่งจื่ออวี๋ก้มหน้าลงมองแผลเป็นบนข้อมือ “ไม่มี”
“จางลาเมี้ยนกับหมอหลวงเหอเป็นคนของโม่หุยเฟิง เพราะเจ้าทำให้จางลาเมี้ยนต้องตายไป และทำร้ายหมอหลวงเหอ อีกทั้งยังทำให้ฝ่าบาททรงกริัวโม่หุยเฟิงจนลงโทษให้เฝ้าเขาซีเซียงตลอดชีวิต”
“เพราะเช่นนี้โม่หุยเฟิงจึงเคียดแค้น และพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะฆ่าเจ้า”
ถ้าเป็นเช่นนี้ โม่หุยเฟิงก็มีแรงจูงใจที่จะสังหารนางจริงๆ
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าพร้อมครุ่นคิด “ถ้าเช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ ว่าใครเป็นคนทำร้ายหมอหลวงเหอแล้วโยนความผิดมาให้ข้า”
หรูโม่ตามสืบมานาน แต่ไม่ได้เบาะแสอะไรเลย
คืนนั้นที่โรงหมอหลวง คนผู้นั้นเข้าประชิดตัวพวกเขาได้อย่างเงียบๆ อีกทั้งยังสามารถตัดบันไดไม้ของหมอหลวงเหอหักต่อหน้าต่อตาหรูโม่ ทำให้เขาตกจากบันไดสูงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
เรื่องนี้น่าจะมีเบาะแสอะไรบ้างถึงจะถูก
แต่กลับไม่มีเบาะแสอะไรทิ้งไว้เลย ถึงยิ่งทำให้หยุนหว่านหนิงสงสัยมากยิ่งขึ้น
“ข้าก็ไม่รู้”
ซ่งจื่ออวี๋ไม่ได้ตามสืบเรื่องนี้
ช่วงนี้เขางานยุ่งมาก ยุ่งกับการคอยปกป้องคุ้มครองหยุนหว่านหนิง ปกป้องหยวนเป่า และตามสืบเรื่องที่มีคนลอบสังหารหยุนหว่านหนิงกับหยวนเป่า
ที่ได้รับบาดเจ็บในคืนนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน
“ซ่งจื่ออวี๋ ข้ามีคำถามอีกหนึ่งข้อ”
“ถามมาได้เลย”
“เราเคยรู้จักกันมาก่อนใช่หรือไม่? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยกับเจ้ามาก! เหตุใดเจ้าถึงเรียกข้าว่าหนิงหนิงเหตุใดข้าถึงจำอะไรเรื่องของเจ้าไม่ได้เลย!”
พอถูกถามหลายคำถามติดต่อกัน ทำให้ซ่งจื่ออวี๋ไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อน
สักพัก เขาก็พูดเสียงเบา “หนิงหนิง อีกไม่นานความทรงจำของเจ้าจะกลับมา”
“ถึงตอนนั้น ไม่ต้องให้ข้าอธิบาย เจ้าก็จะรู้ความจริงของเรื่องนี้เอง”
เขายังคงไม่ยอมบอกนาง!
หัวใจของหยุนหว่านหนิงรู้สึกเหมือนถูกแมวข่วน คันยุกยิกด้วยความทรมาน!
นางดึงแถบผ้าที่ปิดตาออก
ซ่งจื่ออวี๋คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ นางจะดึงแถบผ้าออก จึงหลบไม่ทัน แล้วถูกหยุนหว่านหนิงเห็นหน้าอย่างชัดเจน
“แม่เจ้า!”
หยุนหว่านหนิงตาเบิกกว้าง แล้วมองบุรุษตรงหน้านางด้วยความตกตะลึง
นี่ยังใช่ซ่งจื่ออวี๋ที่นางรู้จักอยู่หรือ? !
ปกติเขามักจะแต่งกายด้วยชุดสีขาว ดูสง่างามสูงส่งไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก
แต่ตอนนี้...
เสื้อผ้าของเขาสกปรกเลอะเทอะ แขนเสื้อข้างซ้ายดูเหมือนจะถูกไฟไหม้ไป เผยให้เห็นช่วงแขนข้างใน ตรงข้อมือมีรอยไหม้ อีกทั้งยังไม่ได้รับการรักษา
แม้แต่บนใบหน้าของเขา ยังมอมแมมปกคลุมไปด้วยฝุ่น
มิน่าเล่าเขาถึงไม่ยอมให้หยุนหว่านหนิงเห็นเขา มิน่าเขาถึงบอกว่าตอนนี้สภาพเขาแย่มาก!
ซ่งจื่ออวี๋รีบยกมือขึ้นมาปิดหน้า แล้วเตรียมจะวิ่งออกไป
“หยุดนะ!”
บาดแผลของซ่งจื่ออวี๋ถูกผ้าพันแผลไว้เรียบร้อยแล้ว
“ต้องระวังอะไรบ้าง ข้าคงไม่จำเป็นต้องบอกเจ้าอีกครั้งใช่ไหม”
นางเงยหน้าขึ้นมองเขา
ซ่งจื่ออวี๋พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “อย่าให้แผลโดนน้ำ เปลี่ยนยาให้ตรงเวลา ทานอาหารรสชาติอ่อนๆ”
ดวงตาสีดำเข้มคู่นั้นของเขา จับจ้องไปที่ดวงตาของหยุนหว่านหนิง เหมือนเมื่อครั้งที่ไปเขาหยุนอู้ ตอนที่ทั้งสองเจอกันครั้งแรก เขาก็เป็นเด็กดีและเชื่อฟัง
แต่หยุนหว่านหนิงมองเขา กลับรู้สึกสงสาร
ต่อหน้าคนอื่น ซ่งจื่ออวี๋จะมีท่าทางเย็นชาและไม่สนใจใคร
แต่ต่อหน้านาง เขากลับเหมือนลูกสุนัขตัวน้อยที่ถูกทอดทิ้ง ทั้งน่าสงสารและน่าเห็นใจ
“ถูกต้อง”
หยุนหว่านหนิงยื่นขวดแอลกอฮอล์และอุปกรณ์ทำแผลทั้งหมดให้เขา “เจ้าเอาไปด้วย อย่าลืมก่อนจะทายาให้ทำการฆ่าเชื้อก่อน นี่คือสำลีก้าน ใช้ได้เพียงครั้งเดียว ใช้เสร็จแล้วทิ้ง ห้ามเอากลับมาใช้อีกครั้ง”
“อืม”
ซ่งจื่ออวี๋รับมา แล้วใส่ไว้ในเสื้อของเขา
“ตอนนี้เจ้าบอกข้าได้หรือยัง ว่าใครที่ฝีมือร้ายกาจ จนสามารถทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนี้”
สายตาของหยุนหว่านหนิงจ้องเขม็งไปที่เขา
ซ่งจื่ออวี๋มีวิชายุทธที่ร้ายกาจ แต่ถ้าได้รับบาดเจ็บ...
คราวที่แล้วเพื่อขอยาให้นาง ครั้งนี้แขนยังถูกไฟไหม้อีก
หรือจะเป็นอย่างที่เขาพูดไว้ ไม่ทันระวังตกไปในกองเพลิงจริงๆ? !
คำโกหกที่ไม่ได้เรื่องเช่นนี้ แม้แต่หยวนเป่ายังไม่เชื่อเลย!
“ซ่งจื่ออวี๋ เจ้ามีความลับอะไรอยู่กันแน่ เหตุใดถึงไม่ยอมบอกข้า ในเมื่อเราเป็นเพื่อนกัน แต่เจ้ากลับไว้ใจข้าไม่ได้เลยหรือ”
ในเรื่องความลับของซ่งจื่ออวี๋ นางอยากรู้มาก!
ซ่งจื่ออวี๋นิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา “หนิงหนิงไม่ใช่ว่าข้ายืนกรานที่จะปิดบังเจ้า”
“งั้นก็บอกข้ามา”
หยุนหว่านหนิงยืนกรานหนักแน่น
หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก ในที่สุดซ่งจื่ออวี๋ก็พูดออกมา “หนิงหนิง ในเมื่อเจ้าอยากจะรู้จริงๆ ว่าข้ามีความลับอะไรปิดบังเจ้าอยู่ ข้าก็จะบอกเจ้า...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...