อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 73

หากเป็นตามปกติแล้ว เมื่อโม่จงหรานเดินทางมา หลี่หมัวมัวหาได้ตื่นตระหนกเช่นนี้

เพียงแต่ในบัดนี้ คนในตำหนักกำลังเก็บกวาดร่องรอยการต่อสู้กันเมื่อครู่อยู่

เมื่อครู่นั้นเต๋อเฟยกับหยุนหว่านหนิงได้ขอสู้กันพักหนึ่ง ทำให้ตำหนักหย่งโซ่ววุ่นวายเป็นพัลวัน หากปล่อยให้ฮ่องเต้เห็นภาพนี้เข้าล่ะก็......หลี่หมัวมัวจึงรีบกล่าวว่า “เหนียงเหนียงเพคะ รีบออกไปต้อนรับฮ่องเต้เร็วเข้าเพคะ”

ทางที่ดีควรเชิญชวนฮ่องเต้เสด็จไปเดินเล่นที่อี้ว์ฮวาหยวน รอให้พวกนางเก็บกวาดตำหนักหย่งโซ่วเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมา

เต๋อเฟยเหลือบมองดูหยุนหว่านหนิงด้วยแววตาอันดุเดือด

จากนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ของตนแล้วลุกเดินออกไป

ในมิช้าก็ได้ยินเสียงหัวเราะออดอ้อนของนางดังขึ้นจากด้านนอกประตูว่า “ฮ่องเต้เพคะ เหตุใดจึงเสด็จมาในเวลานี้?”

“ข้าได้ยินมาว่าหลังคาของตำหนักหย่งโซ่ว เกือบจะพังยับเยิน ข้าจึงเดินทางมาดูหน่อย”

ยอดเยี่ยม!

มิจำเป็นต้องชวนฮ่องเต้เยี่ยมชมอี้ว์ฮวาหยวนแล้ว

หยุนหว่านหนิงเหลือบตามองดูโม่เฟยเฟย พบว่าโม่จงหรานเดินทางเข้ามาด้วยใบหน้าอันแปลกประหลาด โดยมีเต๋อเฟยเดินตามอยู่ด้านหลังพร้อมอารมณ์ขุ่นมัว เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามา ก็ใช้สายตาแหลมคมเหลือบมองหยุนหว่านหนิง

ทั้งสองคนจึงรีบลุกขึ้นยืนทำความคารวะ “ถวายบังคมเสด็จพ่อ!”

“ลุกขึ้นเถิด”

โม่จงหรานเดินผ่านทั้งสองคน

เมื่อพบว่าในห้องโถงเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง โม่จงหรานดูเหมือนจะเข้าใจ จึงนั่นลงที่ด้านบนอย่างสงบ “สนมรัก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ตำหนักหย่งโซ่วมีโจรอย่างนั้นหรือ?”

น้ำเสียงของเขาฟังออกว่าเป็นการเยาะเย้ยหยอกเล่น เต๋อเฟยจึงรู้สึกโล่งอก

นางก้าวขึ้นมาข้างหน้าฝืนยิ้มทูลว่า “ฮ่องเต้เพคะ ทรงเยาะเย้ยหม่อมข้าอยู่หรือ?”

“เมื่อครู่เฟยเฟยบอกว่าหม่อมข้าขาดการออกกำลัง ดังนั้นจึงได้สั่งให้หว่านหนิงออกกำลังเป็นเพื่อนหม่อมข้าสักพัก”

กล่าวจบนางก็เหลือบมองดูหยุนหว่านหนิงด้วยรอยยิ้มกึ่งอาฆาต

สายตาข่มขู่ว่า หากเจ้ากล้ากล่าวเรื่องไร้สาระ ข้าจะตีเจ้าให้ขาหักเชียว!

หยุนหว่านหนิงเข้าใจสิ่งนี้ได้โดยธรรมชาติ

มิว่าอย่างไร ในสายตาของคนรอบข้างนางก็เป็นพวกเดียวกันกับเต๋อเฟย

หากว่าเต๋อเฟยย่ำแย่ จวนอ๋องหมิงก็คงจะแย่เช่นกันด้วย

ดังนั้นนางจึงได้รีบลุกขึ้นแล้วทูลว่า “ใช่แล้วเพคะเสด็จพ่อ เมื่อครู่ลูกมองดูเสด็จแม่แล้ว รู้สึกว่าร่างกายของเสด็จแม่ควรจะออกกำลังกายจริงๆ”

“อ้อ เช่นนั้นหรือ”

โม่จงหรานมองไปทางหยุนหว่านหนิงด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะมองไปทางเต๋อเฟยด้วยท่าทางแปลกๆ เช่นกัน

ความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีและลูกสะใภ้คู่นี้กลมกลืนกันตั้งแต่เมื่อไร?

สีหน้าของเขามืดมนลง “หยุนหว่านหนิง เจ้ากล้าหาญยิ่งนัก กล้าดีอย่างไรเอ่ยวาจาไร้สาระต่อหน้าข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่คือการหลอกลวงฮ่องเต้!”

จู่ๆ เหตุใดจึงได้พิโรธเล่า......

มีพ่อเช่นไรมีลูกเช่นนั้นจริงด้วย!

โม่เยว่จะโมโหก็โมโหเสียอย่างนั้น คาดว่าคงสืบทอดพันธุกรรมมาจากโม่จงหราน

หยุนหว่านหนิงบ่นอยู่ในใจ แต่ใบหน้าของนางยังคงสงบนิ่ง นางคุกเข่าลงไปด้วยความเคารพ “ลูกช่างโง่เขลานัก มิเข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ!”

ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด นางคุกเข่าต่อหน้าพ่อแม่ทุกๆ วัน

เมื่อมาในโลกนี้ นางก็มักจะคุกเข่าเป็นประจำ เข่าของนางเคยชินเสียแล้ว มิว่าผิดพลาดประการใดนั้นก็เอาแต่คุกเข่า......

โชคร้ายยิ่งนัก

เดิมทีคิดว่าโม่จงหรานจะโมโห

คาดมิถึงว่าเมื่อเขาเห็นหยุนหว่านหนิงคุกเข่าลงไปเช่นนั้น กลับยิ้มขึ้นด้วยความสนุกสนาน “เจ้านี่ช่างโง่เง่าจริงๆ”

“เจ้าถูกแม่สวามีรังแก ข้าเดินทางมาที่นี่แล้วยังมิรู้จักฟ้องข้า ทั้งยังช่วยเต๋อเฟยปิดบังความผิด นี่มิใช่เป็นการโกหกฮ่องเต้หรือ!”

นางได้ยินประโยคนี้ถึงกลับงุนงงไปทีเดียว

นางเงยหน้าขึ้นทันใดและพบเข้ากับรอยยิ้มของโม่จงหราน

เขาหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย ทำให้เต๋อเฟยที่อยู่ด้านข้างรู้สึกมิพอใจ “ฮ่องเต้เพคะ ทรงเข้าข้างใครกันแน่?”

“เจ้ารังแกสะใภ้ ซ้ำยังมิให้ข้าช่วยนางอย่างงั้นหรือ?”

โม่จงหรานมิได้โกรธแต่เสียงหัวเราะของเขากลับดูก้องกังวาน

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วเข้าหากัน

นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดโม่จงหรานจึงได้ทะนุถนอมเอ็นดูเต๋อเฟยเป็นเวลาหลายปีมานี้

ดูจากความสัมพันธ์ของทั้งสองแล้ว......หาได้เหมือนฮ่องเต้กับสนมรัก

แต่นางมิได้กล่าวออกมา

นางกล่าวออกมาเพียงแค่สองสามประโยคนี้ก็ทำให้เต๋อเฟยโมโหเสียจนหน้าแดง

“ฮ่องเต้โปรดฟังดูสิเพคะ!”

นางกระทืบเท้าปัง “ตามปกติแล้วฮ่องเต้มักจะบอกว่าหม่อมข้าปฏิบัติมิดีต่อนาง”

“ทรงฟังดูเถิด ในใจของแม่นางคนนี้เห็นหม่อมข้าเป็นแม่สวามีหรือไม่ แล้วจะโทษหม่อมข้าได้อย่างไร?”

หลังจากที่เคยกระทบฟันต่อฟันกับหยุนหว่านหนิงมาแล้ว เต๋อเฟยรู้ดีว่านางมิใช่คู่ต่อสู้ของหยุนหว่านหนิง ดังนั้นจึงหันไปฟ้องร้องต่อโม่จงหราน

โม่จงหรานมิได้โกรธแต่อย่างใด

เขายิ้มขึ้นแล้วตรัสว่า “เอาล่ะ”

“สนมรัก นิสัยของหว่านหนิงนั้นข้ารู้สึกว่านางดีทีเดียว นางเป็นคนพูดตรงไปตรงมาและมิมีกลยุทธ์ลับหลังผู้ใด”

“เช่นนั้นหรือเพคะ??”

เต๋อเฟยตะคอกออกมาด้วยความมิพอใจ “แผนการที่นางกระทำลับหลังเหล่านั้นมิใช่หรือเพคะ?”

ทั้งวางแผนหลอกล่อโม่เยว่ และยังจัดการต่อฉินซื่อเสวีย บัดนี้ยังมาหลอกล่อโม่เฟยเฟยอีก!

แม่นางผู้นี้มีกลยุทธ์มากมายทีเดียว

“เสด็จพ่อเพคะ ประโยคนี้เสด็จแม่กล่าวได้ถูกแล้ว”

เมื่อเห็นสีหน้าของโม่จงหรานมิได้จริงจังเหมือนเมื่อครู่ แท้จริงแล้วนิสัยเขาดียิ่งนัก หยุนหว่านหนิงจึงได้กล่าวอย่างกล้าหาญว่า “ลูกเองก็มิยอมให้ใครมารังแกง่ายๆ”

“ผู้ใดที่ดีกับลูก ลูกก็จะดีกับเขาคืนนับร้อยเท่า ผู้ใดที่รังแกลูก......ก็เช่นกัน!”

“เจ้ากล้ายอมรับดีนี่!”

โม่จงหรานยิ้มแล้วเหลือบมองนาง “แต่นิสัยตรงไปตรงมาของเจ้านี้ ข้าคิดว่าดีนัก”

“คนเราควรจะเป็นเช่นนี้ อีกอย่างสะใภ้ของราชวงศ์เรามิควรถูกคนอื่นรังแกง่ายๆ ไม่ได้”

หยุนหว่านหนิงรู้สึกสงสัยยิ่งนัก ในวันนี้เสด็จพ่อของนางเดินทางมาที่นี่เพื่ออะไรกัน

เขามิเพียงแต่จะเอ่ยแก้ตัวแทนนาง ทั้งยังปกป้องนางเสียด้วยซ้ำ

มิทันที่นางจะได้ครุ่นคิด โม่จงหรานก็ยื่นข้อมือออกมากล่าวว่า “ตรวจวัดชีพจรให้ข้าหน่อย”

“ข้าจะขอดูหน่อยว่าทักษะการแพทย์ของเจ้าเป็นเช่นไร”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์