อันหรันนั้นเป็นผู้หญิง ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง
สำหรับผู้หญิงแล้ว แน่นอนว่ามักจะถูกดึงดูดจากสิ่งของที่เป็นประกายแพรวพราวเช่นนี้ได้ง่าย
อันหรันมองไปที่สินค้าประมูลที่เพิ่งถูกยกขึ้นมา มีทั้งสร้อยข้อมือ สร้อยคอ แหวนและสิ่งประดับอื่นๆที่เมื่อก่อนเคยเป็นสมบัติของราชินี มันช่างส่องประกายวิบวับเสียเหลือเกิน ทำให้อันหรันเกิดความรู้สึกใจสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
เธอมองไปที่ฮั่วเทียนหลันเงียบๆ พบว่าตอนนี้เขาเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ สายตาไม่ได้จับจ้องไปที่เครื่องประดับชุดนี้เลยแม้แต่น้อย
นี่คือสินค้าค่อนหลังของรายการสินค้าที่นำมาประมูล ฉะนั้นมูลค่าของมันจึงสูงลิ่ว เริ่มต้นราคาประมูลสูงถึง 30 ล้านหยวน
แม้ว่าอันหรันคิดอยากจะซื้อมัน เธอก็ไม่สามารถที่จะซื้อได้ ถ้าหากไม่ใช้เงินสองพันล้านหยวนที่ได้มาเปล่าๆในตอนนั้นซื้อ
แต่ถ้าหากเธอใช้เงินสองพันล้านหยวนนั่นซื้อมันมา เธอก็คงจะรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่
เพราะถึงอย่างไรเงินนี้ก็ไม่ใช่เงินของเธอซะทีเดียว
ทันทีที่เครื่องประดับชุดนี้ปรากฏ ราคาประมูลก็พุ่งสูงถึง 180 ล้านอย่างรวดเร็ว
ราคานี้ก็เกินพอที่จะทำให้อันหรันถอดถอนใจ
แต่วินาทีต่อมา ทำให้ดวงตาขออันหรันนิ่งค้างในทันที เพราะเธอเห็นป้ายที่ฮั่วเทียนหลันหยิบจากด้านข้างของเธอไปตอนไหนไม่รู้ ข้างบนนั้นมีเลข 3 เขียนอยู่ ก่อนที่เขาจะชูป้ายขึ้น
"Fahrenheit 300 ล้าน!"
ราคานี้เป็นที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันไม่ใช่แค่หยวนสองหยวนหรือแค่กี่สิบหยวนเท่านั้น แแต่มันเป็นจำนวนเงินที่ไม่ใช่จะหามาได้ง่ายๆ
เงิน 300 ล้านหยวนซื้อเครื่องประดับเพียงชุดเดียว แม้แต่ตระกูลฉวนก็ยังไม่คิดที่จะทุ้มเงินเยอะถึงขนาดนี้
สุดท้ายเครื่องประดับชุดนี้ก็ไม่มีใครสู้ราคาได้ จึงตกเป็นของฮั่วเทียนหลันในที่สุด
การประมูลยังคงดำเนินต่อไป แต่อันหรันกลับได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นมาจากทางด้านขวา
เธอขยับสายตาไปมองก่อนจะพบว่าฉวนฉีเหลียนได้เปลี่ยนที่นั่งกับผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างของฮั่วเทียนหลัน แล้วย้ายตัวเองมานั่งข้างๆฮั่วเทียนหลันแทน
เธอยื่นมือออกมาจับที่แขนของฮั่วเทียนหลัน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างออดอ้อน : "พี่เทียนหลันคะ ฉันชอบเครื่องประดับชุดนั้นมากเลย พี่ยกให้ฉันได้ไหม"
180 ล้านหยวนก่อนหน้าก็เป็นฉวนฉีเหลียนเองที่ยกราคาประมูลขึ้น
ฮั่วเทียนหลันจ้องมองไปที่ใบหน้าของฉวนฉีเหลียนเล็กน้อย ก่อนจะดึงแขนออกจากการเกาะกุมของเธอแล้วหันกลับไปสนใจการประมูลต่อ
ใบหน้าของฉวนฉีเหลียนปรากฏความผิดหวังเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็จ้องมองไปที่อันหรันด้วยสายตาโกรธแค้น
ผู้หญิงเข้าใจผู้หญิงด้วยกันดีที่สุด โดยเฉพาะสายตาแห่งความอิจฉาริษยาที่มองมานั้น ชั่วพริบตาอันหรันก็สังเกตเห็นได้โดยทันที
เธอมองไปที่ฉวนฉีเหลียน ก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างสุภาพ
ท่าทีเช่นนี้ของอันหรันกลับทำให้ฉวนฉีเหลียนรู้สึกโมโหจนอยากจะระเบิดออกมาเต็มทน ผู้หญิงคนนี้กำลังยิ้มเยาะเธออยู่!
รายการสินค้าประมูลชิ้นสุดท้ายถูกยกขึ้นมา สิ่งนี้คือที่ดินที่ยังไม่มีเจ้าของที่ตั้งอยู่ในเมือง Z
ที่ดินผืนนี้ตั้งอยู่ตรงใจกลางเมืองของเมือง Z
จากตำนานที่กล่าวกันมานั้น ตระกูลแรกที่เข้ามาตั้งรกรากถิ่นฐานในเมือง Z นั้นไม่ได้มีเพียงตระกูลฮัวเท่านั้น
นอกจากนี้ในเมือง Z ยังมีตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลเฉินที่สามารถต่อสู้เทียบเท่ากับตระกูลฮัวได้
ตระกูลเฉินเดิมทีทำอสังหาริมทรัพย์ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ยุคก่อตั้งสาธารณรัฐจีน หลังจากมีการปฏิวัติเกิดขึ้น ชุมชนในเมือง Z เกือบสองส่วนสามชุมชนก็แทบจะเป็นของตระกูลเฉินทั้งหมด
ในตอนนั้นธุรกิจส่วนใหญ่ของ Fahrenheit คือการนำเข้าส่งออกสินค้า ดังนั้นทั้งสองตระกูลนี้ต่างก็มีจุดแข็งด้วยกันทั้งนั้น จึงทำให้มีการต่อสู้กันมาอยู่เรื่อยๆ
แต่แล้วตระกูลเฉินก็เลือกยืนผิดฝั่งของการแข่งขันเลือกตั้งในครั้งนี้
หลังจากที่ฝ่ายตรงข้ามได้เข้ารับตำแหน่งก็สั่งให้เลขาธิการพรรคของเมือง Z จัดการปรับตระกูลเฉินที่เคยอยู่ด้านบนให้ตกลงไปด้านล่างทันที
ใช้เวลาเพียงสิบปีตระกูลเฉินที่เคยมีอิทธิพลมากมายก็สูญหายไปจากเมือง Z โดยไม่เหลือแม้แต่เงา
และที่ดินใจกลางเมืองผืนนี้ก็เป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งที่ตระกูลเฉินได้ทำอสังหาริมทรัพย์อยู่ในช่วงเวลานั้น
เนื่องจากเงินทุนไม่มากพอจึงถูกดองไว้อยู่อย่างนั้น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีหลายตระกูลที่สนใจที่ดินผืนนี้ แต่เนื่องจากความเกี่ยวพันธ์ที่สลับซับซ้อนและคดีเก่าๆของตระกูลเฉิน จึงทำให้ยังไม่มีใครสามารถเทคโอเวอร์ได้สำเร็จ
ตอนนี้ที่ดินผืนนี้ถูกหอการค้านำออกมา ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความเกี่ยวพันธ์ทั้งหมดนั้นถูกเคลียร์จนเสร็จสรรพหมดแล้ว ฉะนั้นใครก็ตามที่ได้ครอบครองที่ดินผืนนี้แล้ว ก็สามารถลงมือจัดสรรพัฒนาได้อย่างตามใจชอบ
ราคาเริ่มต้นการประมูลของที่ดินผืนนี้ไต่ระดับสูงสุดถึง 800 ล้านหยวน ทั้งนี้ยังกำหนดระยะเวลาชำระเงินภายในสามวันเท่านั้น จึงทำให้หลายตระกูลที่มีทุนทรัพย์ไม่เพียงพอถูกคัดออกไปในทันที
แม้แต่ฮั่วเทียนหลันเองก็อยากจับจองที่ดินผืนนี้ เขาคำนวณราคาที่คาดว่าจะสามารถชนะการประมูลและคำนวณว่าที่ดินผืนนี้จะสามารถสร้างประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใด
ในเวลานั้นตระกูลเฉินก็ใช้เงินจำนวนมหาศาลในการยึดครองที่ดินผืนนี้
แต่เมื่อเทียบกับปัจจุบันแล้ว เงินจำนวนมหาศาลในเวลานั้นกลับเป็นเงินที่เล็กน้อยมากๆ
หากอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้ได้รับการพัฒนาอย่างดี มันคงกลายเป็นขนมเค้กที่มีรสชาติหอมหวานสุดๆของเมืองแผ่นดินทองอย่างเมือง Z เป็นแน่นอน
หลังจากอันหรันจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะตกใจที่เห็นฮั่วเทียนหลันยืนอยู่ตรงนี้
“คุณชายฮั่ว คุณมาทำอะไรตรงนี้คะ”
ฮั่วเทียนหลันไม่ได้เอ่ยอธิบายใดๆ เขาทำเพียงตอบรับหน้านิ่ง ก่อนจะยื่นกล่องเครื่องประดับออกไปตรงหน้า
อันหรันรับมาก่อนจะเปิดแง้มดูเล็กน้อย และพบว่ามันคือเครื่องประดับที่ฮั่วเทียนหลันเพิ่งทำการประมูลมาได้เมื่อกี้นี้
นี่เขามอบให้เธอยังงั้นเหรอ
ของมูลค่ามหาศาลขนาดนี้...
อันหรันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นส่งกลับไป : "คุณชายฮั่วคะ อันนี้มันแพงเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ หรือไม่ก็...มอบให้คุณแม่เถอะนะคะ!"
อันหรันกัดฟันปฏิเสธ ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าของฮั่วเทียนหลัน
ฮั่วเทียนหลันจ้องมองอันหรันอย่างนิ่งๆโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา เขาดับบุหรี่ในมือก่อนจะเดินกลับไปยังสถานที่จัดงาน
อันหรันมองของในมืออย่างกระอักกระอ่วน เธอเดินตามฮั่วเทียนหลันออกไป ก่อนจะเรียกบริกรให้นำของไปเก็บไว้บนรถ
หลังจากผ่านสนามการประมูลที่ดุเดือดมาแล้ว ตอนนี้ทั่วบริเวณถูกจัดแทนด้วยงานเลี้ยงค็อกเทล มีฟลอร์เต้นรำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง หนุ่มหล่อสาวสวยนับไม่ถ้วนต่างก็จับคู่เต้นรำบอลรูมกันอย่างงดงาม
เดิมทีอันหรันไม่อยากเข้าร่วมวงสักเท่าไหร่ แต่ฉวนฉีเหลียนบังคับให้เธอต้องทำเช่นนั้น ฉวนฉีเหลียนเดินเข้าจับมือของฮั่วเทียนหลันและกำลังจะเดินเข้าไปในวงเต้นรำ
ทันใดนั้นฮั่วเทียนหลันก็หันหลังกลับมามองอันหรัน ก่อนจะยื่นมือออกไปหาเธอ อันหรันจึงทำได้เพียงส่งมือกลับไป
อันหรันไม่ได้เต้นรำบอลรูมมาเป็นเวลานานแล้ว จึงทำให้จังหวะการเต้นกระตุกเล็กน้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือของฮั่วเทียนหลันที่จับเอวเธออย่างแน่น มันทำให้เธอรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก
หลายครั้งที่มีการเปลี่ยนท่า ฮั่วเทียนหลันก็มักจะออกแรงบีบเข้าที่เอวของเธอ ทำให้จังหวะเท้าของอันหรันสลับกันมั่วไปหมด จนเผลอเหยียบเข้าที่เท้าของฮั่วเทียนหลัน
และเมื่อใดก็ตามที่เธอเผลอเหยียบเท้า ฮั่วเทียนหลันก็มักจะหันมาจ้องเธอเขม็งทุกครั้ง
ยิ่งเขาไม่พูดอะไรออกมา อันหรันก็ยิ่งกระวนกระวายในใจ
หลังจากก้าวเท้าไปๆมาๆ ยิ่งทำให้จังหวะเท้ามั่วขึ้นเรื่อยๆ จนตอนสุดท้ายกลับกลายเป็นเหมือนอันหรันจงใจเหยียบเข้าไปที่เท้าของฮั่วเทียนหลัน
และในที่สุดฮั่วเทียนหลันก็ทนไม่ไหว เขาหยุดชะงักจากการเต้นรำ ก่อนจะมองไปที่อันหรันแล้วเอ่ยขึ้น : "จงใจเหรอ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง