อันหรันรู้สึกคับอยู่ในอก เธอรีบส่ายหัวปฏิเสธอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเอ่ยขึ้น : "เปล่านะคะ ไม่ใช่นะ คุณชายฮั่ว ฉัน... "
อันหรันเอ่ยขึ้นอย่างติดๆขัดๆ เธอรู้สึกประหม่าเมื่อเห็นสายตาของฮั่วเทียนหลันที่จ้องมองมา และท่าทางที่คล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของเขานั้น ทำให้เธอก้มหน้าลงไปในที่สุด
ครั้งนี้เธอรวบรวมสติและสมาธิ เพิ่มความระมัดระวังไม่วอกแวกจนจบเพลงเต้นรำ
หลังจากเพลงเต้นรำจบลงแล้ว ก็มีเวลาให้พักหายใจอยู่สองสามนาที อันหรันจึงรีบเดินออกไปหยิบน้ำผลไม้มาดื่ม
การเต้นรำเพียงเวลาสั้นๆ กลับทำให้เธอประหม่าจนเหงื่อไหลและมีความรู้สึกขาดน้ำ
ฮั่วเทียนหลันขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับมองไปทางที่อันหรันเดินออกไป
ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้หรือไงว่าต้องเดินออกจากฟลอร์เต้นรำพร้อมกันกับเขา
เขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือไง เธอถึงได้วิ่งหนีออกไปก่อนเช่นนั้น
และแล้วเวลาพักเพียงไม่กี่นาทีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงเพลงเต้นรำอันไพเราะเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง
อันหรันรีบวางแก้วในมือลง ก่อนจะเดินกลับไปยังฟลอร์เต้นรำ
แต่พอเดินไปถึงด้านข้างของฟลอร์เต้นรำ กลับมองเห็นฮั่วเทียนหลันกำลังโอบเอวของฉวนฉีเหลียนอยู่ ทั้งสองคนออกสเต็ปการเต้นด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความรักใคร่
ทำให้การปรากฏตัวของอันหรันในตอนนี้กลับกลายเป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที
เธอปกปิดความรู้สึกที่ดูเหมือนถูกทอดทิ้งเอาไว้ในใจ ก่อนจะหันกลับเตรียมเดินออกไปหามุมสักมุมให้ตัวเองได้นั่งพัก
แต่ในขณะที่เธอหันหลังกลับนั้น เธอไม่ทันระวังจนกระแทกเข้ากับหน้าอกของผู้ชายคนหนึ่ง
และฮั่วเทียนหลันที่มองมา ก็บังเอิญเห็นฉากที่เธอกำลังยืนอยู่ต่อหน้าหยูซิงเหวินพอดี
ทำให้ฮั่วเทียนหลันที่เดิมทีคิดอยากจะแกล้งอันหรันนั้น มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที
อันหรันเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่คุ้นตา สักพักร่างกายเธอถึงตอบสนองกลับมา
หยูซิงเหวิน ทำไมถึงเป็นเขาได้ล่ะ
"ดูเหมือนว่าคุณชายฮั่วจะมีคู่เต้นรำแล้ว ถ้าเช่นนั้นคุณหญิงอันสนใจจะเต้นรำกับผมไหมครับ"
เมื่อถูกหยูซิงเหวินเชื้อเชิญ อันหรันก็กวาดสายตามองไปทั่วทิศ
หยูซิงเหวินรู้ว่าอันหรันกำลังคิดอะไร เขาจึงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย : "หลานหลานไม่ได้มาด้วยหรอก เธอไม่ค่อยสบายก็เลยนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านน่ะ"
อันหรันตอบรับเพียงสั้นๆ เธอรู้ดี..
คำว่าไม่ค่อยสบายนี้ จริงๆแล้วเหตุผลหลักเลยคือฉีหลานเธอไม่อยากเปิดตัวกับหยูซิงเหวินต่อหน้าที่สาธารณะ
ในเมื่อหยูซิงเหวินยื่นมือออกมาตรงหน้าขนาดนี้แล้ว อันหรันจึงทำได้เพียงตอบรับคำเชิญของเขา
ครั้งนี้เป็นการเต้นรำกับคนแปลกหน้า ฉะนั้นเธอต้องขยับตัวอย่างระมัดระวังมากขึ้น
การเต้นรำถือเป็นเรื่องอภิรมย์ใจอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้กลับถูกอันหรันทำให้กลายเป็นเรื่องที่เหนื่อยยากลำบากแทน
ภายใต้แสงไฟสลัวยิ่งทำให้ใบหน้าของอันหรันดูงดงามขึ้นเป็นพิเศษ ท่าทางที่สง่างามและอ่อนโยนของเธอนั้น ทำให้หยูซิงเหวินที่เผลอไปมองในคราแรกถึงกับต้องหันไปมองซ้ำอีกรอบอย่างไม่รู้ตัว
บุคลิกภาพของอันหรันนั้นดูไร้เดียงสามากกว่าฉีหลานอยู่พอสมควร
ผู้หญิงมองผู้หญิงด้วยกันออก ผู้ชายก็เช่นเดียวกัน
หยูซิงเหวินเงยหน้าขึ้น ก่อนจะมองไปอีกด้านอย่างนิ่งๆพร้อมทั้งยกยิ้มมุมปาก
สายตาของฮั่วเทียนหลันจ้องมองมาที่อันหรันอยู่บ่อยๆอย่างไม่อาจควบคุม
มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นอย่างสุภาพ แต่แววตาที่เย็นชานั้นแสดงออกถึงอารมณ์ของเขาในตอนนี้เป็นอย่างดี มันไม่ได้รู้สึกสงบมากนักหรอกนะ
เนื่องจากฐานะตระกูลที่เทียบเท่ากันนั้น ตระกูลหยูจึงไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวต่อตระกูลฮัวแต่อย่างใด
ที่ผ่านมาก็แค่ไม่คิดอยากจะสร้างศัตรูเท่านั้นเอง
อันหรันเอาใจจดจ่ออยู่กับเต้นรำจึงไม่ทันได้สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้
แต่ทันใดนั้นเองหยูซิงเหวินที่กำลังเล่นสงครามสายตากับฮั่วเทียนหลันอยู่ ก็เกิดก้าวเท้าผิดจังหวะขึ้นมา จนทำให้ไม่ทันระวังเหยียบลงไปที่เท้าของอันหรัน
แม้ว่าหยูซิงเหวินจะรีบยกเท้าขึ้นในทันที แต่อันหรันก็ยังรู้สึกเจ็บจนขมวดคิ้วขึ้น
“ขอโทษครับ คุณอัน คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
ในขณะที่พูดหยูซิงเหวินก็พลันจะก้มลงไปมองที่เท้าของอันหรันไปด้วย
งานเลี้ยงแบบนี้การที่จะเชิญใครมาเต้นรำคู่ด้วยนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
แต่การที่หยูซิงเหวินนั่งยอตัวลงมาดูเท้าที่เจ็บของอันหลันด้วยท่าทีเป็นห่วงเป็ยใยทามกลางผู้คนมากมายในงานเลี้ยงเช่นนี้นั้น ถ้ามีใครมองมาเห็นจะต้องมีการพูดถึงจนเป็นข่าวลือแน่นอน
อันหรันรีบจับเข้าที่ปลายแขนเสื้อของหยูซิงเหวิน ก่อนจะส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้น : "คุณหยู ฉันไม่เป็นอะไร ลุกขึ้นมาเต้นต่อเถอะค่ะ!"
อีกด้าน มือของฮั่วเทียนหลันที่ดูเหมือนโอบเอวของฉวนฉีเหลียนนั้น แท้จริงแล้วเป็นแค่การโอบปลอมๆ เพราะเขาไม่ได้วางมือลงบนเอวของเธอเลยด้วยซ้ำ
ก็ถูกเธอรีบเอ่ยแทรกขึ้นก่อน : "พี่เทียนหลันคะ ฉันอยากแต่งงานกับพี่!"
ฮั่วเทียนหลันหยุดชะงักลงในทันที ทำให้ฉวนฉีเหลียนที่ก้าวเท้าเต้นอยู่นั้นพลันชะงักไปด้วย จนเธอเผลอเหยียบลงไปที่เท้าของเขา
บรรยากาศรอบตัวของทั้งสองคนแปรเปลี่ยนเป็นความอึดอัดขึ้นมาชั่วขณะ
ประโยคที่ฉวนฉีเหลียนเอ่ยออกมาเมื่อสักครู่ มันดังพอที่จะทำให้คนที่กำลังเต้นรำอยู่บริเวณรอบๆนั้นได้ยินขึ้นมาหลายคน
ฮั่วเทียนหลันได้ยินเสียงคนรอบข้างพูดคุยกันอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อมองไปเห็นฉวนฉีเหลียนน้ำตาเริ่มคลอเบ้า เขาก็ไม่อยากที่จะเอ่ยตำหนิอะไรมากนัก
และในที่สุดเพลงเต้นรำก็จบลงพอดี
ฮั่วเทียนหลันปล่อยมือจากฉวนฉีเหลียน ก่อนจะถอยหลังเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่าง แล้วจึงเอ่ยขึ้น : "ฉีเหลียน เธอไปพักก่อนเถอะ"
ขอบตาของฉวนฉีเหลียนเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย น้ำตาที่เอ่อล้นก็พลันจะไหลออกมาอยู่เต็มทน เธอก้าวไปข้างหน้าแล้วเอนตัวพิงฮั่วเทียนหลันอย่างเต็มอก พร้อมกับจ้องมองไปที่ใบหน้าของเขา จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น : "พี่เทียนหลัน พี่รังเกียจฉันเหรอ"
ประธานฮั่วผู้ซึ่งเฉยชามาตลอดในตอนนี้เริ่มจะทนไม่ไหว
ในโลกของผู้ใหญ่นั้นไม่มีคำว่าล้อเล่นใดๆ
เขาเม้มปากแล้วจึงพูดขึ้น : "ฉันแต่งงานแล้ว!"
"แต่งงานแล้วงั้นเหรอ" ฉวนฉีเหลียนราวกับได้ยินเรื่องตลก เธอเหลือบมองอันหรันที่เดินออกจากฟลอร์เต้นรำไปแล้วด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง : "พี่เทียนหลัน พี่ใช้เหตุผลนี้ในการปฏิเสธฉันมันไม่ตลกไปหน่อยเหรอ พี่คิดว่าผู้หญิงแบบนั้นคู่ควรกับพี่แล้วหรือไง”
การพูดจาประเมินค่าตีราคาอันหรันของฉวนฉีเหลียนนั้น ทำให้ฮั่วเทียนหลันยิ่งเพิ่มความโกรธเข้าไปใหญ่
เขาไม่เคยสนใจคำพูดที่ไม่ทันคิดของฉวนฉีเหลียน เพราะถึงอย่างไรเธอก็ยังเด็กและยังรู้เท่าไม่ถึงการ
แต่คนที่เธอกำลังกล่าวหานั้นคืออันหรัน ภรรยาของเขา
เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์พูดจาตำหนิเธอเช่นนี้!
ใบหน้าของฮั่วเทียนหลันเริ่มตึงขึ้นมา ก่อนจะมองไปที่ฉวนฉีเหลียนอย่างเฉยชา : "ฉีเหลียน ระวังคำพูดของเธอหน่อย"
เมื่อได้ยินฮั่วเทียนหลันพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ น้ำตาที่คลออยู่เต็มเบ้านั้นก็ไหลพรั่งพรูออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้
“พี่เทียนหลัน ตอนเป็นเด็กพี่ตามใจฉันตั้งเยอะ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้ทำท่าทีเย็นชากับฉันขนาดนี้ล่ะ พี่ยังทำร้ายฉันไม่พออีกเหรอ"
เมื่อตอนเป็นเด็ก? ทำร้าย?
ฮั่วเทียนยกมุมปากขึ้น ก่อนจะพูดว่า : "ฉีเหลียนเธอโตแล้วนะ เธอควรจะรู้ได้แล้วว่าการบังคับฝืนใจคนอื่น ผลลัพธ์ที่ได้ไม่มีทางดีอย่างแน่นอน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง