ข่าวลือที่ว่า กานหลินมีความรักแล้ว
แต่ว่าความรักนี้ ไม่ใช่ความรักที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้
เธอชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เรียกว่ารักแบบหัวปรักหัวปรำก็ได้
เธอไม่กังวลถึงอาชีพการงาน หนีออกมาจากครอบครัว เพื่อผู้หญิงคนนั้น
เธอหนีไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว ซึ่งนั่นก็ไม่มีคำว่าหลังจากนั้นแล้ว......
สรุปได้ว่าแต่ละเรื่องนั้น ก็เป็นเรื่องราวที่หายตัวไปกว่าครึ่งปีของกานหลิน
การหายตัวไปของเธอ ในงานแฟชั่นแต่ละปี จึงขาดสีสันไป
หลายต่อหลายคนต่างร่ำร้องที่จะหานักออกแบบฝีมือชั้นเยี่ยมที่หายไปคนนี้
งานภาพยนตร์ครั้งนี้ แม้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแฟชั่น แต่ยังพอเชื่อมโยงกันได้
การแสดงชุดสุดท้าย เป็นการแสดงที่ใช้ชุดที่กานหลินเป็นคนออกแบบดังนั้นจึงดึงดูดแฟนคลับได้เป็นจำนวนมาก
สายตาทุกดวงจะจดจ้องมาที่การแสดงครั้งนี้
แฟนคลับทั้งในและนอกประเทศเดินทางมาเพื่อชมการแสดงครั้งนี้ และถ้าหากการแสดงในครั้งนี้ไม่มีผลงานของกานหลินออกไป ผู้คนที่เดินทางมารอคอยจะสิ้นหวังและผิดหวังเพียงใด
หลังจากที่เกิดความผิดหวัง ทุกคนก็จะโกรธขึ้นอย่างรุนแรงและสุดท้ายการกระทำของทุกคนก็จะบีบให้หยางหลิงรุ่ยต้องออกมาอธิบายและรับผิดชอบเรื่องนี้
เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงหลี่ซือหยวนเลย ต่อให้เป็นตระกูลหยางที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดก็ไม่สามารถยอมรับกับผลที่เกิดขึ้นได้
ดังนั้นหลี่ชานชานจึงมั่นใจว่าหยางหลิงรุ่ยจะต้องถูกจัดการอย่างแน่นอน
เธอคิดไปว่าหลังจากเรื่องนี้จบลง หยางหลิงรุ่ยจะต้องถูกไล่ออกจาก Yang's Entertainment จากนั้นเธอก็จะเป็นคนไปแทนที่ตำแหน่งของหยางหลิงรุ่ยแทน
เรื่องแรกที่เธอจะทำก็คือกำจัดเย่ตงและจินไห่เว่ยออกไป พวกเขาคิดว่าจะมีอะไรคุ้มกะลาหัวได้? คอยดูละกันว่าหลี่ชานชานจะทำให้เธอสิ้นหวังอย่างไร
หลี่ชานชานยิ้มที่มุมปากพร้อมกับจินตนาการ
ตอนนี้หยางหลิงรุ่ยยังนิ่งสงบนี่ทำให้หลี่ชานชานมีความสุขขึ้นมาบ้าง แต่ในใจของเธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเพราะเกรงว่าหยางหลิงรุ่ยจะสามารถพลิกตัวได้
เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ชานชานแล้วซัวรุ่ยจึงขมวดคิ้วออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เวลาแบบนี้หลี่ชานชานยังยิ้มได้อยู่อีกหรอ? ตอนนี้ตัวเขารู้สึกเหมือนไฟลนก้น!
ถึงแม้เขาจะคุยกับหยางหลิงรุ่ยเรียบร้อยแล้ว แต่มันก็ไม่ได้รับประกันอะไรมาก และจากคำพูดของหลี่ชานชานแล้ว เธอไม่ใช่คนที่ทำอย่างที่พูดได้ ดังนั้นคำพูดของเธอจึงไม่ค่อยน่าเชื่อถือ
หลังจากคิดว่าการแสดงชุดสุดท้ายจะพังทลายลง ภายใต้ความโกรธของหัวหน้าของเขา เรื่องที่เขาเคยทำผิดมาก่อนหน้านี้จะถูกเปิดเผยออกมาหรือไม่
ใจของซัวรุ่ยก็รู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
“เธอกำลังยิ้มอะไรอยู่?”
จู่ๆซัวรุ่ยก็ถามออกไป ทำให้หลี่ชานชานที่กำลังจินตนาการอยู่ตื่นขึ้น
หลี่ชานชานตะลึง เธอรู้ว่าตัวเองควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่จึงแสดงกิริยาท่าทางที่ไม่เหมาะกับการประชุมในครั้งนี้ออกมา เธอจึงพูดออกมาด้วยความรู้สึกผิดว่า “ขอโทษคะ ผู้กำกับซัว ฉันแค่มองเครื่องแต่งกายเหล่านี้ และคิดว่าถ้าการแสดงชุดสุดท้ายมันจบลงด้วยดี พวกเราคงประสบความสำเร็จมากเป็นแน่”
“อ่า....”
ซัวรุ่ยแสยะยิ้ม เขามองพรางๆไปที่หลี่ชานชาน เนื่องจากเขาเคยร่วมแผนการกับหลี่ชานชานอยู่ลับๆ เขาจึงไม่อยากพูดอะไรมาก
“หยางหลิงรุ่ย คุณถามผมไม่ใช่หรอว่ามีหลักฐานอะไรไหม? ได้ งั้นผมจะบอกคุณเดี๋ยวนี้!”
หลี่ชานชานตกใจ จึงทำท่าทางครุ่นคิดและพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “ก่อนหน้านี้ฉันบอกเหตุผลกับคุณไปหมดแล้ว คุณทำหรือไม่ทำสุดท้ายแล้วคุณนั่นแหละที่รู้ดีที่สุด”
“ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณเข้ามาที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านี้ และอยู่ที่นี่สักพัก คุณบอกสิ ว่าคุณเข้ามาทำอะไร?”
หลี่ชานชานตั้งคำถามขึ้นมาเพื่อทำให้หยางหลิงรุ่ยและซัวรุ่ยสับสน
หยางหลิงรุ่ยเข้ามาในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า?
ซัวรุ่ยมองไปที่หยางหลิงรุ่ยแบบไม่รู้ตัว เขาตรวจสอบคำที่หยางหลิงรุ่ยถูกใส่ร้ายอย่างชัดเจนแล้วว่าเธอไม่ได้เป็นแบบนั้นจริง หยางหลิงรุ่ยนั่งอยู่เฉยๆโดยไม่ได้ไปไหนเลย
และหยางหลิงรุ่ยก็มองไปที่หลี่ชานชานด้วยดวงตาที่สงสัยแต่ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความโกรธ
“หลี่ชานชาน ใส่ใจในทุกๆอย่างจริงๆ ตอนนั้นฉันก็นั่งมองคุณอยู่อย่างไงหละ!”
หลี่ชานชานรู้อยู่แล้วว่าหยางหลิงรุ่ยกำลังหมายความว่าอะไร
เธอยิ้มแข็งๆออกมา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมโทรออกไป พูดออกไปว่าเธอเข้ามา!
ผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงเคาะประตูห้อง และมีพนักงานเดินเข้ามาสองคน
ซัวรุ่ยเงยหน้าขึ้นไปมองและสงสัยเล็กน้อย ตอนนั้นหลี่ชานชานจึงรีบอธิบายออกมาว่า “ผู้กำกับซัว นี่คือพนักงานของห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านี้ เป็นพนักงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร”
ซัวรุ่ยส่งเสียงอ่าออกมา และนึกขึ้นมาได้ว่าเคยเห็นพนักงานสองคนนี้
“พวกเธอพูดมา!”
หลี่ชานชานขวักมือเพื่อบอกให้พนักงานทั้งสองคนนั่งลงและพูดออกมา
แต่เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนรู้สึกไม่ค่อยดี หนึ่งในนั้นมองไปที่หยางหลิงรุ่ยและซัวรุ่ย จากนั้นก็หลบสายตาไปอย่างรวดเร็ว
การหลบสายตาของเธอ ทำให้หลี่ชานชานรู้สึกโกรธ
หลี่ชานชานจับประตูไว้แน่นไม่ยอมให้เชลลีย์เข้าไป เธอรู้ว่าถ้าเชลลีย์เข้าไปจะต้องเป็นพยานที่ดีของหยางหลิงรุ่ย ทั้งสองคนอยู่ข้างเดียวกับจะต้องทำอะไรที่ไม่ดีกับเธอแน่
“ตอนนี้พวกเรากำลังมีเรื่องสำคัญกำลังคุยกับผู้กำกับอยู่ มีเรื่องอะไรก็รอค่อยเดี๋ยวค่อยมา!”
พูดจบ หลี่ชานชานก็ใช้แรงทั้งหมดเพื่อปิดประตู
เชลลีย์รู้สึกกระวนกระวาย เธอก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีของเธอดันประตูกลับมา ตอนนี้ทั้งสองคนกับลังอยู่ในท่าดันประตู
แต่เชลลีย์เป็นคนที่มาจากประเทศm ด้วยนิสัยการทานอาหารของเธอทำให้เธอมีเรียวแรงมากกว่าหลี่ชานชาน สุดท้ายประตูก็ถูกเปิดออก
เหมือนกับว่าทั้งสองคนทะเลาะกันอยู่นาน แต่ในความเป็นจริงแล้วเชลลีย์ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที่ในการเข้าห้องนี้มา
เธอมองไปที่หยางหลิงรุ่ย และมองไปที่คนที่อยู่รอบๆ และเธอก็เข้าใจว่าตอนนี้หยางหลิงรุ่ยกำลังถูกปิดล้อม
ดังนั้นเธอจึงรีบพูดออกมาว่า “ผู้กำกับซัว เมื่อสักครู่....”
“เชลลีย์ เธอมาพอดีเลย มานั่งตรงนี้ก่อน ตอนนี้พวกเราหาตัวการของเรื่องพบแล้ว”
คำว่า ตัวการ สองพยางค์นี้ ซัวรุ่ยพูดออกมาด้วยการเน้นคำ
คนที่กล้าที่มีเรื่องกับเขาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดเขาจะต้องทำให้พวกเธอต้องชดใช้
เชลลีย์มองไปที่สีหน้าที่มืดมนของซัวรุ่ย เธอสงสัยอยู่สักพักแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และตอนนี้หยางหลิงรุ่ยก็หันหน้ามามองที่เธอ ด้วยสายตาที่บอกให้เธอเงียบไว้ก่อน
“พูดต่อ!”
“พวกเราทั้งสองรับคำสั่งมาจากผู้อำนวยการหยาง เธอบอกพวกเราว่าต้องทำลายชุดนี้ให้ได้ ถ้าทำแบบนั้นแล้วการแสดงชุดสุดท้ายนี้จะไม่ประสบความสำเร็จ พอถึงเวลานั้น Young's Entertainment ก็จะออกหน้าออกมาเพื่อทำเป็นว่าตัวเองออกมาช่วยเหลือ และนั่นจะทำให้พวกเขาได้รับชื่อเสียงมากมาย ดังนั้นพวกเรา...... ”
เสียงของพนักงานรูปร่างผอมเบาลงเรื่อยๆ เหมือนกับว่าเธอไม่กล้าที่จะพูดต่อไป เพราะตัวเธอเองเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่ทำผิดเพราะรับงานมา
ตอนนั้นหลี่ชานชานก็พูดแทรกขึ้น “ก่อนจะทำอะไรพวกเธอไม่ได้คิดให้ดีก่อนหรอ? ผู้อำนวยการหยางให้พวกเธอไปทำอะไร พวกเธอก็จะไปทำงั้นหรอ?”
หลี่ชานชานถามถึงความรับผิดชอบทำให้พนักงานร่างผอมหน้าแดงขึ้น
เธอพูดออกมาอย่างลังเล “พี่ชานชาน ฉัน พวกฉันก็รู้ว่าทำอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง แต่ผู้อำนวยการหยางก็บอกกับพวกเราว่าจะเลื่อนตำแหน่งพร้อมขึ้นเงินเดือนให้กับพวกเราอย่างน้อยสองเท่า ดังนั้น.....”
หลี่ชานชานหัวเราะเบาๆสองสามครั้งพร้อมกับมองไปที่หน้าของหยางหลิงรุ่ย หลังจากนั้นก็มองไปที่ซัวรุ่ย ตอนนี้เธอแสดงให้เห็นว่าเรื่องทั้งหมดก็ถูกพิสูจน์อย่างชัดเจนแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ซัวรุ่ยจะจัดการ
ซัวรุ่ยไม่ได้ถามหยางหลิงรุ่ยไปในทันที เนื่องจากเขาไม่ใช่คนที่จะถูกคนอื่นจูงจมูกง่ายๆ
เขามองไปที่หลี่ชานชานอย่างลึกซึ้ง แผนการและการลงมือของผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจริงๆ ดังนั้นเขาจึงจดจำผู้หญิงคนนี้ว่าเป็นคนที่ร้ายกาจ หลังจากนั้นเขาถึงยิ้มและเริ่มมองมาที่ใบหน้าที่ไม่รู้สึกร้อนรนของหยางหลิงรุ่ย
“หยางหลิงรุ่ย คุณยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง