“ พูดเหรอ”
หยางหลิงรุ่ยพอได้ยินประโยคนี้ก็หัวเราะ
ผู้ที่ผ่านชีวิตมามากในโลกใบนี้ถูกหยางหลิงรุ่ยหัวเราะ
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้ อาจเป็นลักษณะเฉาะตัวของหยางหลิงรุ่ย?
เขาพูดนอกเรื่อง แต่หยางหลิงรุ่ยไม่พูดนอกเรื่อง
หยางหลิงรุ่ยมองไปที่พนักงานหญิงสองคนของ Yang's Entertainment และไม่ได้ถามพวกเขาว่าทำไมพวกเขาถึงแพร่ข่าวลือและทำให้เธอดูไม่น่าเชื่อถือ
เพราะเธอรู้ดีว่า ถ้าเธอปฏิบัติตัวปกติ ไม่ว่าเธอจะคิดอะไรอยู่ สิ่งที่เธอคิดอยู่ในใจ หลี่ชานชานในฐานะคนเขียนบท ก็คงจะเขียนเรื่องราวอะไรไว้ในใจแน่นอน
ถ้าอย่างนั้น เธอถามไปอย่างไร คำตอบก็คงถูกกำหนดไว้แล้ว ซึ่งนั่นก็อาจจะทำให้ตกเป็นเหยื่อของอีกฝ่าย
“ คุณได้รับข้อความจากฉันเมื่อไหร่?”หยางหลิงรุ่ยถามประโยคแรกนี้
พนักงานหญิงสองคนมองหน้ากันและมีแววประหลาดใจในแววตา ราวกับว่าตอนที่เขาซ้อมมาไม่มีประโยคคำถามเหล่านี้
ดังนั้น พวกเธอซึ่งทำตัวเก้ๆกังๆ และมองไปที่หลี่ชานชาน
ดูเหมือนว่าต้องการจะถามหลี่ชานชานว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไร
นี่ทำให้หลี่ชานชานเคืองเล็กน้อย คนสองคนนี้โง่เขลาเสียจริง? การที่มองมาที่ตัวเธอ ก็เหมือนกับการบอกให้คนอื่นสารภาพไง?
"ตอบคำถาม" ซัวรุ่ยมองไปที่พวกเธอ ในใจของเขามีข้อสรุปที่คลุมเครืออยู่
เรื่องนี้กลัวว่ามันจะไม่มีผลอะไรกับหยางหลิงรุ่ย สำหรับหลี่ชานชานนั้นยากที่จะพูด
" ค่ะ เมื่องสองวันก่อนค่ะ"
ผู้หญิงทั้งสองคนที่ตอบคำถามเธอ ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง เธอจึงสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว
"อ๋อ? ฉันไปพูดที่ไหนคะ ? แล้วฉันบอกกับคุณอย่างไง"
คำถามของหยางหลิงรุ่ย แต่ละคำถามต้องการรายละเอียดแบบเจาะลึก
แต่คำถามสำคัญที่ว่าทำไปทำไม เธอไม่ได้ถาม เพราะคำถามนี้ มันถูกสารภาพออกมาแล้ว ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรอีกฝ่ายจะมีเตรียมคำตอบที่สมบูรณ์แบบมาไว้แล้ว
"ในบริษัท คุณเรียกเราสองคน ไปที่สำนักงานผู้อำนวยการ"
หญิงสาวร่างผอมพร้อมแล้วที่จะแสดง เธอก็เข้าใจดี เพราะตัวเองเคยทำตอนอยู่มัธยม ในใจว่าตั้งแต่เรียนมัธยมต้นปีที่ 1 ถ้าไม่ทำก็คงหาทางออกไม่ได้
"กี่โมง?"
“ บ่ายสองโมง”
หญิงสาวร่างผอมตอบอย่างรวดเร็ว เธอตามจังหวะของหยางหลิงรุ่ยทันแล้ว
แต่คำตอบของเธอ ทำให้หยางหลิงรุ่ยหัวเราะออกมา
เมื่อสองวันก่อน ตอนบ่ายสองโมง?
เธอไม่เคยเจอสองคนนี้ ในทำนองเดียวกันเด็กสาวสองคนนี้ก็ไม่เคยเจอหยางหลิงรุ่ย
ดังนั้นพวกเขาไม่รู้ว่าเวลาพักของหยางหลิงรุ่ยคือระหว่างบ่ายโมงถึงบ่ายสองโมง และเย่ตงก็อยู่ในห้องทำงานของผู้อำนวยการด้วย
คนสองคนจะคุยกันเรื่องจิปาถะ จากนั้นจะงีบหลับโดยตั้งนาฬิกาปลุกตอนบ่ายสอง หลังบ่ายสองหากที่ไม่มีอะไรเร่งด่วนเกินไป พวกเธอจะดื่มกาแฟสักแก้วหรือดื่มชาเพื่อให้ตัวเองสดชื่นและทำงานต่อไป
ซึ่งนั่น มันก็บ่ายสองโมงครึ่งแล้ว
ระหว่างบ่ายสองโมงถึงบ่ายสองโมงครึ่งเย่ตงอยู่ที่นั่นเสมอ
เป็นไปได้ไหมที่หยางหลิงรุ่ยจะเบลอ จะเรียกพวกเธอมาสั่งการตอนที่เย่ตงอยู่ตรงนั้น?
"หลี่ชานชาน คุณเชื่อพวกเธอไหม?"
หยางหลิงรุ่ยไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้หญิงพวกนั้นอีกต่อไป แต่ชี้นิ้วไปที่หลี่ชานชาน
หลี่ชานชานมีสีหน้าหม่นลง เมื่อรู้ว่าสิ่งต่าง ๆ ได้พัฒนาไปในทิศทางที่เหนือการควบคุมของเธอแล้ว
เด็กผู้หญิงสองคนนี้เป็นเพียงคนที่รับผิดชอบหน้าที่ในบริษัท หลี่ชานชานซื้อตัวพวกเขาทั้งสองคน และให้ค่าตอบแทนไปคนละ 50,000 หยวน
ค่าตอบแทนอาจไม่สูง แต่ก็ไม่ต่ำเกินไป เพราะสำหรับพนักงานที่Yang's Entertainment ก็เทียบได้่กับเงินเดือนในหนึ่งปี
หลี่ชานชานเลือกพวกเธอเพราะคำนึงถึงต้นทุน เพราะเงินของเธอไม่ได้หามาง่ายๆ
อีกคนเป็นนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบ เธอย่อมมีความทะเยอทะยาน และถูกหลอกง่าย
อย่างไรก็ตามเธอคำนึงถึงความสะดวกของตัวเองเท่านั้น แต่ไม่สนใจว่าเด็กผู้หญิงสองคนนี้ไม่มีสิทธิ์ติดต่อแผนกภาพยนตร์และโทรทัศน์ของบริษัท
ดังนั้นแสดงว่าไม่เข้าใจระบบการทำงานของแผนกภาพยนตร์และโทรทัศน์ ซึ่งการหาคำตอบก็หาได้จากการทำงานในแผนกนี่เอง
สิง่ที่สำคัญคือ เนื่องจากแผนกบริการค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นเวลาทำงานในช่วงบ่าย คือบ่ายโมงครึ่ง
นี่ถือเป็นช่องโหว่
หลี่ชานชานรู้สึกเซ็งไม่น้อย เธอไม่คาดคิดว่าพลาดกลอุบายของหยางหลิงรุ่ยเช่นนี้
"หลี่ชานชาน คุณจะไม่ตอบเหรอ งั้นฉันขอพูดนะ!"
หลี่ชานชานรู้สึกไม่พอใจอยู่พักหนึ่ง และไม่ตอบหยางหลิงรุ่ย
เมื่อหยางหลิงรุ่ยพูดออกมาเธอก็ไม่สามารถหยุดอะไรได้อีกต่อไป
"เรื่องแรก สองวันก่อน ฉันไม่อยู่ที่บริษัท"
หลี่ชานชานตอนแรกต้องการจะฉีกร่างของหยางหลิงรุ่ยไม่ใช่เหรอ?
ทำไมตอนนี้มันกลับกัน?
สีหน้ามท่าทางนี่เปลี่ยนได้รวดเร็วเสียจริง?
"ยังไม่พบผู้บงการในเหตุการณ์นี้ กลับมานั่งลงก่อน"
หลี่ชานชาน มองไปที่สายตาลึกล้ำของหยางหลิงรุ่ย ในตอนนี้เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก
จู่ๆเธอก็รู้สึกเสียใจ ที่ก่อนหน้านี้เธอดูถูกหยางหลิงรุ่ยมากเกินไป
ผู้หญิงคนนี้ดูอ่อนโยน และมีลักษณะโง่เขลามาก แต่แท้จริงแล้วมันเป็นแค่เรื่องเพียงผิวเผิน
เธอได้แสดงให้เห็นถึงเขี้ยวอันแหลมคมของเธออย่างเต็มที่ในวันนี้
แม้ว่าหลี่ชานชานจะกลับมา แต่เธอก็ได้โยนบัตรออกไป
รหัสผ่านถูกเขียนไว้บนการ์ดและมีเงินสองแสนอยู่ในนั้น
เงินแสนที่มอบให้ในตอนแรก ตอนนี้หลี่ชานชานใช้เงินไปสามแสนแล้วสำหรับเรื่องนี้
แต่มันก็ไม่สำเร็จ
แต่เธอไม่มีทางเลือก เพราะตอนนี้ถ้าหากเธอไม่ปิดปากพวกเขา เธอเองจะเป็นคนที่โชคร้าย
เธอก็แตกต่างจากเด็กผู้หญิงสองคนนี้ ตำแหน่งของเธอกำลังมั่นคง และเมื่อเทียบกับรายได้ต่อปี เงินหลายแสนเหล่านี้เป็นเพียงความเจ็บปวดสำหรับเธอ
"เชลลีย์คุณพบว่าเสื้อผ้าขาดประมาณกี่โมง"
เมื่อเห็นหลี่ชานชานกลับมานั่งลง หยางหลิงรุ่ยก็เริ่มพูดคุยเรื่องนี้อีกครั้ง
เชลลีย์ไม่ได้พูดอะไร เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าหยางหลิงรุ่ยที่ดูอ่อนโยนและสง่างามจะมีด้านที่เฉียบคมเช่นนี้
เธอร้องอุทานออกมา มองไปที่ดวงตาของหยางหลิงรุ่ย ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อยและหลังจากคิดสักเล็กน้อยเธอก็พูดว่า "น่าจะก่อนหน้านั้นห้าสิบนาที เพราะการแสดงมันกำลังจะเริ่มขึ้น ดังนั้นฉันจึงต้องไปเอาชุดแสดงมาสวม และตรวจสอบเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีที่สุดบนเวที "
"แต่ พอฉันไปที่ห้องการแสดง ฉันเห็นว่าเครื่องแต่งกายของฉันถูกกระจายไปบนโต๊ะและมันก็ถูกเผา"
“ ช่วงนี้มีใครหรือทีมงานคนไหนเข้าและออกจากห้องการแสดงบ้างไหม?” หยางหลิงรุ่ยถาม
เชลลีย์ต้องการจะบอกว่ามีหยางหลิงรุ่ย แต่จู่ๆเธอก็จำได้ว่าเมื่อ เพื่อเธอเข้าไปจัดเตรียม เธอได้เดินผ่านหลี่ชานซานไป
ถ้าหยางหลิงรุ่ยไม่เตือนเธอ เธอก็คงคิดไม่ออก
แต่เมื่อรวมกับคำให้การของคนสองคนที่หลี่ชานชานพามาพบ เชลลีย์ก็รู้เลยว่าใครคือผู้บงการตัวจริง
“ คุณเข้ามากับฉัน และเมื่อฉันเข้ามาฉันก็เห็นหลี่ชานซาน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง