หยางหลิงรุ่ยไม่ได้บ้าขนาดนั้น ที่จะยืนรออย่างโง่เขลาราวกับรูปปั้นที่กำลังรอสามีกลับบ้าน
10 นาทีแล้ว ฮั่วเทียนหลันก็ไม่มา
ทันใดนั้นก็มีรถแท็กซี่ว่างแล่นผ่านมาด้านหน้าหยางหลิงรุ่ยพอดิบพอดี
เธอกำลังจะเปิดประตูเพื่อขึ้นไปบนรถ แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนร้องดังขึ้นมาจากทางด้านขวา ซึ่งมันเป็นเสียงตะโกนที่ฟังดูงี่เง่ามาก ๆ
หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย หยางหลิงรุ่ยก็ปล่อยมือจากที่จับประตูรถออก
เหตุการณ์เช่นนี้เธอเคยประสบพบเจอมาเป็นเวลานาน จึงทำให้รู้ได้ทันทีว่าฮั่วเทียนหลันมาแล้ว
และมันก็เป็นตามที่คิด หยางหลิงรุ่ยหันหน้ากลับไปเล็กน้อยก็มองเห็นร่างสูงและหล่อเหลาที่ยืนอยู่ตรงนั้น
ฮั่วเทียนมาแล้ว
หยางหลิงรุ่ยก้าวไปข้างหน้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ย : "คุณฮั่ว คุณผิดนัดแล้ว!"
ฮั่วเทียนหลันยกยิ้มและกำลังจะเอ่ยพูดกับหยางหลิงรุ่ย แต่ทันใดนั้นเสียงดังคำรามของเครื่องยนต์ก็ดังขึ้น ก่อนจะมีเสียงกรีดร้องขึ้นมาจากฝูงชน
เสียงเมื่อสักครู่ไม่ใช่เสียงกรีดร้องตอนพบเจอไอดอลแต่อย่างใด แต่มันคือเสียงกรีดร้องที่เกิดจากความตื่นตระหนกและหวาดกลัว
โครม หยางหลิงรุ่ยที่ยังไม่ทันได้ตั้งสติก็ถูกฮั่วเทียนหลันผลักออกไปอีกด้าน
ส่วนฮั่วเทียนหลันนั้นถูกรถชนออกไปไกลสองถึงสามเมตร
หยางหลิงรุ่ยตะลึงค้าง เธอมองไปที่ฮั่วเทียนหลันที่กำลังนอนอยู่บนพื้นโดยไม่รู้ว่าจะเป็นหรือจะตายในขณะนี้ ตอนนี้เองหัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างไม่สามารถอธิบายได้
ราวกับว่ามีสิ่งที่สำคัญมาก ๆ บางอย่างกำลังจะหายไปอย่างถาวรต่อหน้าต่อตาเธอ
เธอรีบวิ่งเข้าไปหาฮั่วเทียนหลันด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าและยื่นมือออกไปจับแขนของเขาด้วยความประหม่า จากนั้นตะโกนถามขึ้น : "คุณฮั่ว คุณฮั่วคะ คุณเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"
เครื่องยนต์ของรถคันที่ก่อเหตุยังคงส่งเสียงคำราม แต่คนที่อยู่ข้างในรถนั้นไม่อาจทราบได้ว่าอาการเป็นอย่างไร ดูเหมือนว่าจะถูกถุงลมนิรภัยจะระเบิดใส่จนหมดสติไปแล้ว
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของซูเปอร์มาร์เก็ตบริเวณใกล้ ๆ รีบวิ่งกรูกันเข้ามาล้อมรอบตัวรถ ก่อนจะช่วยกันดับไฟและดึงตัวผู้กระทำความผิดออกมาในที่สุด
และรอบของตัวหยางหลิงรุ่ยก็มีคนกลุ่มหนึ่งยืนมุงดูอยู่
ท่ามกลางเสียงดังเอะอะโวยวายของฝูงชน หยางหลิงรุ่ยก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอไม่ควรถามฮั่วเทียนหลันว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะเขาหมดสติไปแล้ว ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเรียกรถพยาบาลมา เพื่อนำตัวฮั่วเทียนหลันไปที่โรงพยาบาล
เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า ในตอนที่กำลังจะกดโทรออก จู่ ๆ มือใหญ่ก็เอื้อมมาจับโทรศัพท์มือถือของเธอเอาไว้
"ไม่ ไม่ต้อง ฉันไม่ เป็นอะไร"
หยางหลิงรุ่ยเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฮั่วเทียนหลันที่ไม่รู้ว่าได้สติขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน
ใบหน้าของเขาดูเจ็บปวดจนคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
ขณะที่พูดเขาก็กัดฟันอดกลั้นไปด้วยจนทำให้เสียงตะกุกตะกัก
“คุณฮั่ว คุณเป็นขนาดนี้แล้วยังจะมาบอกว่าไม่เป็นอะไรอีกเหรอ!”
ฮั่วเทียนหลันฟื้นขึ้นมาแล้ว เขายังคงสามารถพูดและเคลื่อนไหวตัวได้ แสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยสมองของเขาก็ยังใช้งานได้ปกติอยู่ ทำให้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกวางใจขึ้นมาเล็กน้อย
แต่คำพูดของฮั่วเทียนหลันกลับทำให้เธอรู้สึกไม่สบอารมณ์
ผู้ชายคนนี้ถูกรถชนจนกระเด็นขนาดนี้ ยังบอกว่าไม่เป็นไรอีก
แล้วแบบไหนกันถึงจะเรื่องว่าเป็น ต้องให้หัวแตกจนเลือดตกยางออกเลยหรือไง
หยางหลิงรุ่ยคิด แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าบริเวณที่เธอวางมือนั้นดูชื้นขึ้นมาเล็กน้อย
คำว่าไม่เป็นไรนี้ ทำให้เธอวิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลมทันที
ฮั่วเทียนหลันสวมกางเกงสแล็คมา เมื่อสักครู่มือของหยางหลิงรุ่ยก็วางอยู่บนต้นขาของเขา
และตอนนี้ต้นขาของฮั่วเทียนหลันเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดง มือของหยางหลิงรุ่ยเองก็เต็มไปด้วยเลือดของเขาเช่นเดียวกัน
"ไม่ได้ คุณฮั่ว คุณต้องเรียกรถพยาบาล!"
หยางหลิงรุ่ยดึงโทรศัพท์มือถือออกจากการกอบกุมของฮั่วเทียนหลัน และกดโทรออกเรียกรถพยาบาล
แต่หลังจากได้ยินสถานที่เกิดเหตุแล้ว ทางโรงพยาบาลก็เอ่ยกับหยางหลิงรุ่ยอย่างไม่มีทางเลือกว่าเส้นทางนี้การจราจรติดขัดรุนแรงมาก และพวกเขาไม่สามารถเข้ามาได้อย่างแน่นอน
หยางหลิงรุ่ยหวาดหวั่นขึ้นมา เธอรู้สึกกลัวมากจริง ๆ
ถ้ารถพยาบาลผ่านเข้ามาไม่ได้ นั่นหมายความว่าฮั่วเทียนหลันจะตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตใช่หรือเปล่า
หยางหลิงรุ่ยพูดเจรจาอย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งยังพยายามขอร้องอ้อนวอนอย่างสุดกำลัง แต่ทางโรงพยาบาลตอบกลับมาเพียงว่าจะพยายามจัดหารถพยาบาลมาให้
ถ้าหากไม่สามารถผ่านเข้ามาได้ ก็คงต้องเป็นไปตามนั้น
หยางหลิงรุ่ยวางโทรศัพท์มือถือลงและมองไปที่ผู้ชายตรงหน้า ดูเหมือนว่าเขาจะเสียเลือดมากเกินไป จึงทำให้ใบหน้าของเขาในตอนนี้เริ่มขาวซีด
“คุณฮั่ว อย่าหลับนะคะ ... ”
เมื่อเห็นดวงตาที่ปิดลงเล็กน้อยของฮั่วเทียนหลัน หยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกกลัวมากขึ้นกว่าเดิม
เธอเขย่าตัวฮั่วเทียนหลันสองสามครั้งจนเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ฮั่วเทียนหลันมองไปที่หยางหลิงรุ่ยด้วยสายตาที่เธอคาดไม่ถึง มันไม่มีความเศร้าเลยซักนิด มีเพียงความรู้สึกที่กำลังเหนื่อยหน่าย
"คุณหยาง ช่วยเขย่าตัวผมเบา ๆ ได้ไหม ถ้าคุณยังออกแรงเช่นนี้ ผมกลัวว่าร่างกายของผมจะแตกหักเอาได้!"
"หือ?" คำพูดของฮั่วเทียนหลันทำให้หยางหลิงรุ่ยตะลึงงัน
เธอรีบปล่อยมือออกและพูดด้วยสีหน้าเหยเก : "ขอโทษค่ะ คุณฮั่ว... "
"เอาโทรศัพท์มือถือมาให้ผม"
ฮั่วเทียนหลันยื่นมือออกมา คราวนี้หยางหลิงรุ่ยไม่รีรอรีบส่งโทรศัพท์มือถือให้ฮั่วเทียนหลันทันที
หลังจากฮั่วเทียนหลันกดโทรออกเสร็จแล้ว ก็ส่งมันคืนให้กับหยางหลิงรุ่ยอีกครั้ง
"โอเค ไม่ต้องกังวลแล้ว" เมื่อเห็นดวงตาของหยางหลิงรุ่ยเริ่มขึ้นสีแดง ฮั่วเทียนหลันก็เอ่ยขึ้นด้วยความสงสาร
หยางหลิงรุ่ยอืมตอบ แต่ความตึงเครียดและความกังวลในแววตาของเธอยังคงไม่หายไปไหนเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้เธอกลัวมากจริง ๆ ถ้าฮั่วเทียนหลันเป็นอะไรไปเธอจะทำอย่างไร
ผ่านไปห้านาที โจวหยวนก็ปรากฏตัวขึ้นมา
“ท่านประธานฮั่ว”
แม้ว่าประโยคที่หยางหลิงรุ่ยพูดออกมาจะเป็นการถามความคิดเห็น แต่ในน้ำเสียงของเธอนั้นกลับฟังดูเป็นเหมือนประโยคคำสั่ง
เธอไม่อาจมองดูฮั่วเทียนหลันก่อกวนวุ่นวายและทำเหมือนชีวิตตัวเองเป็นเรื่องล้อเล่นได้อีกต่อไป
ฮั่วเทียนหลันลองพยายามอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงล้มเหลว เขาจึงต้องยอมรับความจริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“โจวหยวน”
“ครับ ท่านประธานฮั่ว”
"หาเปลหามมาอันนึง แล้วกลับบ้าน!"
"รับทราบ!"
โจวหยวนพาบอดี้การ์ดสองคนเดินออกไป หยางหลิงรุ่ยชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง : “คุณฮั่ว ตอนนี้ไม่ใช่ควรไปที่โรงพยาบาลหรือคะ”
“มีหมอประจำตระกูล” ฮั่วเทียนหลันตอบสั้น ๆ
"แต่คุณบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ หมอประจำตระกูลก็รักษาได้ไม่ดีเท่าที่โรงพยาบาลแน่นอน!" หยางหลิงรุ่ยโต้กลับอย่างเหลืออด
ฮั่วเทียนหลันถอนหายใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองหยางหลิงรุ่ยและอธิบายด้วยรอยยิ้ม : “คุณหยาง ถ้าหากคนในครอบครัวของคุณบาดเจ็บจะไปที่โรงพยาบาลไหมครับ”
เรื่องนี้ไม่พูดขึ้นมาเสียยังดีกว่า พอพูดปุ๊บหยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกสะดุ้งขึ้นมาอย่างแรง
"เมื่อ... " คำพูดนั้นยังไม่ทันได้พูดออกมา เธอก็นึกขึ้นได้ก่อนว่าตัวเองได้ทิ้งรูโหว่เอาไว้ในคำพูดของตน
ดูเหมือนว่า คนในครอบครัวเธอเองก็ไม่เคยไปที่โรงพยาบาลเลยสักครั้ง!
เมื่อก่อนหยางหลิงรุ่ยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่คงเป็นเพราะเจ็บป่วยเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ไม่สำคัญว่าจะไปหรือไม่ไปโรงพยาบาล อีกอย่างหมอประจำตระกูลก็สามารถรักษาได้แล้ว
แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินสิ่งที่ฮั่วเทียนหลันพูด หยางหลิงรุ่ยก็ได้สติกลับมา เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น
"โรงพยาบาลแห่งเดียวในเมือง S คือโรงพยาบาลของรัฐที่รัฐบาลลงทุนและก่อสร้าง มันไม่ได้เป็นของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง ดังนั้นข้างในจึงมีคนดีคนชั่วรวมอยู่ด้วยกันมั่วไปหมด... "
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮั่วเทียนหลันก็ไม่ได้เอ่ยต่อ
เพราะเขารู้ว่าตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมาหยางหลิงรุ่ยคงจะได้ยินกับหูได้เห็นกับตาแล้ว และเขาไม่จำเป็นต้องพูดเธอก็น่าจะเข้าใจดี
และก็เป็นจริงอย่างที่คิด เมื่อหยางหลิงรุ่ยทำหน้าเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ
ในฐานะสมาชิกของครอบครัวใหญ่ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ
หมอที่โรงพยาบาลของรัฐใครกล้าบอกว่าจะเป็นคนใสสะอาดด้วยกันหมดบ้าง หากพวกเขาไม่ได้ใสสะอาด และตั้งใจก่อเหตุในขณะที่รักษาขึ้นมา นั่นยิ่งจะเป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ
ตอนนี้สังคมถูกปกครองโดยกฎหมาย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะจงใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่สุดท้ายก็จะถูกมองว่าเป็นอุบัติเหตุทางการแพทย์เท่านั้น
และอุบัติเหตุทางการแพทย์นี้ สุดท้ายก็แค่นำเงินมาแก้ปัญหาก็เท่านั้น
ต้นทุนในการก่ออาชญากรรมต่ำเกินไปและช่องโหว่ที่สามารถหาผลประโยชน์ได้ก็มีมากเกินไปเช่นกัน
ถ้าฮั่วเทียนหลันอยากจะรับประกันชีวิตของตน แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมไปเด็ดขาด
ครั้งสุดท้ายที่เขาพาชิงหรงไปที่โรงพยาบาล ก็เพราะบังเอิญว่ามีทีมแลกเปลี่ยนจากฟาเรนไฮต์อยู่ที่โรงพยาบาลด้วย ดังนั้นเขาจึงได้วางใจ
ความผิดพลาดทั่วไปของหยางหลิงรุ่ยนั้น จะไม่มีวันเกิดขึ้นกับเขาโดยเด็ดขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง