“'งั้น งั้นคุณไม่เป็นไรแน่ใช่ไหม คุณฮั่ว หรือจะให้ฉันโทรหาพี่ใหญ่บอกให้ส่งคนมาไหม!”
เพราะอย่างไรตระกูลหยางก็เป็นตระกูลแรกที่ตั้งรกรากที่เมือง S หากหยางหลิงรุ่ยโทรหาหยางหยวน ฮั่วเทียนหลันก็จะสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างรวดเร็วที่สุดแน่นอน
เพียงเพราะหยางหลิงรุ่ยไม่คุ้นชินกับการใช้อำนาจของตระกูลหยาง ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่รู้ว่าตระกูลหยางนั้นทรงพลังมากเพียงใด
ฮั่วเทียนหลันส่ายหัวไปมา แต่คิ้วขมวดแน่นของเขากลับทรยศต่อสิ่งที่เขาแสดงออกมาให้เห็น
“ผมไม่เป็นไรคุณหยาง กับเวลาที่เสียไปในตอนนี้ ความจริงผมควรจะกลับไปบ้านและรักษาจนเสร็จแล้ว”
คำพูดของฮั่วเทียนหลันทำหยางหลิงรุ่ยหน้าแดงขึ้นมา ในตอนที่เธอกำลังจะตอบโต้กลับไปนั้น ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเสียก่อน
"คุณหยางครับ กรุณาหลีกทางให้ด้วยครับ พวกเราต้องส่งตัวท่านประธานฮั่วกลับแล้ว"
หยางหลิงรุ่ยหันหน้ากลับไปมอง แล้วจะต้องรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าโจวหยวนหาเปลหามมาแล้วจริง ๆ ราวกับเขาสามารถเสกมันมาได้
และเปลหามอันนี้ดูใหม่มากราวกับยังไม่ผ่านการใช้งานมาเลยสักนิด แม้แต่รอยเย็บที่ยังไม่ได้เล็มด้ายออกก็สามารถมองเห็นได้
หยางหลิงรุ่ยรีบเดินหลบทาง ฮั่วเทียนหลันถูกวางลงบนเปลแล้วหามออกไปทันที
โจวหยวนยังคงอยู่ต่อ เนื่องจากเขายังต้องจัดการกับเหตุการณ์ความวุ่นวายครั้งนี้ก่อน
รถคันดังกล่าวพังยับ น้ำในถังน้ำกำลังไหลออกมาไม่หยุด ส่วนผู้ก่อเหตุตอนนี้ถูกควบคุมโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้ว
ตรงจุดที่ฮั่วเทียนหลันนอนอยู่เมื่อสักครู่ยังคงมีคราบเลือดสดหลงเหลืออยู่ ยังไม่ได้รับการทำความสะอาด
โจวหยวนก้าวไปข้างหน้าตามด้วยหยางหลิงรุ่ย
ตามจริงโจวหยวนเพียงคนเดียวก็สามารถจัดการเรื่องนี้เองได้ เพราะอย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้ช่วยพิเศษมือหนึ่งของฮั่วเทียนหลัน และเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เขาจัดการมานับไม่ถ้วนแล้ว
แต่ฮั่วเทียนหลันได้รับบาดเจ็บเพราะหยางหลิงรุ่ย ทำให้หยางหลิงรุ่ยผู้ซึ่งไม่คอยตระหนกวิตกมาก่อน กลับร้อนรนในใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะตอนที่เห็นฮั่วเทียนหลันเลือดไหลออกมาไม่หยุด ใบหน้าของเขาขาวซีดจนแทบไม่มีเลือดเข้าไปล่อเลี้ยง มันทำให้เธอรู้สึกกลัวมากจริง ๆ
เธอไม่คิดเลยว่า ในตอนนี้ผู้ชายคนนี้จะมีผลต่อหัวใจของเธอมากขนาดนี้
ตอนที่โจวหยวนเดินเข้าไปหาผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของซูเปอร์มาร์เก็ตก็กำลังสอบปากคำอยู่
“ทำไมนายถึงขับรถมาชนแบบนี้”
"ถนนกว้างขวางขนาดนี้และอีกอย่างก็มีผู้คนที่อยู่ตรงนี้มากมาย แล้วนายจะขับไปบนถนนคนเดินได้อย่างไร เว้นแต่นายจะตั้งใจหมุนพวงมาลัยไปตำแหน่งนั้น"
"รีบสารภาพออกมาตรง ๆ ไม่อย่างนั้นถ้าตำรวจมาแล้ว นายจะต้องเข้าไปนอนในคุกแล้วนะ!"
......
ไม่ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะสอบปากคำอย่างไร ผู้กระทำผิดคนนั้นก็ยังคงนิ่งเฉย
ราวกับตอนนี้เขากำลังอยู่ในสภาพบ้าคลั่ง สักพักหัวเราะ สักพักร้องไห้ เมื่อร้องไห้ก็ร้องออกมาเสียงดังโวยวาย แต่เมื่อหัวเราะก็หัวเราะราวกับคนบ้า
เมื่อฟังจากเสียงกระซิบของผู้คนรอบข้าง ทำให้หยางหลิงรุ่ยพอรู้ว่าคน ๆ นี้น่าจะพึ่งเสพยามา มิฉะนั้นคงไม่เป็นเช่นนี้ไปได้
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่สามารถซักถามหาคำตอบได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโจวหยวนจะไม่ทำอะไรเลย
โจวหยวนก้าวไปข้างหน้า การกระทำอย่างแรกของเขาก็คือการใช้กำลังเข้าจัดการ
เขาใช้เท้าเตะผู้กระทำความผิดจนตัวลอยออกไปมากกว่าหนึ่งเมตร
ผู้ก่อเหตุร้องอย่างเจ็บปวด หลังจากล้มลงกับพื้นไป เนิ่นนานก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นมาได้
นั่นทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยังเฝ้าดูอยู่ตกใจขึ้นมาทันที พวกเขาจ้องมองไปที่โจวหยวนและตะโกนเสียงดัง : "เฮ้ คุณทำอะไรเนี้ย คุณรู้ไหมว่าการที่คุณเตะเช่นนั้นมันอาจจะทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิตได้!"
โจวหยวนไม่ได้สนใจเสียงร้องตะโกนของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่อย่างใด
เขายิ้มเยาะขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าและดึงเสื้อของผู้ก่อเหตุขึ้นมา จากนั้นตบเข้าที่บ้องหูทั้งสองข้าง
โจวหยวนเป็นเคยเข้ารับการฝึกต่อสู้มาก่อน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ได้อยู่กับฮั่วเทียนหลันมาเป็นเวลาหลายปีขนาดนี้ ดังนั้นการต่อสู้ขั้นพื้นฐานเช่นนี้ เขาก็พอมีอยู่บ้าง
หลังจากถูกกระทำรุนแรง มุมปากของผู้ก่อเหตุก็มีเลือดไหลออกมา
โจวหยวนตีเข่าอีกครั้ง จนผู้ก่อเหตุตาเหลือกขึ้นจนสุด ลูกตาของเขาราวกับจะหลุดออกมาจากเบ้า จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงกับพื้นและนอนหดตัวลงราวกับเป็นกุ้งในที่สุด
แต่โจวหยวนยังคงไม่คิดจะหยุด เขาเหยียบที่ท้องของผู้ก่อเหตุ
ทันใดนั้นผู้คนในบริเวณต่างก็ได้ยินเสียงดังโครม เป็นที่รับรู้กันว่าผู้ก่อเหตุคนนี้น่าจะกระดูกซี่โครงหักไปแล้ว
ผู้ก่อเหตุร้องขึ้นมาอย่างน่าสงสาร ก่อนจะหมดสติไปเพราะความเจ็บปวด
ผู้คนรอบข้างต่างตกตะลึงทันที แม้ว่าทุกคนจะเกลียดผู้ก่อเหตุคนนี้ก็ตาม
แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่า คนกระทำผิดก็ต้องได้รับผลกรรมอยู่แล้วและบางทีเขาอาจจะไม่ได้มีเจตนาก็ได้ นอกจากนี้การที่เขาทำความผิดนั้น พอถึงเวลาที่ตำรวจมา ตำรวจก็จะจัดการกับเขาอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้การที่โจวหยวนใช้กำลังจัดการนั้น มันไม่เหมือนกัน
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการฆ่าผู้กระทำความผิดคนนี้!
โจวหยวนหันหลังหลับไปและพูดกับบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังเขาว่า : "ลากมันไป ฉันต้องการสอบปากคำมันเพียงลำพัง"
บอดี้การ์ดพยักหน้ารับและกำลังจะก้าวไปข้างหน้า แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของซูเปอร์มาร์เก็ตขวางเอาไว้ก่อน
พวกเขาได้โทรแจ้งตำรวจแล้วและอีกสักครู่ตำรวจก็คงจะเข้ามาจัดการ พวกเขาจะไม่ยอมให้โจวหยวนนำตัวผู้ก่อเหตุออกไปง่าย ๆ แน่นอน
"คุณผู้ชายครับ ตีคุณก็ตีไปแล้ว โมโหก็พอประมาณแล้ว เพราะฉะนั้นอย่านำตัวคนคนนี้ออกไปเลย!"
หนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ดูเป็นชายวัยกลางพูดขึ้น
แม้ว่าจะไม่มีคนอื่นได้รับบาดเจ็บอีก เพราะทุกคนต่างก็หลบหนีได้ทันเวลา แต่ทรัพย์สินสาธารณะที่เสียหายในที่เกิดเหตุจะต้องมีคนชดใช้
เหตุผลของหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยเพียงพอที่จะสามารถหยุดฝีเท้าของเขาได้ ในตอนนี้กลุ่มฝูงชนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็เริ่มพูดกระซิบกระซาบกันขึ้นมาทันที
พวกกลุ่มคนมุงที่ไม่มีความเกรงกลัวใด ๆ นั้น ต่างก็สนับสนุนคำพูดของเหล่าฝูงชนอยู่ในใจ บางคนถึงกับคาดเดาว่าโจวหยวนและผู้กระทำความผิดกำลังเล่นละครเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำความผิดอยู่
"ทางด้านตำรวจฉันจะจัดการเอง ตอนนี้ฉันสามารถเอามันออกไปได้หรือยัง"
ในขณะที่พูดโจวหยวนก็ก้าวไปข้างหน้าไปด้วย
เขามองไปที่หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัย และหัวหน้าคนนั้นก็มองสังเกตมาที่เขาด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งสองคนต่างจ้องมองกันอย่างไม่ยอมแพ้อยู่อย่างนั้น การเผชิญหน้าที่เงียบงันกำลังเริ่มปรากฏให้เห็น
แต่ทางโจวหยวนนั้นต้องเป็นคนเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่ายแทน
เพราะอีกฝ่ายตัวสูงมาก ราว 1.95 เมตร และอีกอย่างเขาดูแข็งแรงมาก เช่นเดียวกันกับยักษ์ตัวใหญ่
ส่วนโจวหยวน เขาสูงเพียง 1.8 เมตรเท่านั้น และร่างกายก็ดูเหมือนจะไม่มีเนื้อหนังอะไรมากนัก
การยืนเผชิญหน้ากันเช่นนี้ ดูเหมือนหากหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยตบโจวหยวนหนึ่งที ก็อาจจะทำให้ร่างของเขาลอยขึ้นจากพื้นได้เลยทีเดียว
"นายบอกว่าจะจัดการก็จะสามารถจัดการได้เลยหรือไง แล้วถ้านายไปแล้วไม่ยอมกลับมาล่ะ จะทำอย่างไร สรุปก็คือห้ามนำตัวคนคนนี้ไปไหนเด็ดขาด ตอนนี้นายอยากจะซักถามอะไรก็ตามสบาย อีกหน่อยตำรวจมาก็จะไม่ใช่เรื่องของนายอีกต่อไป"
หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยเกลียดท่าทางจองหองทำตัวเป็นใหญ่ของโจวหยวนมาก เพราะมันทำให้เขานึกถึงน้องชายคนเล็กเมื่อหลายปีก่อน
น้องชายคนนี้เคยอยู่กับเขา ครอบครัวของอีกฝ่ายยากจน แต่มันทำตัวดี ปากหวานและมีความน่าเชื่อถือในการทำเรื่องต่าง ๆ
ดังนั้นจึงสามารถไต่เต้าขึ้นมาจนได้เป็นรองหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยในที่สุด
ต่อมาหลังจากทำไปสักพักก็รู้สึกว่ามันลำบาก หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยก็เริ่มปฏิบัติงานอย่างเป็นทางการและโชกโชนมากยิ่งขึ้น
น้องชายคนนี้ก็ยังคงเดินไปบนเส้นทางครึ่งดำครึ่งขาวเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
แต่เมื่อปีที่แล้ว เขาได้จัดงานเลี้ยงรวมตัวพี่น้องคนสนิทมิตรสหายขึ้น
หลังจากที่หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยไปเข้าร่วม เขาถึงได้รู้ว่าน้องชายคนเล็กคนนี้ได้กลายเป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้างที่มีทรัพย์สินหลายพันล้าน
ตัวตนของทั้งสองคนจึงกลายเป็นความแตกต่างราวกับสวรรค์และโลกมนุษย์ทันที
แม้ว่าน้องชายคนเล็กคนนั้นยังคงเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ แต่แววตาที่ดูเฉียบแหลมและท่าทางที่ดูยกตนข่มท่านของอีกฝ่าย ทำให้หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยรู้สึกว่าตนเองกำลังได้รับการดูถูก การพูดคุยระหว่างพวกเขาสองคนก็เป็นเพียงการแสดงให้คนอื่นเห็นก็เท่านั้น
“แล้วถ้าฉันจะเอาคนคนนี้ไปให้ได้ล่ะ”
โจวหยวนเพิกเฉยต่อคำพูดต่อรองของหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัย เขาพูดสิ่งที่ตนต้องการออกมาให้อีกฝ่ายทราบในทันที
หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยจ้องมองชายตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะยกกระบองที่อยู่ข้างมือขึ้นมา
ในบรรยากาศตอนนี้ เริ่มอบอวลไปด้วยกลิ่นของความดุเดือดเลือดพล่าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง