ฮั่วเทียนหลันเองก็ไม่ต่างกัน ดวงตาของเขาฉายแววความสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย
แต่เพียงครู่เดียวก็ถูกเขาเก็บซ่อนมันเอาไว้จนมิด สงสารลูกก็สงสาร แต่ข้อปฏิบัติของครอบครัวฮัวนั้นเขาก็ไม่อาจฝ่าฝืนมันได้เช่นกัน
ฮั่วเทียนหลันกระแอมขึ้นมาในลำคออีกครั้ง หากเขาไม่เอ่ยเริ่มมื้ออาหารก่อน ก็จะไม่มีใครขยับตะเกียบอย่างแน่นอน
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นมองออกว่าฮั่วเทียนหลันกำลังมุ่งเป้าไปที่ลั่นลาน
ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดลั่นลานก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อน
มือและเท้าของเธอต่างก็อืดอาดชักช้าไปหมด ก่อนจะลงมาจากตัวของหยางหลิงรุ่ยอย่างรู้สึกอาลัยอาวรณ์
จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ หยางหลิงรุ่ย หยางหลิงรุ่ยหยิบน้ำอุ่นบนโต๊ะขึ้นมารินใส่แก้วให้กับลั่นลาน
ลั่นลานรับมันมาและยกขึ้นจิบทันที เพราะความใส่ใจของหยางหลิงรุ่ย ทำให้เธอยกยิ้มขึ้นมาอย่างน่ารัก
ทันใดนั้นฮั่วเทียนหลันก็กระแอมไอขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้น : "ทานข้าวกันเถอะ!"
ในที่สุดก็ได้เวลาทานอาหารเสียที หลี่จี้และโจวหยวนก็อยู่กินข้าวที่นี่ด้วยเหมือนกัน
ทุกคนบนโต๊ะต่างก็เป็นหัวหน้าใหญ่ ดังนั้นจึงไม่มีช่องว่างให้พวกเขาได้เอ่ยพูดอะไรเลย
แต่ฮั่วเทียนหลันเอาแต่นั่งกินเงียบ ๆ มีเพียงป้าติงที่พูดเล่าเรื่องน่าสนใจขึ้นมาบ้างและเอ่ยบอกให้ทุกคนลองชิมจานนั้นจานนี้ไม่หยุด
ป้า Ding มักจะใช้ตะเกียบอันใหม่ตักอาหารใส่จานให้ลั่นลาน เห็นได้ชัดเลยว่าลั่นลานต่อต้านการกินเนื้อสัตว์และอาหารทะเล เธอกินเพียงผักเท่านั้น
ไม่นานบนจานของเธอก็เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์มากมาย
หยางหลิงรุ่ยสังเกตเห็นแล้ว เธอลังเลเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำเพียงใช้กระดาษทิชชู่เช็ดเม็ดข้าวที่ติดตามมุมปากของลั่นลานออกอย่างเบามือ
ฮั่วเทียนหลันเหลือบมองลั่นลานอย่างนิ่งเฉย ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ : “อาหารที่อยู่บนจานต้องกินให้หมดรู้ไหม”
ลั่นลานเป็นคนเลือกกิน ทุกคนในบ้านตระกูลฮัวรู้ข้อนี้ดี
ดังนั้นจึงมักจะเห็นภาพที่ฮั่วเทียนหลันบังคับให้ลั่นลานกินอะไรบางอย่างเสมอ
ส่วนลั่นลานนั้น แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจนักแต่ก็กินมันหมดทุกครั้ง
แต่ก่อนที่จะกินหมด ก็มีการประท้วงอย่างโอดโอยบ้าง
วันนี้ก็เช่นเดียวกัน
ลั่นลานทำสีหน้าท่าทางไม่เต็มใจและมองไปที่ฮั่วเทียนหลันอย่างน่าสงสาร
หากเป็นคนไม่รู้มาก่อนและถูกสายตาอ้อนวอนของเธอจ้องมองเช่นนี้ ร้อยทั้งร้อยก็คงใจอ่อนและไม่บังคับให้ลั่นลานกินอีกต่อไป
แต่น่าเสียดายที่ฮั่วเทียนหลันรู้เป็นอย่างดี
เขาเพียงแค่มองไปที่ลั่นลานอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้มีการต่อรองใด ๆ
หยางหลิงรุ่ยสังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของพ่อลูกสองคน เห็นได้ชัดว่าฮั่วเทียนหลันเผด็จการและลั่นลานกำลังถูกบังคับ
หยางหลิงรุ่ยจ้องมองฮั่วเทียนหลันอย่างต้องการเตือน ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "คุณฮั่วคะ ลั่นลานไม่อยากกิน คุณก็ไม่ต้องไปฝืนใจเธอแล้ว!"
“ฝืนใจ?” ฮั่วเทียนหลันอดไม่ได้ที่จะพูดทวนสองคำนี้ขึ้นมา
ให้ตายเถอะ คนเฝ้ามองดูเยอะขนาดนี้ ทำให้ฮั่วเทียนหลันเริ่มรู้สึกน้อยใจขึ้นมา
เขากำลังฝืนใจลั่นลานงั้นเหรอ เห็นได้ชัดว่าที่เขาทำทั้งหมดก็เพื่อที่จะให้ลั่นลานมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์
แต่ผู้หญิงคนนี้ ที่เมื่อสักครู่ยังทำท่าขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่เลย
ทว่าในตอนนี้เธอกลับกลายเป็นทีมเดียวกันกับลั่นลานไปแล้ว หรือเมื่อสักครู่พวกเธอทั้งสองได้สร้างสัมพันธ์แห่งความรู้สึกจนทำให้กลายเป็นพวกเดียวกันขึ้นมางั้นหรือ
“คุณหยาง เด็กคนนี้เลือกกิน... ”
หลี่จี้และโจวหยวนมองดูเหตุการณ์อยู่ด้านข้าง ฮั่วเทียนหลันตอนนี้ก็อยากได้หน้า
แต่การที่จะต้องมาถกเถียงกับหยางหลิงรุ่ยเรื่องนี้นั้น เขาไม่มีทางทำอย่างนั้นเด็ดขาด
ตอนนี้เขาต้องการพูดกับหยางหลิงรุ่ยด้วยเหตุผล
เพียงแต่เขาถูกกำหนดไว้ให้ต้องผิดหวัง
หยางหลิงรุ่ยทำท่าปกป้องลั่นลาน ก่อนจะเอ่น : "คุณฮั่ว การที่เด็ก ๆ เลือกกินนั้นมันเป็นเรื่องปกติ เมื่อก่อนจะยังไงก็ช่างเพราะนั่นคือปัญหาของคุณ แต่วันนี้ฉันอยู่ที่นี่ คุณห้ามบังคับเธอเด็ดขาด"
"วิธีการสอนเด็กมันไม่ใช่แบบนี้!"
หยางหลิงรุ่ยตอกกลับอย่างแรง จนฮั่วเทียนหลันตั้งรับไม่ทัน
เขามองไปที่หยางหลิงรุ่ยด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแต่อย่างใด เพราะการที่หยางหลิงรุ่ยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลั่นลานนั้นเป็นเรื่องที่ดี
แม่ลูกถูกเชื่อมต่อเข้าหากันด้วยหัวใจ ถ้าหยางหลิงรุ่ยยอมรับลั่นลานจริง ๆ ระหว่างเขาและเธอก็จะสามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เร็วยิ่งขึ้น
หลังจากหยางหลิงรุ่ยพูดจบ เธอก็ไม่ได้มองดูฮั่วเทียนหลันอีกต่อไป แต่กลับโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูลั่นลานสองสามประโยค
ลั่นลานที่ทำหน้าคล้ายกับจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แต่หลังจากที่ได้ยินหยางหลิงรุ่ยพูด เธอก็ยิ้มกว้างขึ้นมาอย่างสวยงามราวกับดอกไม้
จากนั้นเรื่องน่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น ลั่นลานหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อที่อยู่บนจานใส่ปากจนหมด
กินหมดไม่เท่าไหร่ ต่อจากนั้นเธอยังกินข้าวต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผักหรือเนื้อ
ฮั่วเทียนหลันมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยความประหลาดใจ แม้ว่าเขายังมีความคิดที่อยากจะโต้แย้ง แต่ความจริงทั้งหมดก็ตบที่หน้าของเขาอย่างรวดเร็ว การที่ลั่นลานยอมกินทุกอย่างโดยไม่เลือกนั้น แน่นอนว่าร่างกายของเธอจะได้รับสารอาหารเข้าไปเติมเต็มและนั่นมันดีต่อตัวของเธอเอง
ดังนั้น ศักดิ์ศรีของเขามันก็ไม่ได้สำคัญอะไรแล้ว
“คุณนี่เยี่ยมยอดจริง ๆ!”
ฮั่วเทียนหลันยกนิ้วโป้งให้หยางหลิงรุ่ยอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะพูดประโยคนี้ขึ้นมา
หยางหลิงรุ่ยยิ้มอย่างผู้ชนะ เรื่องการเกลี้ยกล่อมเด็กนั้น ฮั่วเทียนหลันยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ
หลี่จี้ที่นั่งอยู่อีกด้านกำลังมองดูสองคนที่ทำท่าเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูด จากนั้นก็แอบทำท่ามินิฮาร์ทให้พวกเขาอย่างเงียบ ๆ
ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างนายน้อยและภรรยาเป็นไปด้วยดี ครอบครัวฮัวก็จะกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเหมือนเดิม
ส่วนโจวหยวนที่ยังคงเป็นหนุ่มโสด ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมา
กลิ่นความรักลอยตลบอบอวลไปทั่วโต๊ะอาหาร
เดิมทีเขาไม่ได้อยากอยู่ทานอาหารที่นี่ แต่ฮั่วเทียนหลันบอกว่าต้องการให้พวกเขาอยู่เพื่อช่วยเสริมบรรยากาศให้ดีขึ้น ดังนั้นเขาจึงต้องอยู่อย่างเลือกไม่ได้
ถ้าหากรู้มาก่อนว่าจะถูกโชว์ความรักให้ดูอย่างนี้ โจวหยวนจะไม่อยู่ที่นี่แน่นอน
หลังจากทานข้าวเสร็จ ก็เป็นเวลาของอาหารหวาน
ลั่นลานอยากจะออกไปเดินเล่น หยางหลิงรุ่ยจึงจับมือของเธอไว้
มืออีกข้างของลั่นลานเอื้อมไปจับมือของฮั่วเทียนหลัน หยางหลิงรุ่ยตอนนี้ราวกับเป็นกุลี มือข้างที่ว่างยังต้องคอยเข็นรถให้ฮั่วเทียนหลัน ภาพของครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูก แทบจะแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของทุกคนที่กำลังมองอยู่
เพราะฮั่วเทียนหลันก็พอจะรู้วิธีการปีนต้นไม้อย่างคร่าว ๆ อยู่บ้าง
ดังนั้นเขาจึงโทรหาโจวหยวน หลังจากที่โจวหยวนวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาและได้ฟังคำสั่งของเขา อีกฝ่ายก็ถึงกับเหวอไปในทันที
ปีนต้นไม้งั้นเหรอ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี้ย
แต่พอเห็นสายตาแข็งกร้าวของฮั่วเทียนหลัน เขาก็ต้องยอมประนีประนอม
เขาใช้ทั้งมือและเท้าปีนป่าย โดยมีสองร่างเล็กใหญ่กำลังเฝ้าดูอยู่ข้างหลัง ใช้เวลากว่าสิบนาทีถึงสามารถปีนขึ้นไปบนต้นไม้ได้
เมื่อทำได้สำเร็จโจวหยวนก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา แต่หลังจากฮึกเหิมเสร็จก็รู้สึกใจคอแห้งเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูก
ผู้ช่วยของคนอื่นแค่ทำงานอย่างเดียวก็พอ เรื่องการใช้ชีวิตนั้นพวกเขามีเลขาประจำตัวอยู่แล้ว
แต่สำหรับเขาแล้ว
เขาต้องจัดการทั้งเรื่องงานและเรื่องชีวิตส่วนตัว และในช่วงเวลาสำคัญนี้ยังต้องเรียนรู้วิธีการปีนต้นไม้ด้วยตนเองอีก
ลั่นลานเงยหน้ามองโจวหยวนที่กำลังเก็บลูกเชอร์รี่อยู่ ทันใดนั้นเธอก็พูดกับหยางหลิงรุ่ยขึ้นมาเสียงดัง : "คุณแม่ดูนั่นเร็ว!"
คำเรียกนี้ทำให้หยางหลิงรุ่ยขมวดคิ้วเข้ม แต่เมื่อนึกถึงตอนที่ลั่นลานร้องไห้น้ำตานองหน้าแล้ว เธอก็ไม่ได้พูดแก้ไขให้ถูกต้องแต่อย่างใด
"หือ?" หยางหลิงรุ่ยมองตามสายตาของลั่นลานขึ้นไป ก็เห็นแต่โจวหยวนที่กำลังทำหน้าที่บนต้นไม้ด้วยความลำบาก เธอจึงไม่เข้าใจว่าลั่นลานกำลังให้เธอมองดูอะไร
“ตอนนี้คุณลุงโจวก็ขึ้นต้นไม้แล้ว เพราะฉะนั้นคุณพ่อเชื่อใจได้แน่นอน คุณแม่กลับมาอยู่กับพวกเราได้ไหมคะ”
ขึ้นต้นไม้? เชื่อใจได้?
ทันใดนั้นหยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกว่าประโยคนี้ไม่น่าจะพูดเช่นนี้นี่นา
แต่แล้วเธอก็ยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ที่ลั่นลานพูดว่าเธออยากกินเชอร์รี่ ทำให้ฮั่วเทียนหลันบังคับให้โจวหยวนขึ้นไปบนต้นไม้อย่างไม่มีทางเลือกนั้น ก็เพื่อประโยคนี้เพียงประโยคเดียวน่ะหรือ
นิสัยเด็กอย่างแท้จริงเลย!
หยางหลิงรุ่ยยื่นมือออกไปลูบผมนุ่มลื่นของลั่นลาน จากนั้นพูดขึ้นเสียงเบาว่า : "เขาขึ้นไปบนต้นไม้ก็เพื่อเก็บลูกเชอร์รี่ให้ลั่นลาน เพราะฉะนั้นมันไม่สามารถพิสูจน์ใจของคุณพ่อหนูได้และอีกอย่างมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลย"
ลั่นลานที่เดิมทีตั้งหน้าตั้งตารอหยางหลิงรุ่ยตอบกลับด้วยอารมณ์คึกคักนั้น พอได้ยินสิ่งที่หยางหลิงรุ่ยพูด ดวงตาของเธอก็เริ่มมัวหมองและหลุบลงทันที
และโจวหยวนที่อยู่บนต้นไม้ เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น
คุณหนูตัวเล็กคนนี้หัวหมอจริง ๆ!
หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าเขาปีนต้นไม้แล้วท่านประธานฮั่วเชื่อใจได้ นี่เธอเห็นเขาเป็นหมูหรืออย่างไรกัน
ในมือของเขามีลูกเชอร์รี่อยู่เต็มสองกำมือแล้ว โจวหยวนวางมันลงในถุงที่เขาถืออยู่ จากนั้นเรียกว่าหยางหลิงรุ่ยแล้วโยนมันลงไป
หยางหลิงรุ่ยรับมันมาก่อนเปิดถุงและส่งให้กับลั่นลาน ลั่นลานหยิบออกมาชิมหนึ่งลูก รสชาติหอมหวานนั้นทำให้อารมณ์ของเธอดีขึ้นมาเล็กน้อย
ขณะนั้นเองโจวหยวนก็กระโดดลงมาจากต้นไม้ เมื่อเห็นว่าหมดหน้าที่ของตนแล้ว เขาจึงเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้กลายเป็นก้างขวางคอ
ฮั่วเทียนหลันที่ได้ยินคำพูดอุปมาของลั่นลานเมื่อสักครู่ ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ลั่นลานยิ้มจนตาเป็นสระอิ จากนั้นหยิบลูกเชอร์รี่ขึ้นมาหนึ่งลูกและส่งไปให้ฮั่วเทียนหลัน
“คุณพ่อก็กินด้วยสิคะ หวานมากเลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง