ลั่นลานที่รู้วิธีง้อคุณพ่อเป็นอย่างดี ทำให้ฮั่วเทียนหลันไม่มีแม้แต่โอกาสจะโกรธเลยสักนิด
เขารับลูกเชอร์รี่มาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะส่งเข้าไปในปาก
มันหวานอย่างที่ลูกสาวพูดจริง ๆ นั่นแหละ
แม้ว่า เขาจะรู้สึกว่าราวกับตัวเองเหมือนจะลืมอะไรบางอย่างไป
หยางหลิงรุ่ยที่มองดูพ่อลูกสองคนกำลังแสดงความรักกัน ทันใดนั้นมุมปากของเธอก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
นี่คือครอบครัวของเธอเอง สามีของเธอและลูกสาวของเธอ
มองดูตอนนี้แล้ว บางทีการกลับมาหาครอบครัวฮัวก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
จู่ ๆ หยางหลิงรุ่ยก็นึกถึงเรื่องที่ยุ่งเหยิงอยู่ในใจของเธอมาเนิ่นนาน
แต่ทันทีที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวก็ถูกเธอกดเก็บมันเอาไว้โดยเร็ว
บอกว่ากลับมาก็จะกลับมาได้อย่างไรกัน
แล้วตระกูลหยางล่ะ แล้วชิงหรงล่ะ แล้วยังมีคนที่คอยห่วงใยเธออีก จะให้เธอจัดการเรื่องนี้อย่างไรกัน
หยางหลิงรุ่ยกดระงับความคิดนี้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็คอยบอกกับตัวเองว่าอย่าเพ้อเจ้อ เธอจะเพ้อเจ้อไม่ได้
ชะตากรรมของเธอกับฮั่วเทียนหลันในชาตินี้ก็คงจบลงแค่นี้
เรื่องยุ่งเหยิงทั้งหมด อย่างมากที่สุดก็ทำได้เพียงปล่อยมันไปอย่างนั้น
แต่ถึงกระนั้น เธอเองก็ต้องยอมรับว่าเธอชอบความอบอุ่นในช่วงเวลาสั้น ๆ แบบนี้มาก
"เด็กดี" มือของฮั่วเทียนหลันปัดป่ายเส้นผมของลั่นลานเบา ๆ ราวกับจงใจทำให้ผมที่เคยเรียบตรงของลั่นลานยุ่งเหยิงขึ้นมาทันใด
ลั่นลานแกล้งทำทำท่าโกรธและจ้องหน้าคนเป็นพ่อเขม็ง
ฮั่วเทียนจึงทำหน้าไม่รับรู้เรื่องราวตอบกลับไป
จากนั้นเขาก็ดึงมือของลั่นลานมาและส่งสายตาไปให้เธอ
ลั่นลานรับรู้ทันทีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับคุณพ่อ ดังนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปจับมือของหยางหลิงรุ่ย จากนั้นทั้งสองก็เดินออกไปด้วยกันพร้อมกับรถเข็นหนึ่งคัน
แสงจันทร์สว่างสาดส่องร่างของคนทั้งสามที่อยู่บนพื้น สะท้อนออกเป็นเงายาวสีดำ ราวกับต้องการรวมสามคนพ่อแม่ลูกเข้าไว้ด้วยกัน
การเดินย่อยหลังทานอาหารใช้เวลานานกว่าที่หยางหลิงรุ่ยคาดการณ์ไว้ ทั้งสามคนอยู่ข้างนอกเป็นเวลาสองชั่วโมงกว่า สุดท้ายตอนกลับเข้าไปหยางหลิงรุ่ยได้ตรวจสอบเครื่องนับจำนวนก้าวในโทรศัพท์มือถือและพบว่าเธอเดินไปมากกว่า 10,000 ก้าวแล้ว
ตอนนั้นเธอยังไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด จนตอนขับรถกลับบ้านเธอถึงได้รู้สึกถึงความทรมานจากอาการขาชา
ความรู้สึกที่ว่าเข่าไม่ใช่ของตัวเองนั้น มันกำลังทรมานเธอผู้ซึ่งมีความอดทนต่อความเจ็บปวดต่ำอยู่ตลอดเวลาจนน่ารำคาญ
โชคดีที่วันนี้เธอกลับบ้านช้า ทำให้ชิงหรงที่กำลังรอเธอกลับบ้าน หลับไปก่อนระหว่างที่รอ
และคนที่ดูแลชิงหรงก็ยังคงเป็นตงเหยียนเหมือนอย่างเคย
หยางหลิงรุ่ยเปิดประตูอย่างระมัดระวัง แต่กระนั้นก็ยังพบกับตงเหยียนที่กำลังนั่งอยู่ใต้แสงไฟในห้องนั่งเล่น
“หลิงรุ่ย!”
ประโยคเดียวของตงเหยียน หยุดทุกฝีเท้าของหยางหลิงรุ่ยที่กำลังทำตัวอย่างคนไม่มีความผิดและกำลังจะเดินขึ้นไปที่ชั้นบน
หยางหลิงรุ่ยหยุดชะงักทันที ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองและเอ่ยทักทายพี่สะใภ้
ตงเหยียนตบที่โซฟาเบา ๆ เพียงแค่สายตาเดียวที่มองมา ก็ทำให้ยางหลิงรุ่ยรู้ได้ทันทีว่าตงเหยียนนั่งรอจนถึงตอนนี้ก็เพราะต้องการรอให้เธอกลับมาและพูดคุยอะไรบางอย่างกับเธอ
มีเรื่องอะไรต้องคุยกับเธอกันนะ สมองของหยางหลิงรุ่ยหยุดหมุนไปชั่วขณะ แต่กระนั้นเธอก็ยังเดินไปนั่งลงข้าง ๆ ตงเหยียนอยู่ดี
เมื่อมองเห็นโต๊ะที่ว่างเปล่า หยางหลิงรุ่นก็เอ่ยขึ้น : "พี่สะใภ้ เดี๋ยวฉันไปชงชาให้นะคะ!"
นั่งอยู่ด้วยกันแบบนี้มันค่อนข้างอึดอัด บรรยากาศก็ดูตึงเครียดมากเกินไป หยางหลิงรุ่ยต้องการให้บรรยากาศระหว่างพวกเธอทั้งสองผ่อนคลายกว่านี้สักหน่อย
แต่ตงเหยียนส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ : "ไม่ต้อง เธอนั่งลงคุยกับฉันหน่อย"
"อืม"
หยางหลิงรุ่ยตอนนี้พอจะเดาได้แล้วว่าตงเหยียนต้องการคุยเรื่องอะไรกับเธอ
"ช่วงนี้เธอยุ่งกับอะไรอยู่เหรอ"
ขณะที่ตงเหยียนถาม เธอก็สังเกตท่าทางหยางหลิงรุ่ยไปด้วย
ช่วงนี้ชีวิตของหยางหลิงรุ่ยดูยุ่งเหยิงจนน่าสงสัย
หรืออาจพูดได้ว่าไม่ใช่แค่ช่วงนี้ แต่เธอเป็นเช่นนี้มานานมากแล้ว ตั้งแต่ที่ฮั่วเทียนหลันปรากฏตัวขึ้นมา ชีวิตของหยางหลิงรุ่ยก็เปลี่ยนไป
ในฐานะคนเป็นแม่อย่างเธอ ที่มัวแต่ยุ่งกับเรื่องส่วนตัวจนไม่สนใจลูกสาวของตัวเอง มันทำให้ตงเหยียนรู้สึกโมโหเล็กน้อย
แม้ว่าเธอจะสนับสนุนให้หยางหลิงรุ่ยและฮั่วเทียนหลันกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เพราะยังไงความผูกพันระหว่างทั้งสองคนก็ลึกซึ้งมากจนไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้
แต่ความเป็นจริงทำให้ต้องล้มเลิกความคิดในที่สุด
"ฉัน บริษัท บ้าน และก็... " หยางหลิงรุ่ยลังเลที่จะพูดต่อ เพราะเธอรู้สึกอายเล็กน้อยที่ต้องพูดถึงฮั่วเทียนหลันต่อหน้าตงเหยียน
แม้ว่าจะเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว...
“และก็บ้านตระกูลฮัวใช่ไหม” ตงเหยียนพูดเสียงเรียบ
"อืม ... " หยางหลิงรุ่ยตอบรับ พร้อมกับก้มหน้าลงราวกับเตรียมรับคำสั่งสอน
“เธอตัดสินใจกลับไปคบกับฮั่วเทียนหลันแล้วเหรอ”
ตงเหยียนพูดขึ้นอีกครั้ง คำถามที่เธอถามออกมาทำให้หยางหลิงรุ่ยมึนงงเล็กน้อย
คบกับฮั่วเทียนหลันงั้นเหรอ
คำถามนี้เธอควรตอบอย่างไรดีล่ะ!
เธอบอกกับตัวเองว่าต้องปฏิเสธ เพราะถึงอย่างไรชะตากรรมระหว่างพวกเธอก็จบลงแล้ว และหัวใจทั้งหมดของเธอก็อยู่ทางฝั่งตระกูลหยางเช่นเดียวกัน
แต่ทว่าในหัวใจของเธอกลับยังมีความอาลัยอาวรณ์อยู่บ้างเล็กน้อย มันทำให้เธอรู้สึกเอนเอียงไปทางฝั่งฮั่วเทียนหลัน ทุกครั้งที่คิดจะตัดความสัมพันธ์ แต่สุดท้ายก็ยังมีเยื่อใยให้แก่กันและกันอยู่เสมอ
แต่เธอไม่กล้าพูดความในใจของตัวเองกับตงเหยียนตรง ๆ
แม้ว่าคนที่มีสายตาเฉียบคมมองเห็นหมดแล้ว ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหยางหลิงรุ่ยและฮั่วเทียนหลันนั้นไม่อาจคาดเดาได้
“เปล่าค่ะ พี่สะใภ้” หยางหลิงรุ่ยตอบเสียงเบา แม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะดูไม่มั่นคง แต่ท่าทีของเธอกลับดูแน่วแน่เป็นอย่างมาก
ตงเหยียนมองดูหยางหลิงรุ่ยที่เริ่มเหมอลอยอย่างรู้สึกปลงในใจ เธอยื่นมือออกไปตบที่ไหล่ของหยางหลิงรุ่ยเบา ๆ
"หลิงรุ่ย เธอจำเรื่องราวในอดีตได้หรือยัง"
แต่ก่อนที่เธอจะอ่านอย่างละเอียด หยางหยวนที่เพิ่งกลับเข้ามาจากข้างนอกก็แย่งข้อมูลในมือของเธอไปก่อน
และเขาที่ไม่เคยโกรธเลยสักครั้งตั้งแต่แต่งงานมา คราวนี้กลับระเบิดโมโหขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
เขาบอกให้ตงเหยียนลืมทุกสิ่งที่เธอเห็นไปให้หมด และห้ามเอาไปพูดข้างนอกเด็ดขาด
ตอนนั้นหยางหลิงรุ่ยอยู่ที่บ้านตระกูลหยางแล้ว และตงเหยียนรู้ว่าที่หยางหยวนขอให้เธอเก็บเป็นความลับก็เพื่อปกป้องหยางหลิงรุ่ย
ดังนั้นเธอจึงปิดปากเงียบและไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย
วันนี้ที่รอหยางหลิงรุ่ยที่นี่ เธอได้พูดคุยกับหยางหยวนล่วงหน้าแล้ว
เพราะมีเรื่องบางเรื่องที่ถึงเวลาต้องบอกให้เธอรู้ได้แล้ว
แม้ว่าหยางหยวนจะเป็นพี่ชายคนโตของหยางหลิงรุ่ย แต่ด้วยเพศสภาพที่ตรงข้ามกันนั้นมักจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ดังนั้นจึงต้องให้พี่สะใภ้อย่างตงเหยียนเป็นคนออกหน้า
หยางหลิงรุ่ยยกยิ้มอย่างขมขื่น แต่ก็ไม่ได้สืบสาวราวเรื่องอะไรให้มากความ
ในเมื่อตงเหยียนพูดออกมาขนาดนี้แล้ว หากธอยังคงซักถามต่อไป สิ่งที่จะได้รับกลับมามีแต่จะทำให้ตัวเธอทนรับไม่ไหว
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะพี่สะใภ้ ต่อไปฉันจะไม่... ”
หยางหลิงรุ่ยต้องการบอกกับตงเหยียนว่าเธอจะไม่ติดต่อกับฮั่วเทียนหลันอีกแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าทำไม พอจะแสดงท่าทีหนักแน่นทีไร เธอกลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองน้ำตาคลอตั้งแต่เมื่อไหร่
และหัวใจ ก็เริ่มเจ็บปวดขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
หลังจากที่ฮั่วเทียนหลันปรากฏตัวขึ้นมา ชีวิตของหยางหลิงรุ่ยก็ยุ่งเหยิงไปหมด
แต่หยางหลิงรุ่ยไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า เป็นเพราะการปรากฏตัวขึ้นมาของฮั่วเทียนหลัน ชีวิตของเธอถึงได้มีสีสันมากยิ่งขึ้น
จากเดิมทีที่ชีวิตของเธอมีแค่ที่ทำงานและที่บ้านเท่านั้น ก็กลายเป็นว่ามีอีกหนึ่งอย่างเพิ่มเข้ามาอีก
นั่นก็คือบทบาทของเพศตรงข้ามในชีวิต ที่ต้องคอยสร้างความแปลกประหลาดใจและความรู้สึกดีใจให้แก่กันเป็นครั้งคราว และทุกครั้งที่พบเจอกัน ฮั่วเทียนหลันก็ทำหน้าที่นี้ได้ดีอยู่เสมอ
ดังนั้นหยางหลิงรุ่ยที่เอาแต่พูดว่าไม่นั้น ใครจะรู้ว่าความจริงแล้วหัวใจของเธอกำลังคาดหวังถึงวันที่จะได้ใช้ชีวิตกับฮั่วเทียนหลันอยู่เสมอ
เพียงแต่ความคาดหวังนี้ได้ถูกทำลายโดยตงเหยียนไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นท่าทางเศร้าสร้อยของหยางหลิงรุ่ย ตงเหยียนก็รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมา
เธออยากจะพูดอะไรอีกสักสองสามประโยค แต่ลำคอของเธอราวกับมีอะไรบางอย่างปิดกั้นเอาไว้ เธอจึงทำได้เพียงตบไหล่ของหยางหลิงรุ่ยเบา ๆ เพื่อปลอบประโลม ก่อนจะถอนหายใจออกมาและเดินจากไปในที่สุด
หยางหลิงรุ่ยลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนจะเดินไปที่ประตูเพื่อมองส่งตงเหยียน
หลังจากร่างของตงเหยียนหายลับตาไปแล้ว ทันใดนั้นหยางหลิงรุ่ยก็ราวกับสูญเสียพลังไปหมดและล้มตัวลงกับพื้นทันที
มุมตาของเธอราวกับเขื่อนที่กำลังถล่ม สักพักน้ำตาก็ไหลลงมาอาบเต็มสองแก้ม
ไม่นาน ใบหน้าของเธอเลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเครื่องสำอาง
แต่หยางหลิงรุ่ยกลับไม่ได้คิดถึงภาพลักษณ์ของตัวเองก่อนเหมือนอย่างเคย
เธอเอ่ยพึมพำขึ้น : "คุณฮั่ว ฉันไม่ต้องการ ไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง