คำพูดของหยางหลิงรุ่ยทำให้ฮั่วเทียนหลันตกใจ
คำพูดที่เขาพูดออกมาเมื่อสักครู่นั้นออกมาจากจิตใต้สำนึกของเขา ดังนั้นเป็นการขอโทษหรือไม่เขาก็ไม่ได้คิดมากขนาดนั้น
แต่หยางหลิงรุ่ยก็พูดออกมาแล้ว ดังนั้นเขาก็ต้องแสดงความรักต่อผู้หญิงคนนี้อย่างจริงใจ
“คุณสามารถเข้าใจแบบนั้นก็ได้ เพราะเมื่อก่อนผมทำไม่ดีกับคุณไว้เยอะมาก!”
ฮั่วเทียนหลันพูดออกปะร้อมกับยื่นมือไปกุมมือของหยางหลิงรุ่ยไว้
เขาจับมันไว้แน่นราวกับว่ามีความกังวลในใจตราบใดที่เขาปล่อยมือของหยางหลิงรุ่ย เขาจะสูญเสียหยางหลิงรุ่ยไป
เมื่อต้องเผชิญกับความเสน่หาที่รุนแรงจากผู้ชายนี้ หยางหลิงรุ่ยก็หดตัวลงอย่างไม่รู้ตัว
เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนกล้าหาญ อย่างน้อยเมื่อเผชิญกับความเป็นจริงบางอย่าง หากทำได้เธอก็อยากทำตัวโง่ ๆ ต่อไป
“ขอโทษด้วย ฉันทำอะไรไม่ได้เลย”
คำพูดที่คลุมเครือของเธอทำให้ฮั่วเทียนหวาดกลัว
ฮั่วเทียนหลันกุมมือของหยางหลิงรุ่ยไว้แน่น จากแรงที่กระทำบ่นฝ่ามือนั้นทำให้หยางหลิงรุ่ยขมวดคิ้วขึ้นมา
“คุณฮั่ว เจ็บ...”
หยางหลิงรุ่ยคิดว่าเธอพูดออกไปแบบนี้ฮั่วเทียนหลันจะต้องปล่อยมือเธอแน่ๆ
แต่ไม่นานเธอก็รู้ว่าเธอคิดผิดไปแล้ว
ฮั่วเทียนหลันต้องการขังหยางหลิงรุ่ยไว้ในคฤหาสน์ของเขา เพื่อที่เธอจะได้อยู่กับเขาตลอดไป
แต่การกักขังนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่นึกถึงจิตใจของเธอเลยไหม?
เขาไม่ได้ปล่อยมือทันที แต่ภายใต้สัญชาตญาณของเขาแล้ว ฮั่วเทียนหลันก็ค่อยไปล่อยมือออก
“อันหรัน คุณลืมเรื่องราวทั้งหมดผมก็สามารถเล่าให้คุณฟังได้ทุกเรื่อง แค่คุณกลับมา มาอยู่ข้างผม กลับมาหาลั่นลาน กลับมาที่ตระกูลฮั่ว....”
ตอนที่ฮั่วเทียนหลันพูดถึงคำสุดท้าย ชายผู้ที่แข็งแกร่งคนนี้ก็มีร่องรอยของการสั่นเทาในน้ำเสียงของเขา
หยางหลิงรุ่ยมองไปที่ฮั่วเทียนหลันอย่างลึกซึ้ง ถ้าบอกว่าไม่หวั่นไหวก็โกหกแล้ว
แต่เธอที่ลืมเรื่องราวทั้งหมดไปจะทำอย่างไรถึงจะคุ้นเคยกับชีวิตใหม่?
เธอไม่สามารถเพิกเฉยต่อความคับข้องใจที่ตระกูลหยางมีต่อตระกูลฮั่วก่อนหน้านี้ได้
“คุณฮั่ว คุณบอกว่าฉันชื่ออันหรัน ฉันมีลูกสาวหนึ่งคนชื่อลั่นลาน แต่ฉันจำอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้ฉันจำได้เพียงอย่างเดียวคือการมีชีวิตอยู่ที่ตระกูลหยาง และส่วนที่เหลือที่คุณกำลังจบอกฉัน ฉันจะรู้ได้ไงว่าคุณไม่ได้หลอกฉัน?”
การรู้ความจริง ไม่ได้แปลว่าหยางหลิงรุ่ยจะยอมรับกับความเป็นจริงนั้นได้ ถ้าหากตอนที่เธอได้ยินความจริงแล้วเธออาจจะรับไม่ได้ก็ได้
สุดท้ายเธอก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับฮั่วเทียนหลันนั้นลึกซึ้งเพียงใด
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าตอนนั้นพวกเธอจะรักกันมากแค่ไหนก็เถอะ สุดท้ายตอนนี้เธอก็จำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ตอนนี้เธอมีชื่อว่าหยางหลิงรุ่ย มีลูกสาวหนึ่งคนชื่อชิงหรง และเกิดในตระกูลหยาง
อย่างน้อยข้อมูลที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไร้ที่ติ
“ผมไม่ได้หลอกคุณ!”
คำตอบที่ฮั่วเทียนหลันตอบมานั้นมีเพียงแค่ห้าพยางค์
แต่การแสดงออกของเขาไม่ได้มีแค่คำพูด แต่ยังมีทัศนคติของเขา
เขาสื่อความหมายออกไปทั้งในรูปของคำพูดและการแสดงออก
เขาจะปฏิบัติต่อเธอด้วยความจริงใจและจะไม่มีวันหลอกลวงเธอ
“ตอนที่ฉันรู้จักกับคุณฉันก็ยังเด็ก และตอนที่ฉันคลอดลั่นลานออกมา ฉันก็ยังเป็นเด็ก ไม่ว่าเวลาไหนฉันเป็นแค่คนธรรมดาที่ดิ้นรนอยู่ก้นบึ้งของสังคม....”
หยางหลิงรุ่ยพูดเบา ๆ แต่หันหน้าไปทางแนวสายตาของฮั่วเทียนหลัน หลังจากนั้นเสียงนั้นต่ำลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็หายไปอย่างสมบูรณ์
เหมือนกับดวงตาของฮั่วเทียนหลันนั้นพูดได้
แม้ว่าหยางหลิงรุ่ยจะพยายามที่ทำทุกอย่างให้เป็นปกติตอนคุยกับฮั่วเทียนหลัน
แต่สายตาของฮั่วเทียนหลันนั้นราวกับกำลังบอกเธอว่าเธอกำลังโกหกตัวเอง เธอกำลังสับสนกับหัวใจของตนเอง เธอพยายามทำเหมือนคนตาบอดและปฏิเสธที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง....
หยางหลิงรุ่ยทำได้แค่ยอมรับความพ้ายแพ้ในที่สุด
“ตอนแรก ผมเป็นคนทำกับคุณไม่ดีเอง และการที่ได้พบกับคุณนั้นก็เป็นอุบัติเหตุ และผมก็ไม่ได้ดูแลคุณอย่างดีดังนั้น อันหรัน.....”
“คุณฮั่ว ฉันคือหยางหลิงรุ่ย”
เมื่อได้ยินคำที่ฮั่วเทียนหลันเรียกเธอ หยางหลิงรุ่ยก็เงยหน้าขึ้น และพูดขัดจังหวะของฮั่วเทียนหลันไปอย่างนุ่มนวล
“หลิงรุ่ย ได้โปรดเชื่อใจฉัน ต้องมีสักวันหนึ่งความจำของคุณจะคืนกลับมา ผมเชื่อแบบนั้น แต่ตอนนี้ผมแค่อยากจะดูแลคุณตลอดทั้งชีวิตของผม!”
แววตาที่จริงจังของฮั่วเทียนหลันทำให้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกหวั่นไหว
ทำสาบานของผู้ชายคนนี้เข้าไปอยู่ในใจของหยางหลิงรุ่ยแล้ว
มีเสียงตะโกนดังอยู่ตลอดว่า ถ้าหากไม่ตอบรับเขาไปในครั้งนี้แล้ว ต่อไปหยางหลิงรุ่ยอาจจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองแล้ว
ผู้ชายคนนี้รู้สึกกับเธอจริงๆ โดยมีฟ้าและสวรรค์เป็นพยาน
หัวใจของหยางหลิงรุ่ยหวั่นไหวมาก เธอหลับตาลงเพราะไม่อยากให้ฮั่วเทียนหลันเห็นแววตานั้นของเธอ
“ฉันยังเด็กขนาดนี้ก็มีลั่นลานแล้ว คุณฮั่วหรือว่าตอนนั้นคุณเป็นคนบังคับฉันมา?”
หยางหลิงรุ่ยต้องทำเป็นปากแข็งและพูดประโยคนี้ออกไป
ฟังฉบับของหยางหลิงรุ่ยไปแล้ว ยังมีฉบับของฮั่วเทียนหลันอยู่
ฮั่วเทียนหลันในตอนนั้นมีหรอจะบังคับเธอ ถึงแม้มันจะเป็นแค่อุบัติเหตุ
เมื่อได้ยินหยางหลิงรุ่ยพูดออกมาแบบนี้ ฮั่วเทียนหลันก็มองต่ำลง
ใบหน้าของเขาไม่ได้สูญเสียความหวังไปทั้งหมด ตอนนี้ความหวังของเขาหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง
เขาปล่อยมือออกจากหยางหลิงรุ่ย
หยางหลิงรุ่ยพูดจบก็เปิดประตูห้องครัว
ความหมายของจัดเจนอยู่แล้ว เรื่องราวที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาเอง
มีความหมายอีกอย่างที่เขาไม่ได้พูดและเขารู้สึกว่าหยางหลิงรุ่ยก็เข้าใจเขาอยู่แล้ว
เขาอยากอยู่เงียบๆและคิดอะไรตามลำพัง
หยางหลิงรุ่ยเม้มริมฝีปากของเธอ ในที่สุดเธอก็ปัดเป่าความคิดที่จะปลอบโยนฮั่วเทียนหลัน
เนื่องจากเธอรู้ดีกว่าการปลอบโยนที่ดีที่สุดของฮั่วเทียนหลันก็คือการกลับมาอยู่ข้างกายเขา
หยางหลิงรุ่ยเดินออกมาจากห้องครัว เธอไม่ได้กลับไปที่ห้องนั่งเล่นในตอนแรก และเดินไปที่ห้องน้ำที่อยู่อีกฝั่ง
เธอโน้มตัวเพื่อมองตัวเองในกระจก
โชคดีที่แม้ว่าฮั่วเทียนหลันจะมีอำนาจเหนือกว่า แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้บนใบหน้าของเธอ
แค่รอยลิปสติกที่อยู่บนปากของเธอที่มีรอยด่างๆหลงเหลืออยู่ นั้นมันเกิดขึ้นเนื่องจากผู้ชายคนนี้จูบเธอเพื่อสนองความต้องการของเขา
กระเป๋าของเธออยู่ในห้องนั่งเล่นและถ้าเธอเดินกลับไปหยิบมันลูกสาวของเธอทั้งสองก็จะเห็น
เด็กสองคนนี้ฉลาดมาก หยางหลิงรุ่ยไม่สงสัยเลยหากพวกเขาเห็น พวกเขาจะนึกถึงความเป็นจริงได้อย่างชัดเจน
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจอย่างชาญฉลาด
เธอเปิดก๊อกน้ำและล้างหน้าโดยทันที
น้ำทำให้ผมที่กระจัดกระจากอยู่บนใบหน้าของเธอเปียกชุ่ม และอุณหภูมิบนใบหน้าของเธอก็ลดลงอย่างมาก
หยางหลิงรุ่ยคิดเหตุผลเอาไว้ดีแล้ว ถ้าหากเธอเดินออกไปแล้วมีคนถามเธอว่าล้างหน้าทำไม เธอก็จะตอบไปว่าในห้องครัวร้อนเกินไปเธอจึงออกมาล้างหน้าสักหน่อย
หลังจากที่หยางหลิงรุ่ยเดินออกมาจากห้องน้ำเธอก็เห็นคนรับใช้กำลังจัดโต๊ะเพื่อเตรียมที่จะจัดวางอาหาร
ป้าdingกำลังไปปิดทีวีและพาชิงหรงกับลั่นลานมาทานอาหาร
แต่เด็กทั้งสองคนนั้นยังไม่รู้สึกหิวแม้แต่นิดเดียว
ป้าdingที่เห็นหยางหลิงรุ่ยเดินออกมาก็ส่งสายตาของความช่วยเหลือมาทางเธอ
หยางหลิงรุ่ยกระแอมในลำคอพร้อมพูดว่า “เด็กๆมาทานข้าว!”
เธอพูดออกมาแค่ไม่กี่คำแต่ผลของมันมากกว่าที่ป้าdingพูดออกมาเยอะเลย
ชิงหรงและลั่นลานรีบวิ่งมาที่โต๊ะอาหาร และเมื่อชิงหรงเห็นหยดน้ำบนใบหน้าของหยางหลิงรุ่ยเธอก็ผงะแล้วถามออกมาว่า “ทำไมแม่ถึงล้างหน้าหละคะ?”
“ในห้องครัวร้อนมาก” หยางหลิงรุ่ยอธิบายออกไป
เธอรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย เธอเป็นคนที่ไม่มีไหวพริบแต่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้เพราะความคิดที่ผ่านมาเท่านั้น
แต่หยางหลิงรุ่ยประเมินความสามารถของเด็กๆต่ำเกินไป
ชิงหรงจึงพูดออกมาอย่างดื้อรั้นว่า “ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ต้องแต่งหน้าใหม่ ไม่อย่างนั้นรอยตีนกาก็จะโผล่ออกมา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง