โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 473

หยางหลิงรุ่ยเฝ้าดูอยู่สักพัก เธอก็ได้ยินเสียงกระแอมจากด้านหลัง

เสียงนี้ไม่ต้องฟัง เธอก็รู้ว่าเป็นของใคร

เธออดไม่ได้ที่จะหันไป มองชิงหรงที่ถือหนังสือ และกำลังมองหน้าหยางหลิงรุ่ยอย่างจริงจัง

"อะไรลูก?"

หยางหลิงรุ่ยจำได้ว่าชิงหรงมีการบ้านประมาณสามบท

แม้ว่าเธอจะเป็นเด็กที่มีไอคิวสูง แต่ก็ไม่น่าจะทำได้ไวขนาดนี้

"แม่ มองอะไรคะ?"

ชิงหรงไม่ได้ตอบคำถามของหยางหลิงรุ่ย แต่กำลังสนใจในความงุนงงของหยางหลิงรุ่ย

"มองดวงจันทร์ค่ะ!" หยางหลิงรุ่ยไม่พูดอ้อมค้อม เธอรู้ว่าชิงหรงมีความอยากรู้อยากเห็น

ถ้าหากไม่ทำตามสิ่งที่เธออยากรู้ เธอก็จะคอยซักถามอยู่อย่างนั้น

"ดวงจันทร์มันมีแสงสว่างด้วยหรือคะ" ชิงหรงกระพริบตาที่น่ารักของเธอและถามคำถาม

หยางหลิงรุ่ยตะลึงไปชั่วครู่ เธอไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะยังคงมีคำถาม

แต่คำถามของชิงหรงไม่ได้สร้างปัญหาให้เธอ เธอรู้เรื่องของหลักการหักเหของแสง

"ดวงจันทร์ไม่มีแสงสว่าง แต่ดวงจันทร์หมุนรอบดวงอาทิตย์ ก็เลย ... "

หยางหลิงรุ่ยอธิบายหลักการที่เธอจำได้คร่าวๆให้ชิงหรงฟัง

แต่ในวินาทีต่อมาคำพูดของชิงหรง ทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เด็กน้อยถามว่า"หลักการหักเหกับการหมุนคืออะไรคะ? แม่วาดให้ดูได้ไหมคะ?"

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฟิสิกส์และการคำนวณทางคณิตศาสตร์ แม้ว่าหยางหลิงรุ่ยเธอเป็นจะนักเรียนที่ดี แต่ตอนเรียนก็พอรู้แค่พื้นฐาน

อาจจะพูดได้ว่า มีนักเรียนหญิงเพียงแค่ไม่กี่คน ที่เข้าใจเรื่องของวิทยาศาสตร์

หยางหลิงรุ่ยเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาชิงหรง เธอก็อึกๆอักๆ

“ นี่ไง นี่ ... ”

หยางหลิงรุ่ยเมื่อเห็นแววตาเป็นประกายของชิงหรง เธอก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร

แต่เมื่อเธอเห็นหนังสือภาษาที่ชิงหรงถืออยู่ เธอก็นึกขึ้นได้

"หนูมาทำอะไรตรงนี้ ทบทวนบทเรียนเสร็จแล้วหรือคะ?"

"คุณแม่ยังไม่ตอบคำถามของหนูเลย!"

"หนูตอบคำถามแม่ก่อน!"

แม่ลูกเหมือนจะทะเลาะกัน แต่เห็นได้ชัดว่าชิงหรงเป็นฝ่ายที่อ่อนแอกว่า

ภายใต้การปราบปรามที่แข็งแกร่งของหยางหลิงรุ่ย

"ฉันจำได้หมดแล้ว"

"งั้นก็ดี พวกเราเข้าไปนั่ง แล้วท่องให้แม่ฟังด้วย!"

หยางหลิงรุ่ยพาชิงหรงเข้าไปในห้องนอน

ตอนแรกหยางหลิงรุ่ยจะให้ชิงหรงท่องหนังสือทั้งเล่ม แต่หยางหลิงรุ่ยก็คิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้

เนื่องจากชิงหรง มีความสามารถด้านการจดจำ บทเรียนสามบทใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที

ด้วยนิสัยของเด็กคนนี้ หลังจากท่องก็คงจะต้องมาถามเธอเรื่องเกี่ยวกับการหักเหของแสงอีก

ดังนั้น หยางหลิงรุ่ยจึงเปลี่ยนกลยุทธ์ จึงเลือกประโยคในบทเรียนให้ชิงหรงท่อง

มันทำให้ชิงหรงจับใจความไม่ได้ และนึกไม่ออก

แต่ชิงหรงฉลาดมากๆ เธอไม่อ้อมค้อม

หลังจากที่เธอนึกออก หยางหลิงรุ่ยก็ต้องยอมรับชะตากรรมของเธอ ชิงหรงทำมันได้จริงๆ

ในย่อหน้าสุดท้าย ชิงหรงก็ตอบเช่นกัน และหยางหลิงรุ่ยวางหนังสือลงอย่างไม่เต็มใจ

แน่นอนว่าดวงตาที่ดูเร่าร้อนของชิงหรงกำลังมองมาที่เธอ พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูพอใจราวกับว่าเธอกำลังพูดกับหยางหลิงรุ่ย "เห็นไหม แม่ล้มหนูไม่ได้หรอกค่ะ!"

"แม่คะ แล้วเรื่องเกี่ยวกับการหักเหของแสง ..."

เมื่อเห็นชิงหรงกำลังจะถามถึงเรื่องนี้อีกครั้ง หยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกเครียด

เธอกำลังคิดเว่าเธอจะหาเหตุผลดีไหม ที่จะลงไปให้ฮั่วเทียนหลันช่วย

ท้ายที่สุดแล้วเด็กคนนี้ฉลาดมาก เธอเหมือนทนไม่ไหวแล้ว

ตอนนี้ โทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น

หยางหลิงรุ่ยรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมา ไม่ว่าคนในสายจะเป็นใครก็เหมือนคนที่มาช่วยชีวิตของเธอไว้

"ลูกรัก แม่ไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ ไปวาดรูปกับลั่นลานสิคะ!"

หยางหลิงรุ่ยมีท่าที และใช้น้ำเสียงตามปกติ

ชิงหรงส่ายหัว แน่นอนว่าเธอรู้ว่าแม่ต้องไม่รู้จะตอบเธออย่างไรแน่ๆ

แต่เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะหยางหลิงรุ่ยก็ต้องออกไปทำธุระของเธอจริงๆ

สำหรับแม่ลูก นี่แทบเป็นกิจวัตรประจำวัน

หลังจากออกมาจากชิงหรง หยางหลิงรุ่ยก็รับโทรศัพท์

หยางยานโทรมา หลังจากเขากลับมาบ้าน เขาไปหาหยางหลิงรุ่ย แต่ถูกบอดี้การ์ดบอกว่า เธอยังไม่กลับมา

เขารออยู่นาน แต่เธอก็ยังไม่กลับมา จึงทำให้เขากังวลเล็กน้อย

ช่วงนี้เขากลับมาไม่บ่อย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าหยางหลิงรุ่ยจะออกมาตั้งแต่เช้าและกลับเข้าไปตอนดึกๆ

ดังนั้นเมื่อเขากังวลมากเขาจึงโทรหาหยางหลิงรุ่ย

“ พี่สาม ... ” หยางหลิงรุ่ยขานรับ

หยางยานไม่ต้องการให้ฮั่วเทียนหลันรู้สึกว่าตระกูลหยางตั้งใจที่จะกีดขวางระหว่างคนทั้งสองคน

การทำแบบนี้เพื่อที่เผื่อไว้เวลาเผชิญหน้ากันในอนาคต

“ คิดถึงหรงหรงแล้ว มาหาพวกเธอตอนกินข้าวเย็น แต่พวกเธอไม่อยู่ ถามพวกบอดี้การ์ดถึงได้รู้ว่าเธออกมาทั้งวันแล้ว เรื่องเรียน กลับมาเรียนที่บ้านก็ได้ ดูสิ นี่มันกี่โมงแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดของหยางยาน หยางหลิงรุ่ยไม่คิดว่าเธอจะยกมือขึ้นเพื่อดูเวลา จึงรู้ว่าสามทุ่มแล้ว

นั้นยิ่งทำให้เธอตื่นเต้นขึ้นมาอีก เธออยู่ที่นี่มานานขนาดนี้เลยเหรอ?

เมื่อเธอทานอาหารเสร็จแล้ว เธอคิดว่ามันยังไม่ดึกมาก จึงไม่ได้รีบกลับคิดว่าอยู่อีกพักเป็นมารยาท

แต่นี่มันก็ดึกมากแล้ว เธอยังไม่กลับ ฮั่วเทียนหลันคงจะหวังว่าให้เธอค้างที่นี่แน่ๆ

“ ฉันจะกลับแล้วค่ะ!” หยางหลิงรุ่ยตอบกลับอย่างรวดเร็ว

"เธออยู่บ้านเพื่อนไหน ฉันจะส่งคนไปรับ!"

หยางยานพูดเช่นนั้น เพราะเขากลัวว่าหยางหลิงรุ่ยจะปิดบังอะไร

แม้ว่าเขาจะรู้ว่าหยางหลิงรุ่ยอยู่ที่บ้านตระกูลฮั่ว แต่ก็มีบางทีก็ไม่ควรพูดออกมา

ถ้าหากบอกไป หยางหลิงรุ่ยรู้ว่ามีคนแอบติดตาม เขาก็กังวลว่าหยางหลิงรุ่ยจะคิดมาก

“ ก็ ก็... ”

หยางหลิงรุ่ยเปิดปากของเธอและพึมพำสองสามคำ เธอก็ยังไม่รู้จะพูดตำแหน่งปัจจุบันของเธอยังไง

"พี่สาม ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว"

ทันทีที่หยางหลิงรุ่ยพูดจบ ก็ได้ยินเสียงไอที่คุ้นเคยดังขึ้นอยู่ข้างๆหยางยาน

“ เธออยู่ที่บ้านตระกูลฮั่วเหรอ”

"ครับ" หยางยานตอบโดยไม่รู้ตัว

คนที่ถามคือหยางหยวน

หลังจากรับประทานอาหาร ตงเหยียนก็จะเข็นเขาไปรอบ ๆ คฤหาสน์ของตระกูลหยาง

พอดีว่าไม่เห็นชิงหรงมานานแล้ว หยางหยวนก็เลยคิดถึง จึงให้ตงเหยียนเข็นเขามาที่นี่

วีลแชร์ทำขึ้นเป็นพิเศษ พร้อมระบบไฟฟ้า มีระบบเลี้ยวอัตโนมัติ ทำให้ตงเหยียนสามารถเข็นได้อย่างง่ายดาย

เมื่อทั้งสองมาถึงที่นั่น จึงได้รู้จากบอดี้การ์ดว่า หยางหลิงรุ่ยพาชิงหรงออกไปและยังไม่กลับมา

ตงเหยียนถอนหายใจ เตรียมจะกลับ แต่หยางหยวนโบกมือ ให้ตงเหยียนพาเขาเข้าไป

เขาเห็นว่ายังคงมีแสงไฟอยู่ในห้องโถงชั้นหนึ่งภายในบ้านของหยางหลิงรุ่ย และเห็นเงาคนอยู่ในนั้น

หยางยานกำลังโทรหาหยางหลิงรุ่ยอยู่ เขาจึงไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู

จนกระทั่งเสียงของหยางหยวนดังขึ้นในหู เขาถึงกับผงะทันที

“พี่ใหญ่ มาอยู่ที่นี่ได้ไงครับ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง