โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 507

คุณนายฉีพูดขึ้นอย่างชัดเจน ในตอนนี้ต่อให้ฉีหลานแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจยังไงก็คงไม่ได้อยู่ดี

เธอหันหน้าไปมองคุณแม่ด้วยความตกใจ จากนั้นก็ลังเลอยู่ครู่นึงก่อนจะเอ่ย : "คุณแม่ นี่... "

ยังไม่ทันที่ฉีหลานจะได้เอ่ยอะไรต่อ คุณนายฉีก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“จนถึงตอนนี้แล้วยังคิดจะปิดแม่อยู่อีกเหรอ”

ในแววตาของคุณนายฉีไม่มีคำถามหรือความเคร่งขรึมแต่อย่างใด แต่มีแค่ความรู้สึกปวดใจที่มีต่อฉีหลาน

ฉีหลานยังคงยืนกรานที่จะปกปิด แต่เมื่อเธอมองเห็นสายตาที่ราวกับว่าผ่านโลกมามากมายของคุณแม่เป็นครั้งแรก

ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจอะไรบางอย่างและทำได้เพียงพยักหน้ารับ จากนั้นพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนแรง : "ที่แท้คุณแม่ก็รู้ทุกอย่าง!"

คำพูดของฉีหลานแฝงไปด้วยความตำหนิ

ท้ายที่สุดสิ่งที่โหดร้ายที่สุดในโลกนี้ก็คือ เมื่อคุณกำลังตกนรกและพบว่าคนรอบตัวสามารถช่วยดึงคุณขึ้นได้ แต่เขาเหล่านั้นกลับไม่ยอมช่วยเหลืออะไรคุณเลย

ความผิดหวังดังกล่าวก็จะพัฒนาไปสู่ความสิ้นหวังที่มากขึ้น

และเดิมทีคุณนายฉีเองก็อาจจะช่วยฉีหลานได้ แต่สุดท้ายเธอกลับไม่ทำอะไรเลย

ฉีหลานรู้สึกว่าเธอควรเกลียดคุณแม่หรือแม้กระทั่งรักษาระยะห่างจากอีกฝ่ายและบอกกับอีกฝ่ายว่าเธอกำลังโกรธ

แต่ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวฉีหลานก็รีบบังคับตัวเองให้กดมันลงไว้ที่เดิม อย่างที่เธอรู้ว่าฉีตานเหวินนั้นคล้ายคลึงกับหยูซิงเหวินมาก ฉีตานเหวินเป็นผู้นำของตระกูลฉีมาหลายปีแล้ว เขาก็ยังทำตามอำเภอใจอยู่เสมอไม่ใช่หรือ

ส่วนคุณแม่เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเธอจะพูดอะไรได้ หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าเธอจะทำอะไรได้ล่ะ

"ลูกเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของแม่ เม่จะไม่รู้ได้ยังไงว่าลูกมีความสุขหรือไม่มีความสุข ครอบครัวฉีพบเจอกับวิกฤตชีวิตจนเกือบตายแต่ต่อมากลับดีขึ้นอย่างทันทีทันใดและจากนั้นลูกก็กำลังจะแต่งงานอีก แม่จะเดาไม่ออกได้ยังไง"

คำพูดของคุณนายฉีเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล

ฉีหลานเอียงศีรษะเล็กน้อยและใช้นิ้วลากเป็นวงกลมเบา ๆ บนขาของคุณแม่ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าคำพูดของคุณแม่นั้นม่มีช่องโหว่และพิรุธเลยสักนิด

ท้ายที่สุดแล้วแม่ลูกก็มักจะเชื่อมต่อกันด้วยหัวใจ อย่างน้อยความรู้สึกของฉีหลานนั้นก็ยังมีคุณแม่ที่ยังรับรู้มันอย่างชัดเจน

"คุณแม่คะ หนูไม่เต็มใจ ไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่หนูไม่มีทางเลือก ... "

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องทั้งหมดแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เช่นเดียวกันกับคุณแม่ ฉีหลานจึงเหมือนมีคนให้พูดระบายด้วย เธอจึงรีบเปิดปากเอ่ยขึ้นมาทันที

เมื่อได้ยินฉีหลานเอ่ยแบบนั้น คุณนายฉีก็รู้สึกปวดหัวใจเป็นอย่างมาก

ชีวิตนี้ของเธอเรียบง่ายเป็นอย่างมาก ต่างก็คอยวนเวียนอยู่กับสามีและลูกอยู่เช่นนั้น

แต่ภายใต้ความเรียบง่ายนี้กลับใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก เธอต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะกระทำการทุกสิ่งอย่าง

รวมถึงวันนี้ที่มาหาฉีหลานดึกขนาดนี้เธอก็รู้ตัวว่ากำลังทำผิดเพราะว่าฉีหลานกำลังจะแต่งงานแล้ว การที่เธอมาหาฉีหลานเพื่อพูดคุยเปิดใจในเวลานี้ หากฉีหลานอารมณ์ความรู้สึกพังทลายไปเสียก่อนแล้ววันรุ่งขึ้นงานแต่งงานจะทำอย่างไร

แต่ทว่าในฐานะคนเป็นแม่แล้ว เธอก็ไม่อาจก้าวข้ามด่านของความเป็นครอบครัวนี้ไปได้

"แม่รู้ ขอโทษที่แม่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย แม่สังเกตดูแล้วว่านิสัยของเสี่ยวหยูมีแนวโน้มที่จะเหมือนกับพ่อของลูกทุกประการเลยจริง ๆ... "

เมื่อพูดถึงตรงนี้ คุณนายฉีก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

เธอพูดว่าเหมือนกันทุกประการนั้นไม่ได้กำลังเอ่ยชื่นชมหยูซิงเหวินแต่อย่างใด

ความหมายของเธอนั้นแน่นอนว่าฉีหลานเข้าใจดี

"หนูจะทำอย่างไรดีคุณแม่ หนูรู้สึกว่าชีวิตของหนูยุ่งเหยิงไปหมด นิสัยของหยูซิงเหวินและหนูอยู่ด้วยกันไม่ได้จริง ๆ หากใช้ชีวิตร่วมกันก็เหมือนกับการทรมานมากกว่า"

เมื่อฉีหลานพูดถึงตรงนี้เธอก็แสร้งทำเป็นเข้มแข็งไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตาของเธอไหลลงมาเต็มใบหน้าทันที

คุณนายฉีรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจเมื่อเห็นฉีหลานร้องไห้ดวงตาของเธอก็เริ่มขึ้นสีแดงตามไปด้วย

เธอยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้ฉีหลานอย่างเบามือเช่นเดียวกับตอนที่ฉีหลานยังเป็นเด็กที่เธอออกไปเล่นข้างนอกและไม่ทันระวังเจนล้มลงขาหัก จากนั้นก็ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด

คุณนายฉีในตอนนั้นก็เช่นเดียวกันกับตอนนี้ เธอพูดขึ้นเสียงเบา : "หลานหลานต้องเข้มแข็งนะลูก ลูกเป็นเด็กที่โชคดีและแม่เชื่อว่าอนาคตของลูกจะดีทุกอย่าง!"

คำพูดปลอบประโลมของคุณแม่ทำให้หัวใจของฉีหลานมีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

ในระหว่างที่พูดคุยเปิดใจกันนั้นฉีหลานก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นทีละน้อยและหลับไปในที่สุด

เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นเธอก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ท่าเดิมตลอดทั้งคืน

และคุณนายฉีนั้นนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน ขาของเธอชามานานแล้วและยังเริ่มเจ็บเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดไม่ดี

สิ่งนี้ทำให้ฉีหลานที่เดิมทียังคงรู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่ในตอนนี้กลับเหลือเพียงความรู้สึกผิดเท่านั้น

เพราะถึงอย่างไรเธอก็รู้ว่าสิ่งเดียวที่คุณแม่ทำได้ก็คือสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้

เธอมองออกไปข้างนอก ตอนนี้เพิ่งจะเป็นเวลาตีห้าและขบวนรถเจ้าบ่าวนั้นหกโมเช้าถึงจะเคลื่อนตัวเข้ามา

สิ่งที่ควรจะเกิดก็กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า!

เมื่อฉีหลานนึกสิ่งนี้เธอก็หยุดชะงักไปชั่วคราว

มาจนถึงช่วงเวลาที่สำคัญแล้วฉีหลานจะหยุดกะทันหันไม่ได้ หยางหลิงรุ่ยรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเบื้องหลังการแต่งงานของเธอมาก

สิ่งนี้จะเป็นไปได้อย่างไร แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าฉีหลานเป็นอย่างไรมาก่อน แต่ฉีหลานในตอนนี้หยางหลิงรุ่ยรู้ดีว่าเธอไม่มีทางทำร้ายคนอื่นแน่นอน!

“พี่หลานกำลังล้อฉันเล่นใช่ไหม” หยางหลิงรุ่ยมัวแต่ตกใจและไม่ได้ระแคะระคายในคำพูดของฉีหลานเลย

แต่ฉีหลานกลับยิ้มขึ้นเบา ๆ รอยยิ้มของเธอยิ่งดูเปล่าเปลี่ยว

“มาถึงตอนนี้แล้วยังจำเป็นต้องล้อเล่นอยู่อีกหรือ”

คำพูดแผ่วเบานั้นทำให้หัวใจของหยางหลิงรุ่ยเต้นตึกตัก นี่เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ

ธาตุแท้ของฉีหลานมันโหดเหี้ยมขนาดนี้เลยหรือ

"ดังนั้น... " หยางหลิงรุ่ยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

เพราะมันทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ และรู้สึกว่ามุมมองของเธอเริ่มเปลี่ยนไป

"ไม่มีดังนั้น ผลสุดท้ายคือฉันติดคุกและถูกหยูซิงเหวินทำร้ายจนบ้านแตกสาแหลกขาด ดังนั้นญาติพี่น้องจึงไม่หลงเหลือแล้ว จากนั้นฉันก็ถูกหยูซิงเหวินแก้แค้นโดยการส่งตัวไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อทำเรื่องที่ต่ำที่สุดและต้องทนรับต่อทุกคำครหาและคำดูหมิ่น"

ฉีหลานเอ่ยพูดอย่างช้า ๆ ทุกคำพูดของเธอแฝงไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ความรู้สึกนี้หยางหลิงรุ่ยเข้าใจมันเป็นอย่างดีมันเรียกว่า ฮิสทีเรีย

“พี่หลาน ... ” เธอเอ่ยเตือนเบา ๆ

ฉีหลานตอบรับก่อนจะตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ และหัวเราะเยาะตัวเอง

"ก็จริง เรื่องมันผ่านไปตั้งสองปีแล้ว ทำไมฉันยังต้องจำมันอยู่อีก"

ความทรงจำเป็นบาดแผลที่ไม่ควรสัมผัสที่สุด ฉีหลานบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่าเธอคนเมื่อก่อนได้ตายไปแล้ว

"เราออกไปกันเถอะ อยู่ข้างในมานานมากแล้ว"

หยางหลิงรุ่ยเหลือบมองเวลาและพูดขึ้นเบา ๆ

เวลานี้สองคนควรออกไปรับประทานอาหารกลางวันได้แล้ว

ฉีหลานสงบลงมากแล้ว แม้ว่าหัวใจของเธอจะปรากฏภาพที่เธอพยายามปฏิเสธต่อความโหดร้ายของหยูซิงเหวินขึ้นมาเป็นครั้งคราว แต่หลังจากได้พูดระบายออกมาในครั้งนี้ ได้บอกกับหยางหลิงรุ่ยถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในใจมากมาย

มันทำให้หัวใจที่เคยหนักอึ้งของเธอเริ่มผ่อนคลายลงไปบ้างแล้ว

ดังนั้นหลังจากที่หยางหลิงรุ่ยโพล่งออกมาเช่นนั้นฉีหลานจึงได้เดินตามออกไป

สีหน้าของเธอดูปกติและรอยยิ้มบนใบหน้าก็ยังคงมีตามปกติ แม้จะเผชิญหน้ากับจางหงเว่ยซึ่งมีลักษณะท่าทางที่ดุดันและไม่พอใจเล็กน้อย แต่เธอก็ยังยิ้มได้และยังคงตะโกนเรียกหงเว่ยได้อย่างปกติ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง