คุณนายฉีพูดขึ้นอย่างชัดเจน ในตอนนี้ต่อให้ฉีหลานแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจยังไงก็คงไม่ได้อยู่ดี
เธอหันหน้าไปมองคุณแม่ด้วยความตกใจ จากนั้นก็ลังเลอยู่ครู่นึงก่อนจะเอ่ย : "คุณแม่ นี่... "
ยังไม่ทันที่ฉีหลานจะได้เอ่ยอะไรต่อ คุณนายฉีก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“จนถึงตอนนี้แล้วยังคิดจะปิดแม่อยู่อีกเหรอ”
ในแววตาของคุณนายฉีไม่มีคำถามหรือความเคร่งขรึมแต่อย่างใด แต่มีแค่ความรู้สึกปวดใจที่มีต่อฉีหลาน
ฉีหลานยังคงยืนกรานที่จะปกปิด แต่เมื่อเธอมองเห็นสายตาที่ราวกับว่าผ่านโลกมามากมายของคุณแม่เป็นครั้งแรก
ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจอะไรบางอย่างและทำได้เพียงพยักหน้ารับ จากนั้นพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนแรง : "ที่แท้คุณแม่ก็รู้ทุกอย่าง!"
คำพูดของฉีหลานแฝงไปด้วยความตำหนิ
ท้ายที่สุดสิ่งที่โหดร้ายที่สุดในโลกนี้ก็คือ เมื่อคุณกำลังตกนรกและพบว่าคนรอบตัวสามารถช่วยดึงคุณขึ้นได้ แต่เขาเหล่านั้นกลับไม่ยอมช่วยเหลืออะไรคุณเลย
ความผิดหวังดังกล่าวก็จะพัฒนาไปสู่ความสิ้นหวังที่มากขึ้น
และเดิมทีคุณนายฉีเองก็อาจจะช่วยฉีหลานได้ แต่สุดท้ายเธอกลับไม่ทำอะไรเลย
ฉีหลานรู้สึกว่าเธอควรเกลียดคุณแม่หรือแม้กระทั่งรักษาระยะห่างจากอีกฝ่ายและบอกกับอีกฝ่ายว่าเธอกำลังโกรธ
แต่ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวฉีหลานก็รีบบังคับตัวเองให้กดมันลงไว้ที่เดิม อย่างที่เธอรู้ว่าฉีตานเหวินนั้นคล้ายคลึงกับหยูซิงเหวินมาก ฉีตานเหวินเป็นผู้นำของตระกูลฉีมาหลายปีแล้ว เขาก็ยังทำตามอำเภอใจอยู่เสมอไม่ใช่หรือ
ส่วนคุณแม่เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเธอจะพูดอะไรได้ หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าเธอจะทำอะไรได้ล่ะ
"ลูกเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของแม่ เม่จะไม่รู้ได้ยังไงว่าลูกมีความสุขหรือไม่มีความสุข ครอบครัวฉีพบเจอกับวิกฤตชีวิตจนเกือบตายแต่ต่อมากลับดีขึ้นอย่างทันทีทันใดและจากนั้นลูกก็กำลังจะแต่งงานอีก แม่จะเดาไม่ออกได้ยังไง"
คำพูดของคุณนายฉีเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล
ฉีหลานเอียงศีรษะเล็กน้อยและใช้นิ้วลากเป็นวงกลมเบา ๆ บนขาของคุณแม่ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าคำพูดของคุณแม่นั้นม่มีช่องโหว่และพิรุธเลยสักนิด
ท้ายที่สุดแล้วแม่ลูกก็มักจะเชื่อมต่อกันด้วยหัวใจ อย่างน้อยความรู้สึกของฉีหลานนั้นก็ยังมีคุณแม่ที่ยังรับรู้มันอย่างชัดเจน
"คุณแม่คะ หนูไม่เต็มใจ ไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่หนูไม่มีทางเลือก ... "
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องทั้งหมดแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เช่นเดียวกันกับคุณแม่ ฉีหลานจึงเหมือนมีคนให้พูดระบายด้วย เธอจึงรีบเปิดปากเอ่ยขึ้นมาทันที
เมื่อได้ยินฉีหลานเอ่ยแบบนั้น คุณนายฉีก็รู้สึกปวดหัวใจเป็นอย่างมาก
ชีวิตนี้ของเธอเรียบง่ายเป็นอย่างมาก ต่างก็คอยวนเวียนอยู่กับสามีและลูกอยู่เช่นนั้น
แต่ภายใต้ความเรียบง่ายนี้กลับใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก เธอต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะกระทำการทุกสิ่งอย่าง
รวมถึงวันนี้ที่มาหาฉีหลานดึกขนาดนี้เธอก็รู้ตัวว่ากำลังทำผิดเพราะว่าฉีหลานกำลังจะแต่งงานแล้ว การที่เธอมาหาฉีหลานเพื่อพูดคุยเปิดใจในเวลานี้ หากฉีหลานอารมณ์ความรู้สึกพังทลายไปเสียก่อนแล้ววันรุ่งขึ้นงานแต่งงานจะทำอย่างไร
แต่ทว่าในฐานะคนเป็นแม่แล้ว เธอก็ไม่อาจก้าวข้ามด่านของความเป็นครอบครัวนี้ไปได้
"แม่รู้ ขอโทษที่แม่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย แม่สังเกตดูแล้วว่านิสัยของเสี่ยวหยูมีแนวโน้มที่จะเหมือนกับพ่อของลูกทุกประการเลยจริง ๆ... "
เมื่อพูดถึงตรงนี้ คุณนายฉีก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เธอพูดว่าเหมือนกันทุกประการนั้นไม่ได้กำลังเอ่ยชื่นชมหยูซิงเหวินแต่อย่างใด
ความหมายของเธอนั้นแน่นอนว่าฉีหลานเข้าใจดี
"หนูจะทำอย่างไรดีคุณแม่ หนูรู้สึกว่าชีวิตของหนูยุ่งเหยิงไปหมด นิสัยของหยูซิงเหวินและหนูอยู่ด้วยกันไม่ได้จริง ๆ หากใช้ชีวิตร่วมกันก็เหมือนกับการทรมานมากกว่า"
เมื่อฉีหลานพูดถึงตรงนี้เธอก็แสร้งทำเป็นเข้มแข็งไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตาของเธอไหลลงมาเต็มใบหน้าทันที
คุณนายฉีรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจเมื่อเห็นฉีหลานร้องไห้ดวงตาของเธอก็เริ่มขึ้นสีแดงตามไปด้วย
เธอยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้ฉีหลานอย่างเบามือเช่นเดียวกับตอนที่ฉีหลานยังเป็นเด็กที่เธอออกไปเล่นข้างนอกและไม่ทันระวังเจนล้มลงขาหัก จากนั้นก็ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
คุณนายฉีในตอนนั้นก็เช่นเดียวกันกับตอนนี้ เธอพูดขึ้นเสียงเบา : "หลานหลานต้องเข้มแข็งนะลูก ลูกเป็นเด็กที่โชคดีและแม่เชื่อว่าอนาคตของลูกจะดีทุกอย่าง!"
คำพูดปลอบประโลมของคุณแม่ทำให้หัวใจของฉีหลานมีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
ในระหว่างที่พูดคุยเปิดใจกันนั้นฉีหลานก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นทีละน้อยและหลับไปในที่สุด
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นเธอก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ท่าเดิมตลอดทั้งคืน
และคุณนายฉีนั้นนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน ขาของเธอชามานานแล้วและยังเริ่มเจ็บเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดไม่ดี
สิ่งนี้ทำให้ฉีหลานที่เดิมทียังคงรู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่ในตอนนี้กลับเหลือเพียงความรู้สึกผิดเท่านั้น
เพราะถึงอย่างไรเธอก็รู้ว่าสิ่งเดียวที่คุณแม่ทำได้ก็คือสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้
เธอมองออกไปข้างนอก ตอนนี้เพิ่งจะเป็นเวลาตีห้าและขบวนรถเจ้าบ่าวนั้นหกโมเช้าถึงจะเคลื่อนตัวเข้ามา
สิ่งที่ควรจะเกิดก็กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า!
เมื่อฉีหลานนึกสิ่งนี้เธอก็หยุดชะงักไปชั่วคราว
มาจนถึงช่วงเวลาที่สำคัญแล้วฉีหลานจะหยุดกะทันหันไม่ได้ หยางหลิงรุ่ยรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเบื้องหลังการแต่งงานของเธอมาก
สิ่งนี้จะเป็นไปได้อย่างไร แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าฉีหลานเป็นอย่างไรมาก่อน แต่ฉีหลานในตอนนี้หยางหลิงรุ่ยรู้ดีว่าเธอไม่มีทางทำร้ายคนอื่นแน่นอน!
“พี่หลานกำลังล้อฉันเล่นใช่ไหม” หยางหลิงรุ่ยมัวแต่ตกใจและไม่ได้ระแคะระคายในคำพูดของฉีหลานเลย
แต่ฉีหลานกลับยิ้มขึ้นเบา ๆ รอยยิ้มของเธอยิ่งดูเปล่าเปลี่ยว
“มาถึงตอนนี้แล้วยังจำเป็นต้องล้อเล่นอยู่อีกหรือ”
คำพูดแผ่วเบานั้นทำให้หัวใจของหยางหลิงรุ่ยเต้นตึกตัก นี่เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ
ธาตุแท้ของฉีหลานมันโหดเหี้ยมขนาดนี้เลยหรือ
"ดังนั้น... " หยางหลิงรุ่ยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
เพราะมันทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ และรู้สึกว่ามุมมองของเธอเริ่มเปลี่ยนไป
"ไม่มีดังนั้น ผลสุดท้ายคือฉันติดคุกและถูกหยูซิงเหวินทำร้ายจนบ้านแตกสาแหลกขาด ดังนั้นญาติพี่น้องจึงไม่หลงเหลือแล้ว จากนั้นฉันก็ถูกหยูซิงเหวินแก้แค้นโดยการส่งตัวไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อทำเรื่องที่ต่ำที่สุดและต้องทนรับต่อทุกคำครหาและคำดูหมิ่น"
ฉีหลานเอ่ยพูดอย่างช้า ๆ ทุกคำพูดของเธอแฝงไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ความรู้สึกนี้หยางหลิงรุ่ยเข้าใจมันเป็นอย่างดีมันเรียกว่า ฮิสทีเรีย
“พี่หลาน ... ” เธอเอ่ยเตือนเบา ๆ
ฉีหลานตอบรับก่อนจะตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ และหัวเราะเยาะตัวเอง
"ก็จริง เรื่องมันผ่านไปตั้งสองปีแล้ว ทำไมฉันยังต้องจำมันอยู่อีก"
ความทรงจำเป็นบาดแผลที่ไม่ควรสัมผัสที่สุด ฉีหลานบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่าเธอคนเมื่อก่อนได้ตายไปแล้ว
"เราออกไปกันเถอะ อยู่ข้างในมานานมากแล้ว"
หยางหลิงรุ่ยเหลือบมองเวลาและพูดขึ้นเบา ๆ
เวลานี้สองคนควรออกไปรับประทานอาหารกลางวันได้แล้ว
ฉีหลานสงบลงมากแล้ว แม้ว่าหัวใจของเธอจะปรากฏภาพที่เธอพยายามปฏิเสธต่อความโหดร้ายของหยูซิงเหวินขึ้นมาเป็นครั้งคราว แต่หลังจากได้พูดระบายออกมาในครั้งนี้ ได้บอกกับหยางหลิงรุ่ยถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในใจมากมาย
มันทำให้หัวใจที่เคยหนักอึ้งของเธอเริ่มผ่อนคลายลงไปบ้างแล้ว
ดังนั้นหลังจากที่หยางหลิงรุ่ยโพล่งออกมาเช่นนั้นฉีหลานจึงได้เดินตามออกไป
สีหน้าของเธอดูปกติและรอยยิ้มบนใบหน้าก็ยังคงมีตามปกติ แม้จะเผชิญหน้ากับจางหงเว่ยซึ่งมีลักษณะท่าทางที่ดุดันและไม่พอใจเล็กน้อย แต่เธอก็ยังยิ้มได้และยังคงตะโกนเรียกหงเว่ยได้อย่างปกติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง