สองหนุ่มสาวสอดประสานเสียงครางดังลั่นเมื่อได้ปลดปล่อยห้วงอารมณ์สุดท้ายออกมาพร้อมกัน นับดาวเหลือบมองจุดเชื่อมต่อพลางหอบหายใจหนักๆ ในตอนที่คนข้างบนยอมดึงแก่นกายใหญ่ออกไป พร้อมกับหยิบทิชชูมาเช็ดทำความสะอาดใจกลางความเป็นสาวให้เสร็จสรรพ เพื่อไม่ให้น้ำรักไหลออกมาเปื้อนโต๊ะทำงาน
"ครั้งนี้จะบอกว่ามันเป็นความผิดพลาดอีกไหม"
"..." ร่างบางเบือนหน้าหนีกลบเกลื่อนความเขินอาย ไม่อยากยอมรับว่าครั้งนี้มันไม่ใช่แค่ความผิดพลาดหรืออารมณ์พาไปเหมือนที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะสถานะว่าที่คู่หมั้นที่ทำให้ความรู้สึกของเธอไม่เหมือนเดิม จากที่เคยวิ่งหนีก็กลายมาเป็นฝ่ายวิ่งตาม เพียงเพราะว่าไม่อยากเห็นรามิลสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่นมากกว่าตัวเอง
"เงียบแบบนี้หมายความว่ายังไง"
"แล้วแต่จะเข้าใจค่ะ"
"ฉันไม่ชอบเด็กเกเร"
"แค่ตอบไม่ถูกใจก็กลายเป็นเด็กเกเรเลยเหรอคะ"
"เมื่อกี้มันคือการลงโทษเด็กเกเรนะ อยากโดนลงโทษอีกสักรอบไหม"
"ใช้สิทธิ์อะไรมาลงโทษนับคะ"
"สิทธิ์ของว่าที่ผัว" มาเฟียหนุ่มอุ้มหญิงสาวขึ้นมานั่งตรงหน้า ยื่นมือเข้าไปลูบไล้ต้นคอระหงเบาๆ จนเธอต้องเป็นฝ่ายเบี่ยงตัวหลบ สัมผัสของเขามันกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างในตัวเธอ
"ถ้านับตอบไม่ถูกใจจะดุนับอีกเหรอ"
"อย่าลืมว่าฉันมีสิทธิ์ทำแบบนั้น"
"คนเรามันจะผิดพลาดกันบ่อยขนาดนั้นได้ยังไงคะ คิดหน่อยสิ"
"มาหาฉันเพราะต้องการเหรอ"
"จับคนอื่นแก้ผ้าแล้วยังมาว่าคนอื่นอีกนะ" นับดาวปล่อยหมัดใส่มัดกล้ามเนื้อหน้าท้องแกร่งเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ แล้วก้มลงไปหยิบเสื้อนักศึกษามาสวมใส่ให้เรียบร้อย เช่นเดียวกับรามิลที่กำลังจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง
ก๊อก~ ก๊อก~
"ขออนุญาตค่ะ" เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอานับดาวที่กำลังติดกระดุมเสื้อของตัวเองสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ต่างจากรามิลที่หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานด้วยท่าทางใจเย็น ท่อนแขนกำยำเกี่ยวรั้งตัวเธอลงไปบนหน้าตักอีกครั้ง
"เข้ามา"
"ขอโทษที่รอให้นานนะคะ ฉันเห็นว่าคุณนับดาวอยากกินขนมเค้กเลยลงไปซื้อให้ค่ะ" จินนี่เดินเข้ามาวางจานขนมและเครื่องดื่มไว้บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา ทว่าในจังหวะที่กำลังจะหันหลังเดินออกไปหางตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วตกอยู่บนพื้นข้างโต๊ะทำงานพอดี
"ขะ..ขอบคุณที่ลงไปซื้อให้ค่ะ แถวบริษัทมีร้านขายขนมเค้กด้วยเหรอคะ" นับดาวพยายามชวนคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเมื่อเห็นสายตาของจินนี่เอาแต่จ้องมองสิ่งที่รามิลโยนทิ้งไว้บนพื้น
"แถวนี้มีร้านอาหารกับร้านขนมเยอะเลยค่ะ บางทีพนักงานก็ชอบไปกินมื้อเที่ยงกันแถวหน้าบริษัทเนี่ยแหละค่ะ"
"บริษัทใหญ่ขนาดนี้ไม่มีศูนย์อาหารสำหรับพนักงานเหรอคะ"
"มีค่ะ ที่นี่ดูแลพนักงานอย่างดีเลยค่ะ"
"อ๋อค่ะ ขอบคุณสำหรับขนมนะคะ ซื้อมาเท่าไรคะนับจะจ่ายเงินเองค่ะ"
"เล็กน้อยค่ะ ไม่แพงมากหรอก ร้านนี้อร่อยนะคะ อยากให้คุณนับดาวลองชิมดู"
"เดี๋ยวนับจะลองชิมดูค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ"
"...ค่ะ" นับดาวพยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนที่เลขาสาวจะคลี่ยิ้มบางๆ แล้วเดินออกไป เธอรีบหันกลับไปแหวใส่มาเฟียหนุ่มเสียงเขียว "หะ..หัดมียางอายกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ นับไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่านับเป็นว่าที่คู่หมั้นของพี่รามด้วยการเล่นหนังสดให้พนักงานดูแบบนี้นะ"
"มีใครเห็นตอนฉันเอากับเธอเหรอ?"
(คนนี้แม่ปลื้มมากนะ ลูกสะใภ้ของพ่อกับแม่ต้องเป็นคนนี้เท่านั้น แม่ถูกใจหนูนับตั้งแต่เจอกันครั้งแรก แม่ว่าแม่มองคนไม่ผิดนะ แล้วแม่ก็ไม่อนุญาตให้รามเปลี่ยนลูกสะใภ้ของแม่ด้วย)
"...ผมไม่เปลี่ยนหรอก ไม่ต้องห่วง"
(ถูกใจน้องมากเหรอ หืม?)
"...เหมือนแม่มั้งครับ"
(ฮ่าๆ มันต้องแบบนี้สิ แต่แม่มีเรื่องอยากจะคุยกับรามหน่อย ถึงแม่จะอยากมีหลานมากแค่ไหนแต่แกก็ห้ามทำน้องท้องโดยที่น้องไม่เต็มใจนะ รักน้องให้เท่ากับที่รักตัวเองให้ได้ก่อน)
"ผมพยายามอยู่..." รามิลตอบกลับไปเสียงเบา เขาอยากจริงจังกับนับดาว ไม่ใช่เพราะโดนพ่อแม่จับคลุมถุงชน แต่เพราะรู้สึกถูกใจเธอจนอยากพยายามจริงจังกับใครดูสักครั้ง
(อย่าทำให้หนูนับเสียใจเด็ดขาดเลยนะ ไม่ใช่แค่อยากได้เป็นลูกสะใภ้ แต่แม่ไม่อยากผิดใจกันกับครอบครัวของศิลา รามเข้าใจแม่ใช่ไหม)
"ครับ"
(เรื่องอะไรที่ไม่ดีก็เพลาๆ ลงหน่อยนะ ตอนนี้ไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว จะทำอะไรก็คิดให้มันรอบคอบก่อน)
"ผมยังไม่มีลูก"
(มีหนูนับก็เหมือนกันนั่นแหละ ดูแลน้องดีๆ อย่าลืมเตรียมงานหมั้นด้วย รามต้องเป็นคนจัดการเองนะถึงจะดูจริงใจ)
"ผมขอปรึกษากับนับดาวก่อน"
(งั้นแม่ไม่กวนแล้ว อาทิตย์หน้าพาน้องมากินข้าวที่บ้านแม่ด้วยนะ)
"ครับ" รามิลตอบกลับไปสั้นๆ ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะเป็นฝ่ายวางสายไปก่อน เขามองไปยังประตูห้องน้ำแล้วยกยิ้มเล็กน้อย ดูเหมือนว่าตอนนี้ชีวิตของเขาจะมีสีสันเพิ่มเข้ามาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โซ่คล้องรัก