เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในเวลาตีห้าตรง เหตุผลที่เพชรหอมตั้งเวลาปลุกเร็วกว่าทุกวันเป็นเพราะ เช้านี้หล่อนกับราซิเอลโล่และยศนัยจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ณ ริมชายหาดด้วยกัน หล่อนจึงตื่นไว้เพื่อเตรียมตัว เนื่องจากวันนี้ตามกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่า พระอาทิตย์จะขึ้นเวลา 06.35 น.
เพชรหอมทำหน้าแปลกใจเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่า ราซิเอลโล่อยู่ใกล้ร่างตนมาก รับรู้ถึงแรงลมหายใจของเขาที่เป่ารดกลางศีรษะตน อีกทั้งแขนและขาของหล่อนยังพาดอยู่บนหมอนข้าง
เดี๋ยวก่อน...หมอนข้างงั้นหรือ
ที่โรงแรมมีหมอนข้างด้วยหรือ ไม่มีนะ เท่าที่จำได้หล่อนไม่เห็นหมอนข้างวางอยู่บนเตียง แล้วที่นอนกอดก่ายคืออะไร เมื่ออาการสะลึมสะลือหายไป หล่อนค้นพบกับคำตอบด้วยตัวเอง
“นี่แน่ะ นี่แน่ะ มือไวดีนัก อั๊กๆ”
เพชรหอมผลักร่างสูงใหญ่เมื่อเห็นว่าเขากอดหล่อนอยู่ ทุบลงบนอกเขาสองครั้งติด ราซิเอลโล่เจ็บจุก ลืมตาตื่น ลุกขึ้นนั่งคลำอกตน
“มาทุบฉันทำไมเนี่ย”
“ก็คุณฉวยโอกาสมากอดฉันน่ะสิ ลามก ผิดสัญญา” เพชรหอมหน้าแดง ยกมือขั้นหมายทุบเขา ทว่าเสียงราซิเอลโล่ดังขัดขึ้น
“ใครกันแน่ที่กอดใคร เธอน่ะแหละมากอดฉัน ทั้งกอดทั้งก่ายจนฉันอึดอัดต้องทนให้ตัวเองเป็นหมอนข้าง” ราซิเอลโล่ตอบกลับ เพชรหอมถึงกับชะงัก แต่ไม่ยอมรับง่ายๆ
“อย่ามาพูดมั่ว ฉันไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่”
“เธอหลับ เธอจะรู้อะไร ฉันนี่สินอนตาค้างมองเพดาน ให้เธอกอด ให้เธอหนุนแขน ฉันก็ไม่กล้าผลักไส กลัวว่าเธอจะเสียใจ ก็เลยต้องทนให้เธอกอด ดีนะเธอไม่ปล้ำฉัน ไม่งั้นฉันคงแย่” เพชรหอมอยากกรีดร้องให้ลั่นห้อง หล่อนไม่คิดว่าตัวเองจะทำเช่นนั้น แต่ก็ฉุกใจคิดว่า ตัวเองหลับคงไม่รู้เรื่องว่าตัวเองทำอะไรบ้าง ทว่าอีกใจก็ไม่อยากเชื่อคำพูดเขาหมด ราซิเอลโล่เจ้าเล่ห์เพทุบาย อาจพูดให้หล่อนเสียหน้าก็เป็นได้ “เกือบเสียตัวให้เธอแล้วไหมล่ะ”
“กะ...” เพชรหอมทนไม่ไหว อ้าปากจะกรีดร้องกับความยียวนกวนประสาทของเขา ทว่ามือใหญ่มาปิดปากหล่อนไว้
“อย่ากรี๊ดนะ เดี๋ยวลูกตื่น” เขาห้าม “ฉันไม่บอกใครหรอกนะว่า เธอกอดฉัน รับรองว่าจะปิดเป็นความลับสุดยอด”
เพชรหอมดันมือเขาออก มองหน้าเขาอย่างเหลืออด
“คุณอย่ามาทำพูดดี คืนนี้ไม่ต้องนอนมันแล้วบนที่นอน ไปนอนข้างนอกโน่น” เพชรหอมแก้เขินด้วยการก้าวลงมายืนข้างเตียง “หรือจะให้ดี ย้ายตัวเองไปนอนที่อื่นเลยไป”
ราซิเอลโล่ยิ้มกับท่าทางเขินอายของเพชรหอม ที่เดินสะบัดหน้าเดินเข้าห้องน้ำ เขาไม่ทำตามที่หล่อนบอก ต่อจากนี้เขาจะนอนบนเตียง จะนอนกอดแม่ของลูกและลูกชาย ไม่มีทางลงไปนอนบนพื้นแข็งๆ แน่นอน
..ไม่ได้ด้วยเล่ห์มันก็ต้องเอาด้วยกล...
06.30 น.
ราซิเอลโล่พายศนัยพร้อมด้วยเพชรหอมมายังชายหาด เพื่อชมความงามของท้องทะเลยามพระอาทิตย์ขึ้น เช้านี้อากาศต่างจากเมื่อคืนลิบลับ คืนที่ผ่านมาพายุเข้าพัดพาสายฝนโหมกระหน่ำที่มาพร้อมกับฟ้าร้องฟ้าผ่าที่แผดก้องน่ากลัว แต่เมื่อพายุลูกนั้นผ่านไป ความสดใสก็เกิดขึ้นบนท้องฟ้า
“มาถ่ายรูปกันดีกว่า ทำหน้าสวยๆ ยิ้มหวานๆ ด้วยนะ ลูกจะได้ดีใจที่เราสองคนรักกัน”
“แม่ฮะ ถ่ายรูปกัน”
ยศนัยเขย่ามือมารดา ราซิเอลโล่ย่อตัวอุ้มลูกชาย ก่อนที่ทั้งสามจะหันหลังให้ทะเล ราซิเอลโล่อุ้มยศนัยมีเพชรหอมยืนอยู่ด้านข้างลูกชาย คนที่ถ่ายคือราซิเอลโล่ ให้ท้องฟ้ายามพระอาทิตย์กำลังขึ้นเป็นภาพพื้นหลัง
“ยิ้มนะ หนึ่งสองสาม” ราซิเอลโล่กดถ่ายภาพรัวๆ ก่อนพูดบางอย่าง “เพ้นท์ไปบอกคนนั้นให้ถ่ายภาพให้เราหน่อยสิ”
เขาคิดว่า ให้เพชรหอมสื่อสารกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังยืนดูพระอาทิตย์ขึ้นน่าจะดีกว่าตัวเองไปพูด และส่งมือถือให้หล่อน เพชรหอมเดินไปคุยกับชายคนนั้นเพียงไม่กี่อึดใจก็เดินกลับมาหาสองพ่อลูก
“อยู่เฉยๆ สิ ตามองกล้องแล้วยิ้มนะ”
ราซิเอลโล่บอกเพชรหอมที่ทำท่าจะสะบัดตัวออกจากลำแขนที่โอบไหล่ตน แต่พอได้ยินคำพูดเขาและได้ยินคำพูดของมือกล้องจำเป็น
“พร้อมนะครับ 1 2 3” เพชรหอมหยุดดิ้นรน หันหน้ามองมือถือแล้วยิ้มกว้าง
ภาพที่ถูกบันทึกไว้คือ ภาพครอบครัวอบอุ่นพ่อแม่ลูก โดยมีคนเป็นพ่ออุ้มร่างลูกชาย แขนอีกข้างโอบบ่าแม่ของลูก โดยมีรอยยิ้มของทั้งสามประดับบนดวงหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โซ่รักใยพิศวาส