กลางดึกจังหวัดราชบุรี
ตามแผนการของเสือหาญ เมื่อได้รถยนต์และทรัพย์สินที่ตั้งใจไว้ เสือหาญ ม้วน ดาวและโด่งจะขับรถแยกกันไปคนละทาง ไปเจอกันยังจุดนัดหมาย แม้ว่าจะไม่เป็นไปตามแผนทั้งหมด ทว่าพวกเขาทำตามแผนที่ว่า ขับรถแยกไปคนละทิศทาง ไปเจอกันที่โกดังแห่งหนึ่งในอำเภอโพธาราม เพราะโกดังแห่งนั้นมีรถบรรทุกคันใหญ่พร้อมตู้คอนเทนเนอร์ของคนที่จะรับซื้อรถหรูทั้งสี่คันรออยู่
รถคันหรูที่เสือหาญขับทะยานอยู่บนถนน โดยมีตัวประกันสาวนั่งหายใจหายคอไม่สะดวกอยู่เบาะด้านข้าง ช้องนางนั่งตัวตรงแน่วมองถนนเบื้องหน้า สลับกับมองหน้าเสือหาญที่เวลานี้ถอดหมวกไอ้โม่งออก เผยให้เห็นใบหน้าชัดเจน ก่อนหล่อนจะหลุบตามองปืนที่วางอยู่ช่องใกล้กับเกียร์รถยนต์
ช้องนางไม่ได้นั่งนิ่งเฉย หล่อนพยายามคิดหาทางเอาตัวรอด ใจโจรยากแท้หยั่งถึง ถึงที่หมายแล้วเสือหาญอาจยิงตนทิ้งก็ได้ เนื่องจากหล่อนเห็นใบหน้าของเขา หล่อนกำลังนึกถึงคำนี้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่จะด้วยวิธีใด ช้องนางคิดไม่ตก
ในขณะเดียวกันเดชดวงที่ขับรถตามมาไม่ห่าง เหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นเพื่อจะไล่ตามรถซุปเปอร์คาร์ที่มีพลังแรงมากสูงให้ทัน ทว่าคนที่นั่งร่วมรถมากับเดชดวงไม่ห่วงว่าจะไล่ตามเสือหาญไม่ทัน เนื่องจากเหนือเมฆใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ติดสัญญาณจีพีเอสไว้ในรถยนต์ทุกคันเชื่อมต่อกับมือถือของตน ไม่ว่าพวกโจรจะขับไปเส้นทางไหนเขารู้หมด
เหนือเมฆเป็นคนฉลาด เขาโทรศัพท์ไปหาสารวัตรเดชา บอกเล่าเรื่องราวให้ฟัง สารวัตรจึงให้ลูกน้องติดตามรถยนต์คันหรูไปตามเส้นทางที่เหนือเมฆโหลดเข้ามาในมือถือของตำรวจกระจายกำลังสกัดกลุ่มโจร เพื่อความสะดวกในการไล่ล่า ซึ่งกลุ่มโจรคงไม่รู้เรื่องนี้ และคงไม่เฉลียวใจด้วย
ใจเหนือเมฆร้อนไม่ต่างกับเครื่องสูบรถกระบะ เขาไม่ห่วงทรัพย์สินร่วมร้อยล้านบาท เพราะคิดว่า ตนมีเงินสามารถซื้อใหม่ได้ ทว่าเขาหาผู้หญิงที่ชื่อช้องนางใหม่ไม่ได้ หล่อนมีความสำคัญกับตนมาก และมั่นใจว่า หัวใจตนเป็นของหล่อน การออกไล่ล่ากลุ่มโจรที่เขามั่นใจว่าเป็นเสือหาญ เขาไม่ได้สั่งให้เดชดวงขับรถจี้ไปติดๆ เพราะเกรงว่าเสือหาญจะรู้ตัวและอาจทำร้ายช้องนาง เพราะอย่างไรเสียจีพีเอสก็คอยบอกพิกัดรถของตนอยู่แล้ว และตอนนี้เขาอยู่ห่างรถหรูราวสามร้อยเมตร
คนที่เหนือเมฆกำลังเป็นห่วง ตอนนี้มีแผนการผุดขึ้นในใจ หล่อนไม่ยอมนิ่งอยู่เฉยแน่นอน ต้องหาวิธีเอาตัวรอดจากนาทีเป็นนาทีตาย
“แกขับรถมาไกลแล้วนะ และพี่เหนือก็ไม่เอาผิดแกด้วย แกน่าจะปล่อยฉันลงนะ” เสียงช้องนางดังขึ้น
“รอให้ถึงโกดังก่อน กูจะปล่อยมึง”
เสือหาญตอบ หันมามองหล่อนแวบหนึ่งก็หันไปมองเส้นทางข้างหน้าที่ค่อนข้างมืด เนื่องจากไม่มีไฟทาง มีเพียงไฟจากรถคันนี้ที่ส่องนำทาง
“ฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าแกจะปล่อยฉัน” ช้องนางถามตรงจุด
“กูจะเก็บมึงไว้ทำไมในเมื่อกูปลอดภัยแล้ว กูไม่คิดเอามึงไปเลี้ยงดูหรอกนะ ท่าทางไอ้เหนือมันหวงและห่วงมึงมาก ไม่งั้นคงไม่แลกชีวิตมึงด้วยรถสี่คันหรอก”
เขาไม่อยากยุ่งกับเหนือเมฆมากกว่านี้ คิดไว้ในใจว่า หากถึงที่หมาย ตนจะปล่อยช้องนาง เพราะหากไม่ปล่อยหรือทำร้ายช้องนาง เหนือเมฆได้ตามล่าเขาแน่ ซึ่งไม่เป็นการดีกับตัวเขาเลย
ตอนนี้ช้องนางมองหน้าเสือหาญสลับกับปืนตลอดเวลา กำลังรอจังหวะที่เขาเผลอจะหยิบปืนขึ้นมาแล้วขู่ให้เขาจอดรถ หล่อนจะได้ลงไปจากรถคันนี้ แล้วช่วงเวลาที่ช้องนางต้องการก็มาถึง หล่อนใช้จังหวะที่เสือหาญหรี่ตาจากไฟสูงจากรถยนต์อีกเลนหนึ่งที่ส่องเข้ามากระทบดวงตา หยิบปืนขึ้นมาแล้วเล็งไปที่เสือหาญ
“หยุดรถนะ หยุดรถเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันยิงจริงๆ ด้วย” ช้องนางขู่ เสือหาญหันมาตัวประกันสาวที่เอาปืนขู่ตน
“มึงนี่นะ หาเรื่องใส่ตัว” เสือหาญแทนที่จะกลัว เขากลับหงุดหงิดกับช้องนาง เสือหาญใช้มือซ้ายจับข้อมือหล่อนไว้ อีกมือหนึ่งยังจับพวงมาลัยไว้ และไม่กลัวว่าช้องนางจะลั่นปืนใส่ตน เพราะเขารู้ดีว่า หล่อนไม่กล้า “เอาปืนมานี่”
“ไม่นะ ไม่...แกหยุดรถนะ” ช้องนางสะบัดมือหนีให้พ้นมือใหญ่ ปืนจึงส่ายไปมา เช่นเดียวกับรถที่เริ่มขับไม่ตรง ปาดไปซ้ายทีขวาที รถที่วิ่งสวนทางมาต้องกดแตรเตือน “โธ่เว้ย! อีนี่วอนตายซะแล้ว”
เสือหาญหงุดหงิดมากขึ้น มือข้างขวาพยายามบังคับรถให้ตรงทาง มือซ้ายก็ยังคงยื้อยุดปืนในมือช้องนาง ส่วนคนถือปืนเริ่มกลัว หลับตาแน่น สะบัดมือตัวเองไม่หยุดและไม่รู้ว่า ตอนนี้นิ้วชี้ของตนกำลังอยู่ในจุดที่พร้อมลั่นไก
“ปัง!...กรี๊ด!...ปุก”
อารามตกใจช้องนางกรีดร้องลั่น ไม่คิดไม่ฝันว่าหล่อนจะยิงปืนออกไป มือที่ถือปืนจึงสั่นเสมือนหัวใจที่เต้นแรงผิดจังหวะ เสียงปุกคือเสียงกระสุนปืนที่พุ่งใส่กระจกรถจนเกิดรูและรอยร้าวรอบๆ แน่นอนว่ากระสุนเฉียดหน้าเสือหาญไปไม่กี่นิ้ว
“มึง!” เสือหาญเกิดความโกรธ เขาใช้มือตบลงไปบนข้อมือของหล่อนเต็มแรง ความเจ็บทำให้ปืนในมือช้องนางตกไปอยู่ตรงคันเกียร์หมิ่นเหม่จะตกลงบนพื้นรถ เสือหาญไม่เพียงทำแค่นั้น เขาหักรถหลบข้างทาง หันมากระชากเส้นผมช้องนางแล้วตบลงบนใบหน้าหลายครั้ง “มึงนี่แส่หาเรื่องจริงๆ อยู่ดีไม่ว่าดี”
ขณะเดียวกัน
“มันหยุดรถ” เหนือเมฆบอกเดชดวง
“ห่างเท่าไหร่ครับ” ลูกน้องถาม
สิ้นเสียงปืนมีแต่ความเงียบ มีเพียงเสียงรถยนต์วิ่งผ่าน
ช้องนางยังคงหลับตาแน่น หล่อนไม่กล้าลืมตามองว่า วิถีกระสุนจะวิ่งไปทิศทางใด เหนือเมฆที่ยืนอยู่นอกรถมองเหตุการณ์ภายในรถด้วยความตกใจ มองดูร่างเสือหาญที่เวลานี้ฟุบตัวลงอยู่บนเกียร์รถยนต์
เดชดวงที่พอเห็นว่าเหนือเมฆยื้อยุดอยู่กับเสือหาญ เขารีบก้าวลงจากรถ เดินออกไปไม่กี่ก้าวเสียงปืนดังขึ้น คราวนี้เขาเร่งฝีเท้าจากเดินเป็นวิ่ง
เหนือเมฆเมื่อหายตกใจ เขาสอดมือเข้ามากดปุ่มเปิดประตูรถยนต์ ก่อนเดินอ้อมตัวรถไปยังฝั่งที่ช้องนางนั่งอยู่ เขาเปิดประตูคุกเข่านั่งลงบนพื้น ประคองร่างช้องนางทางด้านหลัง
“กุ้ง ขอปืนพี่นะ” ช้องนางตัวสั่น หล่อนไม่กล้าลืมตามองและยังไม่ลดปืนลง เหนือเมฆเอื้อมมาจับมือเล็ก ค่อยๆ ดึงปืนออกจากมือหล่อน “พี่เหนือเองครับ ขอปืนพี่นะครับ”
“พี่เหนือ” ช้องนางหันมากอดคนตัวโตที่อยู่ด้านหลัง “มันตายไหมคะ มันเป็นไงบ้าง”
หล่อนถามโดยไม่คิดหันไปมอง ตอนนี้ช้องนางกลัว กลัวจนตัวสั่น
“มันยังไม่ตายครับ แต่ร่อแร่”
เดชดวงบอก เมื่อเปิดประตูรถฝั่งคนขับ จับตัวเสือหาญให้นั่ง แล้วเหมือนเดชดวงจะรู้หน้าที่ เขาโทรศัพท์บอกสารวัตรเดชาให้มาที่เกิดเหตุเพราะตอนนี้อีกฝ่ายอยู่ไม่ห่างจากที่นี่มากนัก และตามรถพยาบาลเป็นลำดับต่อไป
“พี่จะพาไปนั่งที่รถนะครับ” เหนือเมฆบอกคนขี้กลัว ก่อนอุ้มร่างหล่อนเดินไปยังรถกระบะ “รอพี่อยู่ที่นี่นะ ไม่มีใครทำอะไรกุ้งได้แล้ว พี่ขอเคลียร์เรื่องแปปนึงนะ”
“ค่ะพี่เหนือ” ช้องนางรู้สึกดีขึ้น อาการตกใจลดลง มองเหนือเมฆที่เดินไปยังรถตำรวจสองคันที่จอดต่อท้ายรถซุปเปอร์คาร์
เหนือเมฆใช้เวลาเคลียร์เรื่องกับสารวัตรเดชาราวยี่สิบนาทีก็เดินกลับมายังรถกระบะพร้อมเดชดวง เมื่อมาถึงรถก็พบว่า ช้องนางผลอยหลับ เหนือเมฆจึงจัดการอุ้มช้องนางแล้วสอดตัวเข้าไปนั่งแทนที่หล่อน ให้หล่อนนั่งตักเขา ใช้บ่าตนเป็นหมอนให้ช้องนางหนุนนอนไปตลอดทางจนกระทั่งถึงไร่เมฆา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โซ่รักใยพิศวาส