โซ่รักใยพิศวาส นิยาย บท 31

เจ็ดวันต่อมา กรุงเทพมหานคร

ราซิเอลโล่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตูห้องเช่าของเพชรหอมหลังจากเคาะประตูเป็นสัญญาณบอกเจ้าของห้อง ในมือเขาถือพวงมาลัยที่ใช้ไหว้พระมาด้วย เขาตั้งใจมอบให้หล่อนมากกว่าจะหาซื้อดอกไม้จากร้านขายดอกไม้ที่ดอกสวยๆ แพงๆ เพราะเขารู้สึกชอบพวงมาลัยแบบที่ตนถืออยู่

“อ่ะให้” ราซิเอลโล่ยื่นพวงมาลัยให้เพชรหอม หล่อนถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นพวงมาลัยไหว้พระ แล้วคิดว่าถึงเวลาเสียทีที่จะอธิบายให้เขาฟัง

“คุณรู้ไหมว่า ดอกไม้ที่คุณให้ฉัน คนไทยเอาไว้ไหว้พระ เอาไว้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือบูชา ไม่ใช่เอามาให้ฉัน”

“อ๋อเหรอ” เขาทำเสียงรับรู้ “ฉันบูชาเธอไว้ รักด้วยบูชาด้วย เพราะฉะนั้นให้ได้”

เพชรหอมระอากับความมึนของราซิเอลโล่ที่อธิบายให้ฟังก็แล้ว แต่ไม่คิดใส่ใจทำตาม

“คุณทำอย่างนั้นไม่ได้ ฉันไม่ใช่พระ ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณจะเอาพวงมาลัยมาให้ฉัน”

“ไม่เข้าใจ ทำไมไม่ได้ ก็เธอยังให้คุณอาเลย มันกลมๆ เหมือนกัน ฉันจำได้” เขาเถียงสู้

“นั่นเขาเรียกกันว่า มาลัยไหว้ผู้ใหญ่ ดอกไม้ที่ใช้ร้อยเป็นดอกมะลิหอม และดอกไม้ที่มีสีสัน อย่างเช่นดอกกุหลาบสีชมพู สีแดง สีขาว หรือบางพวงก็ใช้ดอกกล้วยไม้ การร้อยก็ต่างกับพวงมาลัยที่คุณซื้อมาให้ฉันด้วย” เพชรหอมอธิบายจนเหนื่อย “สรุปว่า คราวหน้าคุณอย่าซื้อพวงมาลัยแบบนี้มาให้ฉันก็พอ”

“แต่ฉันชอบแบบนี้นะ ฉันให้แบบนี้แหละ บูชาเมียไง” เขามึนและอึนต่อไป เพชรหอมถอนหายใจอีกรอบ มองหน้าเขาและส่ายหัวช้าๆ

“แล้วแต่คุณก็แล้วกัน อยากให้ก็ให้ ฉันไม่อยากพูดกับคุณแล้ว พูดไม่รู้เรื่อง”

“งั้นมาพูดเรื่องของเราดีกว่านะ วันนี้ฉันจะพาเธอกับลูกไปเที่ยว เอ...ไปเที่ยวสวนสนุกกันดีไหม ฉันหาข้อมูลในเน็ต ฉันจะพาลูกไปเที่ยวดรีมเวิร์ล”

“คุณจะพาลูกไปไหนไม่ได้ จนกว่าจะผ่านโปร”

“ผ่านโปรเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ ลืมเรื่องที่เราตกลงกันตอนที่คุณนอนโรงพยาบาลได้ไหม ถ้าจำได้ คุณก็ต้องทำตามที่ฉันสั่ง ถ้าคุณไม่อยากทำก็ได้นะ แต่คุณจะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ” เพชรหอมพูดอย่างเป็นต่อ

“ฉันไม่ลืมหรอก เธอจะให้ฉันทำอะไรว่ามาได้เลย ฉันทำได้หมด” เขาพูดอย่างมั่นใจ

“วันนี้วันพระ คนไทยมักไปทำบุญที่วัด งานคุณอยู่ที่นั่น” เพชรหอมบอก

“วัดเหรอ” เขาไม่เข้าใจสถานที่ที่หล่อนบอก แต่ก็ทำตามที่เพชรหอมต้องการ “ได้ ไม่มีปัญหา”

“รอพี่นายกับพี่ชุก่อน แล้วค่อยไปกัน”

ทั้งสองรอภมรกับชุติมาไม่กี่นาที สองสามีภรรยาก็เดินมาสมทบที่ห้องของเพชรหอม ทั้งหมดรวมถึงยศนัยพากันเดินทางไปยังวัดที่อยู่ในละแวกนั้น

ราซิเอลโล่มองดูผู้คนที่ทยอยเข้ามาในวัดเพื่อทำบุญไหว้พระด้วยความรู้สึกทึ่งในความศรัทธาของชาวพุทธ ใบหน้าของแต่ละคนที่เขาเห็นเอิบอิ่มสดใสไปด้วยบุญ แม้แต่เพชรหอม ใบหน้าหล่อนมีแต่รอยยิ้ม ยามที่มองมาที่เขา แววตาของหล่อนสวยงามมาก เป็นประกายดังเพชรบริสุทธิ์ ไร้ความขุ่นเคืองจิตใจ หล่อนยิ้มให้เขาบ่อยครั้ง จนเขาอยากให้อยู่ที่วัดนานๆ เพื่อที่ตนจะได้เห็นรอยยิ้มงดงามของเพชรหอม

เพชรหอมกับคณะที่มาร่วมทำบุญพากันเดินเข้าไปในศาลาเพื่อฟังเทศน์ฟังธรรม ซึ่งมีญาติโยมเข้ามาฟังเทศนาจำนวนหนึ่ง ระหว่างที่ญาติโยมทั้งหลายนั่งฟังพระเทศน์ ทุกคนต่างพนมมือไหว้ แต่จะมีเพียงคนเดียวที่นั่งหลับคอพับคออ่อน บุคคลนั้นคือราซิเอลโล่ เพชรหอมหันมาเห็นก็อดยิ้มไม่ได้ ขนาดคนไทยนั่งฟังเทศน์ฟังธรรมยังหลับ นับประสาอะไรกับคนต่างชาติที่แม้แต่ภาษายังฟังไม่เข้าใจจะหลับไม่ได้

“เอ้าคุณ กราบพระสิ” เพชรหอมหันมาบอกราซิเอลโล่ที่สะดุ้งตัวตื่น

“กราบยังไงล่ะ” หนุ่มต่างชาติที่เพิ่งเข้าวัดครั้งแรกถาม

“ก็อย่างพี่นายไง ดูสิ”

เพชรหอมชี้ไปทางภมรที่ก้มลงกราบพระ ราซิเอลโล่จึงทำตามบ้าง เขานั่งคุกเข่า นั่งบนขาของตัวเอง พนมมือแล้วก้มลงกราบ และการกราบของเขานี่เองที่สร้างรอยยิ้มให้คนที่พบเห็น เนื่องจากราซิเอลโล่ก้มลงกราบโดยยกก้นสูงขึ้น ทำให้ก้นเขากระดกขึ้นมา เดือดร้อนเพชรหอมที่ต้องสอนเขาให้กราบอย่างถูกต้อง แต่จะว่าไปจะต่อว่าราซิเอลโล่ก็ไม่ได้เนื่องจากเขาเป็นคนต่างชาติ เรื่องกราบพระจึงเป็นเรื่องไกลตัว หลังจากเดินออกศาลา ภมรกับชุติมากลับห้องพักก่อน โดยพายศนัยกลับไปด้วย แม้ว่าเด็กชายจะยังไม่อยากกลับเพราะอยากอยู่เล่นกับราซิเอลโล่ ทว่าแม่เพชรหอมไม่ยอม ใจแข็งไม่อ่อนกับลูก สุดท้ายเป็นราซิเอลโล่ที่บอกกับลูกชายว่า ให้ไปรอที่บ้าน อีกสักพักจะตามไป ยศนัยถึงยอม

“เธอจะให้ฉันทำอะไรว่ามาเลย ฉันจะได้กลับไปเล่นกับลูก”

“ตามมาสิ” เพชรหอมเดินนำไปยังด้านหลังศาลา พบกับมัคนายกวัดที่นั่งสูบยาเส้นอยู่บนแคร่ไม้ “คุณลุงคะ อุปกรณ์ทำความสะอาดห้องน้ำอยู่ไหนคะ”

“หนูถามทำไม” มัคนายกถามกลับ

“พอดีเพื่อนของหนูอยากทำบุญน่ะค่ะ เลยอยากทำความสะอาดห้องน้ำให้วัดค่ะ” เพชรหอมตอบ

“เพื่อนหนูคือพ่อหนุ่มคนนี้น่ะเหรอ”

“ใช่ค่ะ”

“ดีเลย ล้างห้องน้ำเสร็จ ลุงขอแรงเพื่อนของหนูไปตัดกิ่งไม้ทีสิ ลุงแก่แล้วทำไม่ไหว เด็กวัดที่นี่ก็ตัวกระเปี๊ยก ส่วนไอ้คนตัวโตๆ ก็ออกไปทำงานพิเศษกันหมด จะไว้วานใครก็ยาก กิ่งไม้มันไปเกี่ยวสายไฟ ลุงกลัวว่ามันจะช็อต ไฟไฟม้วัดขึ้นมา ถือว่าทำบุญนะหนูนะ” มัคนายกขอร้อง

“ได้สิคะ”

“แล้วหนูจะไม่ถามเพื่อนก่อนเหรอว่าเต็มใจทำหรือเปล่า ต้นไม่มันสูงนะ” มัคนายกวิตก

“เขายินดีทำค่ะ ทำเพื่อวัดนี่คะ ได้บุญเยอะเลย” เพชรหอมไม่ถาม เพราะหล่อนจะสั่งให้ราซิเอลโล่ทำ “หนูจะเอาอุปกรณ์ได้ที่ไหนคะ”

“อุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ในห้องนั้นน่ะ มีคนเอามาบริจาคให้เมื่อวานซืนลังเบ้อเริ่ม มีอะไรบ้างลุงก็ยังไม่ได้ดู หนูเอามาใช้ตามสบายเลยนะ” มัคนายกบอกด้วยความยินดี

“ค่ะลุง” เพชรหอมตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “คุณเอลโล่ คุณรอฉันอยู่ตรงนี้นะ ฉันไปเอาของก่อน”

“คุณลุงคะ มีบันไดหรือเปล่าคะ จะให้ปีนขึ้นไปเองหนูว่าต้องตกลงมาแน่ๆ” แม้ว่าหล่อนอยากแก้เผ็ดราซิเอลโล่ ทว่าเพชรหอมก็คำนึงถึงความปลอดภัยของเขาด้วย

“มีสิ ลุงให้เด็กวัดไปหยิบมาให้แล้ว เตรียมพร้าไว้ให้ด้วย” มัคนายกพูดยังไม่ทันขาดคำ เด็กวัดสามคนได้เดินมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่เขาพูด “บันได้กับพร้า แถมด้วยผ้าขาวม้าอีกหนึ่งผืน”

“เอาผ้าขาวม้ามาทำอะไรคะคุณลุง” เพชรหอมถาม

“เอามาพันเอวพ่อหนุ่มไง พันเสร็จก็เอาพร้าเหน็บไว้ เพราะคงไม่มีใครส่งพร้าให้พ่อหนุ่มหรอก” มัคนายกพูดถูก คงไม่มีใครกล้าขึ้นต้นไม้พร้อมกับราซิเอลโล่แน่นอน เมื่อบันไดพร้อม พร้าพร้อม คนก็พร้อม มัคนายกจึงพันผ้าขาวม้ารอบเอวมาเฟียเลือดร้อน ก่อนสอดพร้าเข้าไปข้างเอวใหญ่ “ขึ้นดีๆ นะ ลุงจะจับบันไดไว้ให้มันจะได้ไม่โยกไปโยกมา”

“คุณขึ้นดีๆ นะคะ เวลาเหยียบกิ่งไม้หากิ่งใหญ่ๆ นะคะ”

เพชรหอมบอกราซิเอลโล่ด้วยความเป็นห่วง เพราะหากเขาตกลงมาตัวกระแทกพื้นมีเจ็บตัวแน่นอน แล้วจะเป็นครั้งที่สองที่ราซิเอลโล่เจ็บตัวเพราะหล่อนเป็นต้นเหตุ

“เธอพูดแค่นี้ฉันก็มีแรงขึ้นไปตัดกิ่งไม้แล้ว ฉันขึ้นไปก่อนนะ”

ราซิเอลโล่ปีนบันไดลิงที่พาดระหว่างพื้นดินกับต้นไม้ทันทีที่พูดจบ เรื่องความสูงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา ทว่าเรื่องที่เป็นปัญหาคือ เขาตัดไม่เป็น แล้วไม่รู้ว่าจะต้องเหยียบกิ่งไม้ตรงไหน จุดใดถึงจะได้ไม่หล่นลงไปกระทบพื้น

ความสูงของต้นหูกวางต้นนี้สูงกว่าทุกต้นที่ปลูกในวัด พอเขาขึ้นมาอยู่บนบันไดขั้นบนสุดก็ต้องหากิ่งไม้เหยียบไปอีกสักสองเมตรถึงจะถึงกิ่งไม้ที่พาดสายไฟฟ้า อันที่จริงแล้วงานนี้ไม่ต้องลำบากมัคนายกวัดหรือเด็กวัด หรือราซิเอลโล่จัดการกิ่งไม้ แค่โทรศัพท์บอกการไฟฟ้าให้มาจัดการก็จบเรื่อง ความที่ไม่รู้ของมัคนายกทำให้ราซิเอลโล่ต้องปีนป่ายขึ้นไปตัดกิ่งไม้เอาบุญเอากุศล

พร้าในมือหนาฟันลงไปบนกิ่งไม้ที่พาดเสาไฟฟ้า จากกิ่งที่หนึ่ง ไปยังกิ่งที่สอง สามและสี่ตามมา ปัญหาก็คือกิ่งที่ห้าที่ต้องย้ายตัวไปเหยียบบนกิ่งไม้อีกกิ่งหนึ่งที่เล็กกว่ากิ่งไม้กิ่งที่เขาเหยียบอยู่ตอนนี้

“คุณเอลโล่ระวังนะคะ” เพชรหอมที่อยู่ด้านล่างตะโกนบอกราซิเอลโล่ด้วยความเป็นห่วง ความที่เขาตัวโต หล่อนกลัวว่ากิ่งไม้จะทานน้ำหนักเขาไม่ไหว

ราซิเอลโล่เหยียบไปบนกิ่งไม้ที่มั่นใจว่า มันจะไม่หักทำให้เขาต้องตกลงไปวัดพื้น จากนั้นก็ใช้พร้าในมือตัดกิ่งไม้ที่เหลือจนหมด จังหวะที่เขาก้าวถอยหลังเพื่อปีนลงไปยังบันได อุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อกิ่งไม้ที่ราซิเอลโล่เหยียบเกิดหัก ร่างเขาตกลงมาบนพื้น

“คุณเอลโล่ กรี๊ด!” เพชรหอมกรีดร้องด้วยความตกใจ ที่เห็นร่างราซิเอลโล่ล่วงหล่นลงมาบนพื้น เป็นความโชคดีของเขาที่ว่า มีกองทรายอยู่ใต้ต้นไม้พอดี กองทรายจึงเป็นที่รองรับร่างกายเขา แต่ก็ไม่ใช่ว่าราซิเอลโล่จะไม่เจ็บตัว “คุณเอลโล่เป็นยังไงบ้างคะ”

“อูย์เจ็บ” ราซิเอลโล่ไม่ตอบ ได้แต่ร้องเจ็บ

“ไหนลุงดูสิ แข้งขาหักหรือเปล่า” มัคนายกก้าวเท้ามานั่งลงข้างร่างคนตกต้นไม้ “เท้าน่าจะแพลงนะเนี่ย”

“ไปหาหมอนะคะคุณเอลโล่ เพ้นท์จะพาคุณไปเอง” เพชรหอมพูดเสียงสั่น ความเป็นห่วงเขามากมายนัก

“ลุงจะให้ไอ้จ้อยไปเรียกแท็กซี่ให้เข้ามาในนี้นะ อุ้มพ่อหนุ่มคนนี้ออกไปนอกวัดไม่ไหวแน่”

มัคนายกบอก ก่อนหันไปบอกจ้อยให้ออกไปตามรถแท็กซี่ มัคนายกกับเพชรหอมพยุงตัวราซิเอลโล่ให้ลุกขึ้นนั่ง มาเฟียหนุ่มจับข้อเท้าของตัวเองที่เวลานี้ค่อนข้างบวม สีหน้าเขาบอกถึงความเจ็บปวด เมื่อรถแท็กซี่มา ทั้งสองช่วยกันประคองราซิเอลโล่ขึ้นไปนั่งในรถแท็กซี่ อีกไม่กี่อึดใจต่อมาโชเฟอร์ก็นำพาร่างคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โซ่รักใยพิศวาส