“จริงเหรอ ไอ้ต้าร์มันทำกับแกขนาดนี้เลยเหรอ” เพชรหอมถามด้วยน้ำเสียงตกใจหลังจากได้ยินเรื่องราว หล่อนไม่คิดว่าไกรศรจะกล้าทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าไม่ได้พี่เหนือมาช่วย ป่านนี้ฉันคงแย่ ป่านนี้คงคิดฆ่าตัวตายอยู่”
“แล้วแกจะแจ้งตำรวจหรือเปล่า”
“ไม่อ่ะ ฉันไม่อยากยุ่งกับมันอีก อีกอย่างนะ ป่านนี้มันสองตัวคงหนีไปไหนต่อไหนแล้ว”
“แกจะปล่อยให้มันสองตัวลอยนวลเหรอ เดี๋ยวมันก็ได้ใจหรอก” เพชรหอมแค้นแทนเพื่อน “ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะเอาตำรวจไปลากคอมันเข้าคุก”
“ช่างมันเถอะ ฉันถือว่าฉันรอดปลอดภัย ฉันไม่อยากสาวความยาวกับมัน หน้ามันฉันก็ไม่อยากเห็น” ทั้งแววตาและน้ำเสียงของช้องนาง แสดงถึงความรู้สึกชิงชัง รังเกียจไกรศรอย่างชัดเจน “แปลกนะแก จากที่ฉันรักมัน ฉันกลับเกลียดมันเข้ากระดูกดำ ไม่เสียใจสักนิดที่ไม่ได้คบกับมันต่อ ฉันกลับดีใจด้วยซ้ำที่รู้สันดานมันก่อน ถ้าเผื่อในอนาคตแต่งงานกับมันไปแล้วมันออกลายให้เห็น ฉันคงชีช้ำหนักมาก”
“เออมันก็จริงของแก” เพชรหอมเห็นด้วย “ไอ้ต้าร์ท่าทางมันก็ดีนะ คบกันมาสองปีไม่เคยเผยธาตุแท้ให้เห็น อยากรู้นักเชียวว่าไปติดหนี้อะไรไว้ถึงได้ทำอย่างนี้”
“อย่าไปรู้เลย ฉันไม่สนใจมันแล้ว” ช้องนางตัดบท
“แกโอเคไหมกุ้ง” เพชรหอมถามด้วยความเป็นห่วง
“โอเคสิ โอเคมากๆ อย่างที่บอกฉันไม่เสียใจเลย แต่ก็ยอมรับความเสียความรู้สึก ฉันไว้ใจมันในฐานะคนรัก แต่สิ่งที่มันทำกับฉัน ทำให้ฉันคิดว่า มันรักตัวเอง สนใจแต่ตัวเอง คนแบบนี้ไม่สมควรมีคนรัก น่าจะอยู่กับตัวเองคนเดียว”
“ใครได้เป็นผัว ซวยตาย”
“เลิกพูดเรื่องมันดีกว่า ฉันกับมันจบกันไปแล้ว มาพูดเรื่องแกดีกว่า ชุดที่ฉันให้ไปอย่าลืมใส่นะ แกใส่คงสวยกว่าฉันใส่” ช้องนางเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะไม่อยากเอ่ยถึงไกรศรอีก
“ใส่อยู่แล้ว ของฟรีทำไมจะไม่ใส่ ยิ่งแพงๆ ด้วย ไม่ใส่ก็บ้าแล้ว”
“ดีแล้วย่ะ ถ้าไม่ติดนมฉันล่ะก็ แกไม่ได้ใส่หรอก”
“ย่ะแม่นมใหญ่ ฉันนมมาตรฐานย่ะ ไม่ใหญ่ไม่เล็กกำลังน่าบีบน่าจับ ไม่ล้นมืออย่างแกหรอก” เพชรหอมพูดอย่างหมั่นไส้คนนมใหญ่
“ไปกินข้าวกันดีกว่า หิวแล้ว”
“เออจริงด้วย มัวแต่คุยกับแกจนลืมกินข้าว กินเวลาพักไปยี่สิบนาทีแล้วนะเนี่ย”
เพชรหอมรีบลุกขึ้นยืน ช้องนางลุกขึ้นตาม ก่อนที่สองเพื่อนรักจะพากันไปยังห้องอาหารพนักงาน เพื่อทานอาหาร
22.20 น.
ช้องนางเดินออกมาจากทางเข้าออกพนักงานพร้อมเพื่อนร่วมงานเพื่อกลับบ้านตามปกติ ระหว่างที่กำลังเดินไปยังถนนด้านข้างโรงแรม หล่อนก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเหนือเมฆยืนพิงรถเวลป้าสีเขียว นึกเหตุผลไม่ออกที่เห็นเขาที่นี่ เหนือเมฆฉีกยิ้มกว้างรีบเดินมาหาหล่อน
“พี่เหนือมาทำอะไรที่นี่คะ” ช้องนางถาม เพื่อนที่เดินมาด้วยปลีกตัวเดินหาสามีที่มารับ
“มารับกุ้งไง”
“มารับกุ้ง มารับทำไมคะ” ช้องนางงง ทำหน้าตาเหมือนกับความรู้สึก
เหนือเมฆหันมาบอกคนซ้อนท้ายที่ยิ้มเขิน ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่เคยยั่งมอเตอร์ไซร์ หล่อนเคยนั่งหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดที่ทำให้หัวใจหล่อนเต้นแรงได้เท่าครั้งนี้เลย มือเล็กค่อยๆ เลื่อนมาจับเอวหนาไว้ แล้วช้องนางก็ต้องตกใจ เมื่อเขาจับมือทั้งสองข้างของหล่อน จากนั้นก็ดึงให้หล่อนอยู่ในท่าโอบเอวตน
“กอดเอวพี่ดีกว่านะ จะได้ไม่ตก เพราะรถมันแรง”
ช้องนางไม่ได้ดึงแขนออกห่างเอวเขา หล่อนยอมทำตามที่เขาบอก โอบเอวหนาไว้แน่นราวกับว่า กลัวตัวเองจะตกลงไปบนพื้นเพราะความแรงของรถเวสป้า ทว่าความเร็วที่เหนือเมฆขับไปบนท้องถนนคือ สามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง เขากำลังประวิงเวลาให้อยู่กับช้องนางให้นานที่สุด กว่าเขาจะพาหล่อนไปถึงบ้านก็ใช้เวลาหนึ่งชั่วสิบห้านาที ทั้งที่น่าจะทำเวลาได้เร็วกว่านี้
วันเสาร์
เครื่องบินโบอิ้งลำใหญ่แล่นลงจอดบนรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ประตูบานใหญ่ที่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ผู้โดยสารที่เดินทางจากกรุงโรม ประเทศอิตาลีต่างทยอยลงมาจากเครื่องบิน เช่นเดียวกันกับนานโอ ราซิเอลโล่และคณะเดินทางที่นั่งอยู่ในชั้นธุรกิจ (business class) ที่ต่างเตรียมตัวลงจากเครื่องบิน แต่จะมีเพียงราซิเอลโล่ที่นั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ราวกับว่าจิตใจเขาลอยออกจากตัว
“เอลโล่ เอลโล่” นานโอเรียกชื่อหลานรักซ้ำสองครั้ง เจ้าของชื่อถึงจะหันมามองเขา “เหม่อไปถึงไหน ถึงแล้วนะ คนอื่นเขาเตรียมตัวลงเครื่องกันหมดแล้ว เหลือแกคนเดียวนี่แหละ”
“อ๋อครับ”
“ใจลอยไปไหนเนี่ย ฉันสังเกตเห็นตั้งแต่แกขึ้นเครื่องแล้ว ถามคำตอบคำ เหมือนใจไม่อยู่กับตัว” คุณอาช่างจับผิดเอ่ยถาม “คิดถึงสาวคนไหนอยู่ล่ะ”
“ไม่ได้คิดถึงใครครับ ระดับผมผู้หญิงต้องคิดถึงมากกว่า” คนเป็นหลานแก้ตัว ทั้งที่นานโอเดาถูกเผ็ง เขากำลังคิดถึงสตรีคนหนึ่งอยู่ สตรีที่เข้ามาในชีวิตเขาเพราะคำว่ารัก ทว่าหล่อนจากไปด้วยคำว่าไม่สนใจใยดีที่เขามีให้ “ไปกันเถอะครับ”
ราซิเอลโล่ไม่รอให้นานโอซักต่อ เขารีบรุดเดินลงไปยังชั้นล่างของเครื่องบิน โดยไม่สนใจนานโอที่มองตามตนไปราวกับว่ากำลังสังเกตพฤติกรรมอยู่เงียบๆ
วินาทีแรกที่เท้าของราซิเอลโล่แตะลงบนแผ่นดินไทย หัวใจเขาเต้นแปลกๆ ผิดจังหวะชอบกล มันเต้นเร็วแรงราวกับว่าตนเองตื่นเต้น เป็นความตื่นเต้นที่เขาเองก็มิทราบว่าด้วยเรื่องอะไร เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยมีใครหรือสิ่งใดทำให้ราซิเอลโล่เกิดความตื่นเต้นได้เท่าครั้งนี้ และเป็นความรู้สึกที่ไม่รู้ว่า มีสาเหตุมาจากใด ราซิเอลโล่แปลกใจกับความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ ค้นหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โซ่รักใยพิศวาส