ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่) นิยาย บท 25

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...

วรันยาได้ไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ โดยจอมทะลึ่งทำหน้าที่เป็นไกด์ที่น่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งพาไปสำรวจสถาบันที่ต้องเข้าเรียนต่อ พาไปทานของอร่อยๆ ตามร้านดังๆ ที่ขึ้นชื่อ กระทั่งคาร่าเดินทางมาถึงอังกฤษพร้อมกับภัคคินัย เขาก็พาเธอและเพื่อนสาวไปส่งที่หอพักในมหาลัย จากนั้นก็ต้องเดินทางกลับไทยพร้อมกับภัคคินัย เพื่อไปดูแลกิจการที่ได้รับมอบหมายต่อ

หอพักนักศึกษาหญิงปีหนึ่ง...วรันยามองรถหรูของสองหนุ่มที่แล่นออกไปผ่านหน้าต่างของห้องพัก ก็เห็นนักศึกษาสาวๆ ที่ยืนและนั่งอยู่บริเวณหน้าหอพักพากันมองตามสองหนุ่มด้วยสายตาละห้อย

“ไวน์!” คาร่าเอ่ยเรียกคนที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ตรงหน้าต่าง

“มีอะไรเหรอ?” วรันยาเดินกลับมานั่งลงที่บนเตียงของตัวเอง

“พี่คินพาไปเที่ยวไหนมาบ้าง” คนที่สังเกตเห็นอาการที่แปลกไปของ เพื่อนสาว เริ่มยิงคำถาม

“อืม...ก็หลายที่นะ พาไปซื้อหนังสือที่ต้องใช้เรียนมาด้วย” วรันยาบอกพร้อมกับเปิดกล่องใส่หนังสือใบใหญ่ออกให้เพื่อนดู

“แล้วอยู่ด้วยกันตั้งเจ็ดวัน พี่คินทำอะไรเธอหรือเปล่า?”

“บ้า! ไม่ได้ทำ” วรันยามองค้อนเพื่อนสาวที่ถามคำถามซึ่งเธอเองก็แอบกลัวว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่! และนั่นทำให้เธอได้สัมผัสกับภาคินในเวอร์ชันที่อบอุ่น แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังกอดและหอมแก้มของบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ล่วงเกินอย่างอื่นไปมากกว่านั้น

“จริงอะ?” คาร่าเอ่ยเย้า

“จริง! ว่าแต่เธอเถอะไปทำอะไรถึงมาช้า?” วรันยารีบเปลี่ยนเรื่องคุย

“ก็พ่อเราน่ะสิ! ลากไปเที่ยวที่เกาะส่วนตัวของพี่นัย” คาร่าบอกด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

“สวยไหม?” วรันยาบอกอย่างรู้สึกอิจฉา เพราะเธอยังไม่เคยได้ไปเที่ยวจะมีก็แต่บิดาที่ไปดูงานมาแล้วหลายครั้ง

“สวยมาก แล้วก็สะดวกสบายเหมือนยกเอาความหรูหราไปตั้งไว้ที่บนเกาะ” คาร่าบอกอย่างรู้สึกทึ่งกับความร่ำรวยของตระกูลซานเตียนโน่

“พี่นัยชอบทะเลมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ได้ไปคุมกิจการอยู่ทางใต้ คงจะมีความสุขน่าดู” วรันยาบอกยิ้มๆ

“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ว่าแต่...ขอดูหนังสือที่พี่คินซื้อให้หน่อยได้ไหม” คาร่าเปลี่ยนเรื่องคุย พร้อมกับหยิบหนังสือเล่มหนาๆ มาเปิดอ่านดูคร่าวๆ

“ได้สิ! อยากอ่านเล่มไหนเธอหยิบไปได้เลย”

“แม่เจ้า! ถ้าอ่านหมดนี่แล้วได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหมือนพี่คินกับพี่นัย ฉันจะเริ่มอ่านมันตั้งแต่คืนนี้เลย” คาร่าบอกด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

“คิกๆๆ งั้นเริ่มอ่านกันเลยไหมล่ะ” วรันยาเอ่ยชวน

“ขอไปหาข้าวกิน แล้วค่อยเริ่มได้ไหม?” คาร่าต่อรอง

“ได้สิ” วรันยาลุกไปหยิบกระเป๋า แล้วเดินไปโรงอาหารกับเพื่อนสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และตื่นเต้นกับการใช้ชีวิตในรั้วมหาลัย. ที่มีเพื่อนๆ หลากหลายประเทศเดินทางมาเล่าเรียน

ด้านภาคินกับภัคคินัยที่ส่งสองสาวเข้าหอพักเสร็จ ก็ขับรถตรงดิ่งไปยังสนามบิน และนั่งเครื่องบินกลับประเทศไทยทันที

“อะไรวะทำหน้าอย่างกับหมาเหงา” ภัคคินัยเอ่ยแซวเมื่อเห็นแฝดผู้พี่ออกอาการเหม่อลอย

“ยุ่งน่า” ภาคินหันไปมองค้อน ก่อนจะเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกเซ็งๆ เพราะ7 วันที่ผ่านมา มันเป็น 7 วันที่โคตรจะทรมาน กล้องวงจรปิดที่บิดาแอบซ่อนเอาไว้ตามมุมต่างๆ ที่ตนนับได้คร่าวๆ มีเกินยี่สิบตัว พอจะพาสาวเจ้าออกไปสวีทที่ข้างนอกก็ถูกบอดี้การ์ตามสอดส่องอยู่เงียบๆ แม้จะไม่ได้แสดงตัวโจ่งแจ้ง แต่เขาก็เห็น!

แถมบิดายังโทรมาขู่สำทับอีกว่า...หากเขาล่วงเกินวรันยาเมื่อไหร่ จะถูกย้ายไปรับช่วงกิจการทางใต้แทนแฝดผู้น้องทันที และนั่นทำให้เขาเครียดจนแทบจะเอา เท้าก่ายหน้าผากนอน ห้องก็อยู่ติดกัน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาได้อาทิตย์กว่า แต่ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยสักนิด

“หึๆ เอาน่าอีกเดี๋ยวก็สามปีแล้ว” ภัคคินัยปลอบใจ

“เฮ้อ...มึงพูดอย่างกับว่าอีกสามวันข้างหน้าจะครบสามปีแล้วอย่างงั้นแหละ” คนที่เอาแต่คิดไปสารพัดถอนหายใจอย่างรู้สึกเครียด เพราะเมื่อวานตอนที่พาวรันยาไปเที่ยว มีแต่หนุ่มๆ หันมามองกันเป็นแถว และนั่นทำให้เขานอนไม่หลับเลยทั้งคืน

“น้องไวน์น่ะ ไม่นอกลู่นอกทางหรอก ไม่ต้องห่วง” ภัคคินัยบอกคนที่เหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวให้หนักแน่น

“ก็หวังให้เป็นอย่างนั้น” ภาคินบอกพลางหยิบแก้วบรั่นดีขึ้นมาจิบ คลายเครียด

“แหม...มึงจ้างคนตามดูน้องไวน์เอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะมาดราม่าอีก”ภัคคินัยส่ายหน้าอย่างรู้สึกรำคาญนิดๆ

“ใครบอกมึง?” ภาคินหันไปถามอย่างตกใจ

“กูรู้ก็แล้วกัน”

ชุติมายกมือขึ้นเคาะที่ประตูห้องประธานใหญ่สองครั้ง ก่อนจะเปิดประตู เข้าไป “กาแฟมาแล้วค่ะบอส”

“ขอบคุณครับ” ภาคินละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊ก แล้วส่งยิ้มหวานไปให้เลขาใหญ่วัยสี่สิบ

“วันนี้ตอนสิบโมงครึ่งบอสมีนัดคุยงานกับนักออกแบบค่ะ ส่วนตอนบ่ายสองมีประชุมงานกับหัวหน้าของแผนกต่างๆ” ชุติมารายงานกำหนดการของวัน

“แล้วพรุ่งนี้มีงานสำคัญอะไรอีกไหมครับ?”

“ไม่มีค่ะ บอสอิสระได้ทั้งอาทิตย์เลย จะมีอีกทีก็วันอังคารหน้าค่ะ ตอนที่สรุปรายละเอียดที่บอสจะให้ออกแบบตกแต่งห้องพัก”

“โอเคครับ! ช่วงนี้ผมต้องเข้าไปเรียนรู้งานในไร่ต่อ หากมีงานด่วนหรืออะไรคุณแจงโทรติดต่อผมได้ตลอดเลยนะครับ” ภาคินบอกยิ้มๆ เพราะงานที่โรงแรมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่งานที่ไร่ไปรยาเวศจะต้องปรับเปลี่ยนและศึกษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกอย่างเดินไปตามยุคสมัย ซึ่งเขาก็คิดว่าจะรวมกลุ่มกับเจ้าของไร่อื่นๆพัฒนาการผลผลิตและส่งออกไปขายในตลาดที่ใหญ่กว่าเดิม

“ค่ะบอส” ชุติมาพยักหน้ารับ ก่อนจะส่งแฟ้มรายละเอียดของงานไปให้เจ้านายหนุ่มที่คุมกิจการสองแห่งไปพร้อมกันดู

หลังจากที่คุยงานเสร็จชุติมาก็เดินกลับออกมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองได้เพียงครู่ ผู้ช่วยเลขาสาวก็เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะตึงเครียดนิดๆ

“คุณแจงคะ ต่อไปนี้ณีขอเป็นคนชงกาแฟให้กับบอสเองได้ไหมคะ” เสาวณีกัดฟันเอ่ยขอเพราะอยากจะขยับความสัมพันธ์กับภาคิน

“เอ่อ...แล้วเอกสารที่แจงให้เตรียมเสร็จหรือยังคะ?” ชุติมาย้อนถามผู้ช่วยเลขาวีไอพีที่เป็นเด็กเส้นของธรรมนัส ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ยะ...ยังค่ะ” เสาวณีหน้าตึงขึ้นมาทันใด หลังถูกถามถึงงานที่ได้รับมอบหมาย

“แจงว่าคุณณีทำงานของตัวเองเถอะค่ะ หน้าที่ชงกาแฟแจงจะจัดการเอง เพราะต้องรายงานความเคลื่อนไหวต่างๆ ให้คุณภาคินฟังในช่วงเช้าอยู่แล้ว” ชุติมามองเจตนาของผู้ช่วยเลขาสาวออกว่ารู้สึกยังไงกับเจ้านายสุดหล่อ แถมคุณกังศมายังแอบกระซิบขอให้เธอจับตามองพฤติกรรมของเสาวณีเป็นพิเศษ และกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใกล้หลานชาย

“ค่ะ” เสาวณีรู้สึกชาที่ใบหน้าอย่างบอกไม่ถูก จากตอนแรกที่กลั้นใจเอ่ยถามออกไปเธอคิดมันว่าน่าอายแล้ว แต่ตอนที่ได้ฟังคำตอบกลับน่าอายกว่า

“อ้อ! เอกสารต้องเรียบร้อยก่อนสิบโมงนะคะ” เสาวณีกำชับอีกครั้ง

“ได้ค่ะ” เสาวณียิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะรีบเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วจัดการงานที่ทำค้างเอาไว้ต่อ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)