หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...
วรันยาได้ไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ โดยจอมทะลึ่งทำหน้าที่เป็นไกด์ที่น่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งพาไปสำรวจสถาบันที่ต้องเข้าเรียนต่อ พาไปทานของอร่อยๆ ตามร้านดังๆ ที่ขึ้นชื่อ กระทั่งคาร่าเดินทางมาถึงอังกฤษพร้อมกับภัคคินัย เขาก็พาเธอและเพื่อนสาวไปส่งที่หอพักในมหาลัย จากนั้นก็ต้องเดินทางกลับไทยพร้อมกับภัคคินัย เพื่อไปดูแลกิจการที่ได้รับมอบหมายต่อ
หอพักนักศึกษาหญิงปีหนึ่ง...วรันยามองรถหรูของสองหนุ่มที่แล่นออกไปผ่านหน้าต่างของห้องพัก ก็เห็นนักศึกษาสาวๆ ที่ยืนและนั่งอยู่บริเวณหน้าหอพักพากันมองตามสองหนุ่มด้วยสายตาละห้อย
“ไวน์!” คาร่าเอ่ยเรียกคนที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ตรงหน้าต่าง
“มีอะไรเหรอ?” วรันยาเดินกลับมานั่งลงที่บนเตียงของตัวเอง
“พี่คินพาไปเที่ยวไหนมาบ้าง” คนที่สังเกตเห็นอาการที่แปลกไปของ เพื่อนสาว เริ่มยิงคำถาม
“อืม...ก็หลายที่นะ พาไปซื้อหนังสือที่ต้องใช้เรียนมาด้วย” วรันยาบอกพร้อมกับเปิดกล่องใส่หนังสือใบใหญ่ออกให้เพื่อนดู
“แล้วอยู่ด้วยกันตั้งเจ็ดวัน พี่คินทำอะไรเธอหรือเปล่า?”
“บ้า! ไม่ได้ทำ” วรันยามองค้อนเพื่อนสาวที่ถามคำถามซึ่งเธอเองก็แอบกลัวว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่! และนั่นทำให้เธอได้สัมผัสกับภาคินในเวอร์ชันที่อบอุ่น แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังกอดและหอมแก้มของบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ล่วงเกินอย่างอื่นไปมากกว่านั้น
“จริงอะ?” คาร่าเอ่ยเย้า
“จริง! ว่าแต่เธอเถอะไปทำอะไรถึงมาช้า?” วรันยารีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“ก็พ่อเราน่ะสิ! ลากไปเที่ยวที่เกาะส่วนตัวของพี่นัย” คาร่าบอกด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“สวยไหม?” วรันยาบอกอย่างรู้สึกอิจฉา เพราะเธอยังไม่เคยได้ไปเที่ยวจะมีก็แต่บิดาที่ไปดูงานมาแล้วหลายครั้ง
“สวยมาก แล้วก็สะดวกสบายเหมือนยกเอาความหรูหราไปตั้งไว้ที่บนเกาะ” คาร่าบอกอย่างรู้สึกทึ่งกับความร่ำรวยของตระกูลซานเตียนโน่
“พี่นัยชอบทะเลมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ได้ไปคุมกิจการอยู่ทางใต้ คงจะมีความสุขน่าดู” วรันยาบอกยิ้มๆ
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ว่าแต่...ขอดูหนังสือที่พี่คินซื้อให้หน่อยได้ไหม” คาร่าเปลี่ยนเรื่องคุย พร้อมกับหยิบหนังสือเล่มหนาๆ มาเปิดอ่านดูคร่าวๆ
“ได้สิ! อยากอ่านเล่มไหนเธอหยิบไปได้เลย”
“แม่เจ้า! ถ้าอ่านหมดนี่แล้วได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหมือนพี่คินกับพี่นัย ฉันจะเริ่มอ่านมันตั้งแต่คืนนี้เลย” คาร่าบอกด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
“คิกๆๆ งั้นเริ่มอ่านกันเลยไหมล่ะ” วรันยาเอ่ยชวน
“ขอไปหาข้าวกิน แล้วค่อยเริ่มได้ไหม?” คาร่าต่อรอง
“ได้สิ” วรันยาลุกไปหยิบกระเป๋า แล้วเดินไปโรงอาหารกับเพื่อนสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และตื่นเต้นกับการใช้ชีวิตในรั้วมหาลัย. ที่มีเพื่อนๆ หลากหลายประเทศเดินทางมาเล่าเรียน
ด้านภาคินกับภัคคินัยที่ส่งสองสาวเข้าหอพักเสร็จ ก็ขับรถตรงดิ่งไปยังสนามบิน และนั่งเครื่องบินกลับประเทศไทยทันที
“อะไรวะทำหน้าอย่างกับหมาเหงา” ภัคคินัยเอ่ยแซวเมื่อเห็นแฝดผู้พี่ออกอาการเหม่อลอย
“ยุ่งน่า” ภาคินหันไปมองค้อน ก่อนจะเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกเซ็งๆ เพราะ7 วันที่ผ่านมา มันเป็น 7 วันที่โคตรจะทรมาน กล้องวงจรปิดที่บิดาแอบซ่อนเอาไว้ตามมุมต่างๆ ที่ตนนับได้คร่าวๆ มีเกินยี่สิบตัว พอจะพาสาวเจ้าออกไปสวีทที่ข้างนอกก็ถูกบอดี้การ์ตามสอดส่องอยู่เงียบๆ แม้จะไม่ได้แสดงตัวโจ่งแจ้ง แต่เขาก็เห็น!
แถมบิดายังโทรมาขู่สำทับอีกว่า...หากเขาล่วงเกินวรันยาเมื่อไหร่ จะถูกย้ายไปรับช่วงกิจการทางใต้แทนแฝดผู้น้องทันที และนั่นทำให้เขาเครียดจนแทบจะเอา เท้าก่ายหน้าผากนอน ห้องก็อยู่ติดกัน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาได้อาทิตย์กว่า แต่ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยสักนิด
“หึๆ เอาน่าอีกเดี๋ยวก็สามปีแล้ว” ภัคคินัยปลอบใจ
“เฮ้อ...มึงพูดอย่างกับว่าอีกสามวันข้างหน้าจะครบสามปีแล้วอย่างงั้นแหละ” คนที่เอาแต่คิดไปสารพัดถอนหายใจอย่างรู้สึกเครียด เพราะเมื่อวานตอนที่พาวรันยาไปเที่ยว มีแต่หนุ่มๆ หันมามองกันเป็นแถว และนั่นทำให้เขานอนไม่หลับเลยทั้งคืน
“น้องไวน์น่ะ ไม่นอกลู่นอกทางหรอก ไม่ต้องห่วง” ภัคคินัยบอกคนที่เหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวให้หนักแน่น
“ก็หวังให้เป็นอย่างนั้น” ภาคินบอกพลางหยิบแก้วบรั่นดีขึ้นมาจิบ คลายเครียด
“แหม...มึงจ้างคนตามดูน้องไวน์เอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะมาดราม่าอีก”ภัคคินัยส่ายหน้าอย่างรู้สึกรำคาญนิดๆ
“ใครบอกมึง?” ภาคินหันไปถามอย่างตกใจ
“กูรู้ก็แล้วกัน”
ชุติมายกมือขึ้นเคาะที่ประตูห้องประธานใหญ่สองครั้ง ก่อนจะเปิดประตู เข้าไป “กาแฟมาแล้วค่ะบอส”
“ขอบคุณครับ” ภาคินละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊ก แล้วส่งยิ้มหวานไปให้เลขาใหญ่วัยสี่สิบ
“วันนี้ตอนสิบโมงครึ่งบอสมีนัดคุยงานกับนักออกแบบค่ะ ส่วนตอนบ่ายสองมีประชุมงานกับหัวหน้าของแผนกต่างๆ” ชุติมารายงานกำหนดการของวัน
“แล้วพรุ่งนี้มีงานสำคัญอะไรอีกไหมครับ?”
“ไม่มีค่ะ บอสอิสระได้ทั้งอาทิตย์เลย จะมีอีกทีก็วันอังคารหน้าค่ะ ตอนที่สรุปรายละเอียดที่บอสจะให้ออกแบบตกแต่งห้องพัก”
“โอเคครับ! ช่วงนี้ผมต้องเข้าไปเรียนรู้งานในไร่ต่อ หากมีงานด่วนหรืออะไรคุณแจงโทรติดต่อผมได้ตลอดเลยนะครับ” ภาคินบอกยิ้มๆ เพราะงานที่โรงแรมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่งานที่ไร่ไปรยาเวศจะต้องปรับเปลี่ยนและศึกษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกอย่างเดินไปตามยุคสมัย ซึ่งเขาก็คิดว่าจะรวมกลุ่มกับเจ้าของไร่อื่นๆพัฒนาการผลผลิตและส่งออกไปขายในตลาดที่ใหญ่กว่าเดิม
“ค่ะบอส” ชุติมาพยักหน้ารับ ก่อนจะส่งแฟ้มรายละเอียดของงานไปให้เจ้านายหนุ่มที่คุมกิจการสองแห่งไปพร้อมกันดู
หลังจากที่คุยงานเสร็จชุติมาก็เดินกลับออกมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองได้เพียงครู่ ผู้ช่วยเลขาสาวก็เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะตึงเครียดนิดๆ
“คุณแจงคะ ต่อไปนี้ณีขอเป็นคนชงกาแฟให้กับบอสเองได้ไหมคะ” เสาวณีกัดฟันเอ่ยขอเพราะอยากจะขยับความสัมพันธ์กับภาคิน
“เอ่อ...แล้วเอกสารที่แจงให้เตรียมเสร็จหรือยังคะ?” ชุติมาย้อนถามผู้ช่วยเลขาวีไอพีที่เป็นเด็กเส้นของธรรมนัส ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ยะ...ยังค่ะ” เสาวณีหน้าตึงขึ้นมาทันใด หลังถูกถามถึงงานที่ได้รับมอบหมาย
“แจงว่าคุณณีทำงานของตัวเองเถอะค่ะ หน้าที่ชงกาแฟแจงจะจัดการเอง เพราะต้องรายงานความเคลื่อนไหวต่างๆ ให้คุณภาคินฟังในช่วงเช้าอยู่แล้ว” ชุติมามองเจตนาของผู้ช่วยเลขาสาวออกว่ารู้สึกยังไงกับเจ้านายสุดหล่อ แถมคุณกังศมายังแอบกระซิบขอให้เธอจับตามองพฤติกรรมของเสาวณีเป็นพิเศษ และกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใกล้หลานชาย
“ค่ะ” เสาวณีรู้สึกชาที่ใบหน้าอย่างบอกไม่ถูก จากตอนแรกที่กลั้นใจเอ่ยถามออกไปเธอคิดมันว่าน่าอายแล้ว แต่ตอนที่ได้ฟังคำตอบกลับน่าอายกว่า
“อ้อ! เอกสารต้องเรียบร้อยก่อนสิบโมงนะคะ” เสาวณีกำชับอีกครั้ง
“ได้ค่ะ” เสาวณียิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะรีบเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วจัดการงานที่ทำค้างเอาไว้ต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)