“อร่อยจังเลยค่ะ” ฉันกล่าว “รสชาติฝีมือคุณเหมือนฝีมือแม่ฉันมากเลยค่ะ”
“ถ้าคุณชอบ เวลาหิวขึ้นมาก็บอกผมได้ ผมทำให้กินได้ตลอด”
“จริงเหรอคะ?” ฉันกัดคำโตๆ จนเกือบสำลัก
เขาตบหลังฉัน “ค่อยๆ กิน งั้นพวกเราไปกินบนโต๊ะกัน อย่ามากินหน้าห้องน้ำเลย”
“ค่ะ” ฉันอมขนมชิ้นโตแล้วพูดเสียงที่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ออกมา
เมื่อฉันเงยหน้าแล้วเตรียมจะเดินก็เห็นเซียวซือยืนจ้องฉันด้วยความอึ้ง เธอคงคิดว่าตัวเองเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น และระหว่างฉันกับฉินกวนก็ดูชิดใกล้กันมาก เมื่อกี้เขายังช่วยฉันตบหลังด้วย
ฉันกำลังสรรหาถ้อยคำที่จะอธิบายกับเซียวซือว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เธอเห็น ทว่าตอนนี้ก็บอกความสัมพันธ์ของฉินกวนกับแม่ฉันไม่ได้ เพราะยังไม่ได้พิสูจน์ ฉันจึงไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าแม่ฉันมั่วด้านความรัก
สรุปก็คือระหว่างที่ฉันกำลังครุ่นคิด เธอก็หมุนกายจากไปแล้ว
ตอนที่ฉันกลับไปนั่งบนโต๊ะ เธอก็ใช้สายตาเหลือเชื่อมองฉัน และเมื่อฉันหันไปมอง เธอก็รีบมองทางอื่นทันที
แบบนี้ก็กระอักกระอ่วนแล้วละ
เฉียวอี้เห็นกล่องข้าวในมือฉันก็แย่งไปเสียดื้อๆ “อุ๊ย! ขนมไม้วอร์มวูด” เธอหยิบเข้าปากโดยพลัน “ได้มาจากไหน?”
ฉันไม่รู้ว่าควรอธิบายต่อหน้าคนมากมายเช่นไร
ฉินกวนกลับพูดอย่างเปิดเผยว่า “ครั้งก่อนได้ยินว่าเซียวเซิงชอบกินอันนี้ ก่อนมาผมเลยทำมาฝากเธอ”
“อร่อยๆๆ” เฉียวอี้พยักหน้าหงึกๆ “ทำไมมีแค่สี่ชิ้นล่ะ ยังไม่พอยัดซอกฟันเลย”
“ไม่ต้องกินแล้ว เดี๋ยวจะกินข้าวเที่ยงกันแล้วนี่” ฉันแย่งกล่องกลับมาแล้วปิดฝา
เดิมทีฉันก็อยากให้เรื่องขนมวอร์มวูดผ่านไปแบบนี้ ทว่าเฉียวอี้ดันมาบ่นกระปอดกระแปดต่อ “ฉินกวน เซียวเซิงชอบกินอะไรคุณก็จำได้ แล้วทีฉันล่ะ? เสียแรงที่ฉันเป็นแฟนสาวคุณ”
เซียวซือจ้องเฉียวอี้ด้วยแววตาประหลาดใจอย่างฉายชัด
ความสัมพันธ์ของพวกเราสามคน เพียงพอให้เธอคิดใคร่ครวญทั้งวันเลย
ฉันพึ่งเข้าร่วมประชุมแบบกินข้าวเที่ยงไปด้วยครั้งแรก ซึ่งการที่เราคุยเรื่องงานไปด้วย กินข้าวไปด้วย มันจะทำให้ย่อยอาหารได้ยาก
เซียวซือจบด้านศิลปะ ไม่ได้เรียนด้านการเงิน ทว่าตรรกะและสมองของเธอนั้นดีเยี่ยมสุดๆ เหมาะที่จะเป็นผู้รับผิดชอบมาก
เฉียวอี้นั้นยิ่งทำให้ฉันตกตะลึง เธอคงได้ยีนของพ่อมา ปกติเธอจะทำตัวบ๊องๆ แต่เวลาคุยธุรกิจกับพวกสีชิงชวน สิ่งที่เธอเอ่ยออกมา แม้แต่สีชิงชวนยังต้องเลิกคิ้วมองเธอ
มีเพียงฉันที่ไม่เหมือนคนอื่น
เฉียวอี้ดันแขนของฉัน “เธอฟังอยู่หรือเปล่า?”
“ฟังอยู่นะ” ฉันพยักหน้าหงึกๆ
“เข้าใจไหม?”
“หืม” ฉันแยกความแตกต่างระหว่างโครงสร้างแบบเอกับแบบเอสไม่ออกเลย
เฉียวอี้มองแววตาอันมึนงงของฉันก็รู้ว่าฉันไม่เข้าใจ เธอขบฟันกล่าว “เลิกงานแล้วฉันจะอธิบายให้”
อันที่จริงฉันตั้งใจฟังมาก และกำลังจดบันทึกด้วย และยังอัดเสียงทั้งหมดไว้ด้วย โดยจะมีบางจุดฉันจะใช้ปากกาแดงวาดรูปวงกลมกำกับว่าเป็นจุดสำคัญ
ฉันรู้สึกว่าเส้นโค้งเว้าสีแดงมันเหมือนคลื่นทะเลมาก ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงคืนวานซืน ตอนที่อยู่บนทะเลขึ้นมา ตอนที่ฉันกับสีชิงชวนนั่งมองคลื่นทะเลบนเตียงด้วยกัน
ฉันเริ่มใช้ปากกาสีน้ำเงินวาดรูป เริ่มวาดคลื่นลูกใหญ่เป็นสีน้ำเงินก่อน จากนั้นพวกละอองน้ำทะเลก็ใช้สีขาว และวาดนกนางนวลเป็นสีเทาอ่อน
ฉันเริ่มเขินอาย ใบหน้าแดงเรื่อ
ฉันชอบวาดรูปคน ชอบเอาคนรอบข้างมาวาด อาทิ เฉียวอี้ คุณพ่อเป็นต้น แต่เฉียวอี้นั่งเป็นแบบได้ไม่นานหรอก เหมือนก้นเธอมีหนาม หากจับเธอมานั่งบนเก้าอี้ เธอก็จะบิดกายเหมือนหนอนตลอดเวลา ดังนั้นฉันวาดรูปเหมือนของเฉียวอี้ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จนัก
ส่วนคุณพ่อนั้นก็ยุ่งกับงานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้ท่านต้องเป็นนายแบบให้ฉันในเวลาพักผ่อน ดังนั้นฉันจึงวาดรูปคุณพ่อตอนที่ท่านนั่งสะสางงานที่ห้องหนังสือ พอฉันวาดไปเรื่อยๆ ท่านก็จะเผลอหลับไป ดังนั้นส่วนมากฉันจะวาดรูปคุณพ่อตอนหลับ
สำหรับภาพวาดรูปเหมือนของหนีอีโจว ฉันใช้จินตนาการและรูปถ่ายมาวาด ฉันนึกหน้าตาตอนเขาอายุสิบแปดแล้ววาด ฉันจินตนาการว่าคิ้วของเขาต้องหนาขึ้น จมูกต้องโค้งมนกว่าเดิม และแววตาก็จะแน่วแน่กว่าเก่า
อันที่จริงภาพเหมือนกับหนีอีโจวในตอนนี้มันต่างกันเล็กน้อย มีเพียงเฉียวอี้ที่สมองอ่อนทางด้านนี้ถือจะคิดว่าเหมือนกันทุกอย่าง
ฉันครุ่นคิดไปมาก็เหม่อลอยไปไกลอีกครั้ง
จู่ๆ สีชิงชวนก็มาหยิกมือฉันกะทันหัน ฉันร้องเสียงหลงออกมา “คุณทำอะไรเนี่ย?”
“ตั้งใจฟังหน่อย คุณจะได้มีความรู้เพิ่มขึ้น อย่าปล่อยตัวเองเป็นปัญญาอ่อนต่อไปเลย”
ฉันหงุดหงิดสุดๆ มีเพียงสีชิงชวนเท่านั้นที่คิดว่าฉันเป็นปัญญาอ่อน
การประชุมตอนกินข้าวเที่ยวจบสิ้นไปอย่างสวยงามกับอาหารเลิศรสที่หายเข้าไปในท้องพวกเรา ถึงฉันจะเข้าใจเพียงเล็กน้อย ทว่าก็ได้ความรู้ใหม่ๆ เยอะเลย
เฉียวอี้หยิบเค้กช็อกโกแลต “เซียวเซิง ทำไมกินแค่คำเดียวล่ะ ถ้าเธอไม่กิน ฉันจะกินเอง”
ฉันอยากเก็บท้องกินขนมไม้วอร์มวูดด้วย ขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว หากเก็บไว้นานจะไม่อร่อย
เซียวซือไม่ได้ขับรถมา สีชิงชวนจึงไปส่งเพราะผ่านทางพอดี ส่วนฉันกับหนีอีโจวและเฉียวอี้นั่งรถคันเดียวกัน
ก่อนที่ฉินกวนจะกลับไป เฉียวอี้เซ้าซี้เขา “ช่วงนี้คุณยุ่งจังเลยนะ ไม่นัดฉันเลย?”
“สุดสัปดาห์นี้นัดคุณไปดูงานจัดนิทรรศการศิลปะกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...