“เป็นภาพวาดผลงานคุณเหรอ?”
“ไม่ใช่”
“งั้นฉันไม่ไปดูแล้ว คนอื่นวาดไม่สวยเท่าคุณหรอก ฉันดูแล้วเข้าใจเฉพาะภาพวาดของคุณ”
ฉินกวนคลี่ยิ้ม “โอเค งั้นสุดสัปดาห์นี้ผมพาคุณไปช้อปปิ้ง”
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น พวกเราไปพิพิธภัณฑ์หุ่นยนต์กันไหม?”
“ได้”
ก็มีแต่เฉียวอี้เท่านั้นแหละที่เวลาออกเดทจะนัดไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์หรือไม่ก็ศูนย์เทคโนโลยี
เพราะช่วงบ่ายไม่ค่อยยุ่ง พวกเราจึงไม่ได้กลับเข้าบริษัท เฉียวอี้ลากตัวฉันไปซื้อเสื้อผ้า
บังเอิญพวกเราเข้าร้านที่ครั้งก่อนฉันไม่มีเงินจ่าย พนักงานพวกนั้นสายตาเฉียบแหลมมาก มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นฉัน
ส่วนเฉียวอี้ไม่ชอบสไตล์การแต่งตัวของฉัน ดังนั้นเธอจึงไม่เคยมาช้อปปิ้งร้านนี้ พนักงานจึงไม่รู้จักเธอ
หากอยากเห็นท่าทีที่ผู้อื่นมีต่อคุณ งั้นก็ต้องเข้าร้านหรูแบบนี้ แล้วคุณจะกระจ่างแจ้งทุกอย่าง พวกพนักงานไม่มีเก็บความดูแคลนพวกเราเลยสักนิด
เฉียวอี้แต่งตัวเรียบง่าย แต่ตอนนี้เธอเป็นผู้ช่วยของฉัน จึงนับว่าแต่งตัวดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว เพราะปกติเธอจะใส่เสื้อยีนส์ตลอด
เสื้อแบรนด์ที่เธอใส่ พนักงานเหล่านี้ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะไม่มีจำพวกเพชรพลอยตกแต่งเสื้อ จึงดูราคาไม่ออก
ส่วนเสื้อผ้าของฉันก็ธรรมดาทั่วไป หลายวันก่อนฉันต้องหลีกภัยไปหลบอยู่ในบ้านเฉียวอี้ จึงหยิบเสื้อใส่กระเป๋าแบบสุ่มๆ และเสื้อพวกนี้อยู่ในกระเป๋าหลายวัน ตอนนี้จึงยับยู่ยี้หมดแล้ว
พวกเราเข้าไปดูตั้งนานก็ไม่มีคนมาบริการพวกเรา
เฉียวอี้ชี้เสื้อหลายชุด “อันนี้ อันนี้ และอันนี้ก็เหมาะกับเธอนะเซียวเซิง ฉันรู้แล้วเชียวว่าเธอชอบเสื้อร้านนี้ มันมีครบทุกสไตล์เลย ชุดพวกนี้ใส่ไปทำงานได้ ออร่าจัดเต็มสุดๆ”
“พนักงาน” เธอโบกมือกลางอากาศ “เอาชุดพวกนี้ให้เพื่อนฉันลองหน่อย”
พวกพนักงานยังคงยืนนิ่งที่เดิม ไม่หันมามองพวกเรา ทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
เฉียวอี้ตัวสูงกว่าที่แขวนเสื้อ เป็นไปไม่ได้ที่พนักงานพวกนั้นจะไม่เห็นเธอ
เธอตะโกนเรียกอีกครั้ง “พนักงาน ตรงนี้ ได้ยินหรือเปล่า?”
“คุณค่ะ ที่นี่เป็นร้านหรู โปรดอย่าเสียงดังค่ะ” หัวหน้าพนักงานขายเอ่ยปากพูดด้วยท่าทางดูถูกอย่างเด่นชัด
เฉียวอี้เลิกคิ้ว ฉันรู้ว่าเธอจะบันดาลโทสะแล้ว
“ร้านหรูเหรอ หรูขนาดไหนเชียว? แบรนด์ของพวกคุณคงอยู่อันดับสองหรือไม่ก็อันดับสามของยุโรปมั้ง ไม่ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งหรอก”
“คุณ” หัวหน้าพนักงานขายถูกท้าทายทันที “หากคุณไม่เข้าใจก็อย่าพูดซี้ซั้ว”
“เมื่อก่อนร้านsyaขายแต่ของก๊อป ต่อมาบริษัทยักษ์ใหญ่มาซื้อหุ้นร้านพวกคุณ ร้านพวกคุณจึงได้นำสินค้าเข้าจากยุโรป อย่าลืมสิ่งที่เคยเป็นสิ” เวลาว่างๆ เฉียวอี้จะชอบอ่านนิตยสาร ทั้งยังชอบเจาะลึกทุกประเด็นร้อน ดังนั้นเธอจึงรู้เรื่องพวกนี้ดี
หัวหน้าพนักงานขายมึนกับสิ่งที่ได้ยิน เธอคงจะไม่รู้เรื่องพวกนี้
พนักงานอีกคนกระซิบข้างหูเธอ แต่พวกเราไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน จากนั้นหัวหน้าก็ยิ้มอย่างดูถูกกับพวกเรา “คุณ ร้านเราไม่อนุญาตให้ลองเกินสามชุดต่อหนึ่งคน ถ้าพวกคุณมีเงินซื้อ พวกคุณก็ลองได้ แต่ถ่ายรูปไม่ได้”
เฉียวอยิ้มหัวเราะกะทันหัน “ลองไปลองมาก็ยุ่งยาก ราคาก็ไม่ได้แพงอะไรนี่” เธอย่นจมูก ฉันรู้ว่าเธอเตรียมจะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายแล้ว
จะว่าไปฉันก็โมโหมากเหมือนกัน คนพวกนี้ดูถูกกันเกินไปแล้ว
เฉียวอี้ชี้ไปยังราวแขวนเสื้อแถวหนึ่ง พนักงานคนหนึ่งไม่รอให้เธอพูดก็ชิงพูดเสียก่อน “ชุดแถวนี้เป็นชุดคอลเล็คชั่นที่แล้ว ถ้าเป็นสมาชิกจะได้ส่วนลดเก้าเปอร์เซ็นต์ แต่ต้องซื้อสองหมื่นขึ้นไปถึงจะได้เป็นสมาชิกร้านเรา”
“เมื่อกี้ฉันจะบอกว่าแถวนี้ไม่เอา นอกนั้นก็จัดส่งตามไซส์ของคุณเซียวแบบละหนึ่งชุดที่บ้านเลย”
พนักงานต่างสบตากันด้วยความอึ้ง ก็มีแต่หัวหน้าที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน เธอเอื้อมมือไปยังเฉียวอี้ “ชำระค่าสินค้าก่อนแล้วพวกเราจะจัดส่งไปให้ค่ะ”
พนักงานคนหนึ่งร้องเสียงดังกับหัวหน้าตัวเอง “รูดได้แล้วค่ะ รูดได้แล้ว”
หัวหน้าพนักงานเงยหน้ามองฉันด้วยความตกตะลึง คุณพ่อเปิดเป็นบัญชีส่วนตัวเป็นชื่อของฉัน ฉันแค่เซ็นชื่อก็เรียบร้อย
จากนั้นพวกหล่อนคิดค่าเสื้อก็เริ่มสุภาพขึ้น คนหนึ่งมาเชิญพวกเรานั่งบนโซฟา ส่วนอีกคนก็เสิร์ฟน้ำชาให้พวกเรา และยังมีคนไปเตรียมของว่างให้ด้วย ความดูแคลนและความไม่ใส่ใจจางหายเป็นปลิดทิ้ง
เฉียวอี้ยกแก้วน้ำชาขึ้น “ไอ้พวกมองคนด้วยเงิน”
ตอนที่เฉียวอี้ไปเซ็นชื่อ เพราะเธอใช้บัตรบริษัทของคุณพ่อเฉียวรูด เมื่อพนักงานเห็นชื่อบริษัท แล้วดูชื่อของเฉียวอี้ หัวหน้าพนักงานก็เกือบก้มกราบแทบเท้า
“ที่แท้ก็คือคุณเฉียวเองเหรอคะ ขอโทษค่ะ คุณมาซื้อของใช้ก็ไม่แจ้งพวกเราสักคำเลยนะคะ”
“ร้านพวกคุณชอบดูถูกคนอื่นแบบนี้ ฉันจะไล่พวกคุณออกจากห้างแห่งนี้แน่”
ฉันนึกขึ้นได้แล้ว พ่อของเฉียวอี้เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
เฉียวอี้ไม่ชอบคนประจบแบบนี้ เมื่อหัวหน้าร้านถามที่อยู่กับเธอ เธอก็ถามฉันว่า “ที่อยู่บ้านสีชิงชวนคืออะไร?”
ฉันบอกเธอ เธอก็มองไปยังหัวหน้าร้าน “คุณได้ยินชัดหรือยัง? จดสิ”
คาดว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักสีชิงชวน หัวหน้าร้านกะพริบตาปริบๆ ทำหน้าเหมือนหายใจไม่เต็มปอด “ใครนะคะ?”
“สีชิงชวน”
“ประธาน...ประธานสี” เธอหันไปมองลูกน้องปราดหนึ่ง จากนั้นก็กลับมามองฉัน “คุณหนูสี?”
“ตระกูลสีมีลูกสาวด้วยเหรอ? คุณเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า คนนี้คือคุณนายสี และเป็นประธานบริษัทเซียวซื่อกรุ๊ป”
หัวหน้าร้านตั้งใจดูลายเซ็นของฉัน ตอนนี้ถือว่าฉันยังไม่ได้เป็นที่รู้จักกันกว้างขวาง เธอมองอยู่นาน จากนั้นใบหน้าก็ถอดสีทันที คาดว่าตอนนี้เธอคงกลายเป็นมังกรเปลี่ยนสี พยายามปรับสีหน้าให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...