ในที่สุด เธอก็ปรับสีหน้าสำเร็จ ทั่วทั้งใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความถ่อมตน ดีใจ สำนึกผิด หลากหลายอารมณ์ผสมปนเปกันไป
“ที่แท้ก็เป็นประธานเซียว คุณนายสีนี่เอง” เธอคงคิดจะเรียกทุกสถานะของฉันให้ครบสินะ “ร้านของเราขายในเน็ตด้วยค่ะ ถ้ามีเสื้อคอลเลคชั่นใหม่ๆ มา หากท่านดูในเน็ตแล้วถูกใจก็โทรบอกพวกเราได้ค่ะ พวกเราจะส่งเสื้อไปให้ท่านลองถึงบ้านเลยนะคะ”
เอ่ยปากพูดแต่ละคำก็คือท่านๆๆ เหมือนกันเป็นคนละคนกับก่อนหน้านี้เลย
ตอนที่ฉันกับเฉียวอี้เดินออกจากร้าน พนักงานทุกคนยืนเรียงเป็นสองแถวแล้วส่งพวกเราออกไป คนเหล่านี้เหลือแค่ไม่พูดคำขวัญแล้ว
เมื่อขึ้นรถของเฉียวอี้ฉันก็เริ่มเสียใจขึ้นมา “ฉันเสื้อของส่งเข้าร้านตระกูลสีเยอะแยะแบบนี้ พวกเขาจะคิดว่าฉันใช้จ่ายเกินพอดีหรือเปล่า?”
“เธอไม่รู้หรือว่าตระกูลสีรวยแค่ไหน ก็แค่เสื้อไม่กี่ชุดเอง เธอไม่ได้ซื้อเพชรนิลจินดาซะหน่อย”
พวกเราขับรถออกมาได้ระยะหนึ่ง ฉันหันไปมองพวกพนักงานเหล่านั้นที่ตอนนี้ยังคงยืนจัดแถวหน้าร้าน แล้วมองพวกเราด้วยความนอบน้อม
“เห้อ” ฉันถอนหายใจ “ได้อวดรวยแล้วสะใจแป๊บหนึ่ง”
“ถ้าอวดต่อไปก็จะรู้สึกสะใจตลอด เซียวเซิง คุณลองคิดดูดีๆ สิ เธอคือคุณนายสี และเป็นบอสบริษัทเซียวซื่อกรุ๊ปด้วย เธอควรเดินยืดอกบ้าง เธอดูเซียวซือสิ”
“อย่าว่าอะไรเซียวซืออีก”
“เธอดูเซียวซือสิ ถ้าหล่อนมาร้านหรูแบบนี้ ถึงพนักงานจะไม่รู้จักเธอ แต่ก็จะไม่บริการห่วยแบบนี้หรอก”
“ก็หล่อนมีสง่าราศีนี่”
“ไม่ถูก เพราะหล่อนมีแววดูถูกทุกอย่าง ส่วนเธอก็มัวแต่ทำตัวอ่อนแอ ไม่รู้จักวางอำนาจซะเลย แบบนี้เธอจะคุมบริษัทเซียวซื่อกรุ๊ปไม่ได้นะ”
เฉียวอี้พูดถึง ฉันไม่มีความน่าเกรงขามเอาซะเลย
ฉันถอนหายใจยาวๆ “ดังนั้นฉันไม่เหมาะที่จะเป็นประธานสักนิด”
“อีกแล้ว” เฉียวอี้จิ้มหน้าผากฉัน “เธอมีความทะเยอทะยานหน่อยได้ไหม รีบพูดตามฉันสามรอบสิ ฉันคือประธาน ฉันคือเศรษฐี ฉันเก่งที่สุด”
“ไม่เอา” โชเฟอร์ยังขับรถอยู่ด้านหน้า ฉันไม่อยากขายหน้า
“พูดตามฉันเดี๋ยวนี้” เฉียวอี้พูดเสียงดังจนแก้วหูฉันเกือบแตก
“ก็ได้ ก็ได้ ฉันจะพูดตามเธอ” ฉันพึมพำเสียงเบา “ฉันคือประธาน ฉันคือเศรษฐี...”
“เสียงดังหน่อย”
“ไม่เอา แค่นี้แหละ”
“เสียงดังกว่านี้หน่อย”
ฉันต้องแหกปากพูดตลอดทางจนคอเหือดแห้ง เฉียวอี้จึงจะปล่อยฉันไป
ตอนแรกเธอบอกว่าหลังเลิกงานตอนเย็น เธอจะพาฉันไปที่สนามมวย ฉันบอกว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนดีๆ และประจำเดือนฉันก็มาด้วย เธอเลยยอมปล่อยฉันไป
ทันทีที่ฉันก้าวเท้าเข้าบ้านตระกูลสี ฉันก็เห็นเสื้อผ้า รองเท้าและกระเป๋าวางเต็มห้องรับแขก มันเหมือนโกดังเก็บของยังไงอย่างนั้น
พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองมาดูความคึกคักด้วย พลางส่งเสียงพูดเบาๆว่า “เหอะ คนผลาญเงินตัวจริงเสียจริงเลย ได้รับมรดกปุ๊บก็ซื้อของมากมายทันที”
“ก็เขามีเงินนี่ เซียวหยวนให้เงินสดก้อนเบ้อเร่อ ใช้ไม่หมดหรอก”
“เหอะๆๆ แล้วไม่ใช่พ่อแท้ๆ ด้วยนะ อิจฉาจังเลย”
“แล้วน้องสามของพวกเราก็สายตาดีด้วยนะ มิน่าล่ะถึงเลือกเธอ ไม่เลือกเซียวซือ”
“เวลานินทาก็อย่าพูดต่อหน้าสิ” คุณย่าเดินออกจากด้านหน้า โดยมีอาฮวาพยุงท่านเดิน พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองจึงจะเห็นฉัน จากนั้นก็รีบหดคอทันที
“พวกหนูไม่ได้นินทาเซียวเซิงค่ะ”
“เสี่ยวชวนแต่งเมียเข้าบ้านกี่คนเหรอ? ไม่ใช่แค่เซิงเซิงคนเดียวหรอกหรือ? ฉันเคยบอกพวกเธอว่ายังไง? ถ้าอยู่อย่างสันติไม่ได้ก็ไสหัวออกไป”
คุณย่าเกรี้ยวโกรธ พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองรีบเผ่นหนีทันควัน
“คุณย่าคะ” ฉันเดินเข้าไป มือของท่านนุ่มละมุนเหมือนกับรอยยิ้มของท่านในตอนนี้ “หนูจะให้คนเก็บของขึ้นไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“อยู่ในวัยกำลังสาวกำลังสวย แต่งตัวหน่อยจะเป็นไรไป? บ้านตระกูลสีใหญ่ขนาดนี้ หนูซื้ออะไรก็มีที่วางเสมอ”
เวลานี้สีชิงชวนก็เลิกงานพอดี เขาเรียกคุณย่าหนึ่งเสียงแล้วก็เตรียมขึ้นไปชั้นบน แต่ถูกคุณย่าเรียกตัวไว้
“เสี่ยวชวนเอาของที่เมียตัวเองซื้อมาขึ้นไปชั้นบนด้วย”
ทำไมต้องให้ฉันวาดรูปภาพเหมือนของเขาด้วย?
ทำไมฉันรู้สึกว่าเพราะตอนกินข้าวเที่ยงเฉียวอี้เล่าว่าฉันวาดภาพเหมือนของหนีอีโจว เขาเลยให้ฉันวาดเขาด้วย?
แน่นอน มันไม่ใช่เพราะหึงหรอก เขาแค่ต้องการเอาชนะเท่านั้น
สีชิงชวนนี่ชอบเอาชนะไปซะทุกอย่างหรือไง แล้วมันจะมีความหมายอะไร?
คงเป็นเพราะเขารู้สึกมีความหมายมั้ง!
ฉันกินข้าวเย็นแล้วอาบน้ำ และฉันก็รู้สึกง่วงหนักมาก แต่ไอ้โรคจิตคนนี้ ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่เห็นภาพเหมือนของเขา เขาต้องฆ่าฉันแน่
ฉันได้ขาตั้งกระดาษวาดรูปในห้องเก็บของ แล้วขอสี ดินสอและผ้าใบสำหรับวาดรูปกับสีจิ่นยวน
ฉันถนัดวาดรูปสีน้ำมัน คิดว่าตัวเองวาดได้ไม่เลว
อุปกรณ์วาดรูปเตรียมพร้อม แต่ความง่วงก็จู่โจมฉันเป็นระลอก
ฉันไปนอนแป๊บหนึ่งแล้วค่อยมาวาดดีกว่า
ฉันขึ้นไปนอนบนเตียง ไม่นานก็หลับ
ฉันต้องใช้ชีวิตอยู่บนเรือติดต่อกันสองวัน เมื่อกลับขึ้นบนบกก็อีกอารมณ์หนึ่ง รู้สึกนอนหลับสนิทขึ้นเยอะเลย ทว่าฉันพึ่งจะนอนก็มีคนมาเคาะประตูห้องเสียงดังลั่นแล้ว เพราะฉันหลับลึก จึงนึกว่าฝันไป จวบจนตอนที่มีคนเขย่าตัวฉัน แล้วฉันตื่นขึ้นมาเห็นหน้าสีชิงชวน ฉันถึงรู้ว่าไม่ใช่ความฝัน
“ทำอะไรของคุณเนี่ย?” ฉันตกใจมาก
เขาชี้ไปยังกระดาษอันว่างเปล่า “อันนี้ก็คือผลงานของคุณเหรอ? หน้าตาผมเป็นอากาศที่มองไม่เห็นเหรอ?”
“โธ่!คุณนี่” ฉันง่วงนอนสุดๆ “ฉันง่วงมากจริงๆ คุณไม่ได้รีบซะหน่อย ทำไมต้องเอาคืนนี้ให้ได้ด้วย?”
“วาดภาพเหมือนเสร็จแล้วถึงจะแกะสลักคริสตัลได้ ผมต้องไปวางบนโต๊ะทำงานของผม ให้คนอื่นมาชม อีกไม่กี่วันจะมีแขกพิเศษมา คุณว่ารีบไหมล่ะ?”
“แล้วถ้าฉันแกะสลักไม่เป็นล่ะ?”
“แต่คุณเป็นนี่” เขายิ้มอย่างโหดเหี้ยม เขาเอื้อมมือดึงฉันลุกขึ้น “คุณลุกขึ้นมาวาดเดี๋ยวนี้ ผมจะนั่งดูและเป็นนายแบบให้คุณ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...