เมื่อกินกันอิ่มหนำสำราญแล้ว ฉันกับเฉียวอี้ก็ออกไปจ่ายค่าอาหาร ร้านนี้อยู่ใกล้บริษัท พวกเราจึงตกลงกันว่าจะเดินกลับไป จะได้ย่อยเร็วขึ้น
ตอนที่พวกเราเดินผ่านห้องวีไอพีของพวกเขา เพราะประตูเปิดอยู่ ดังนั้นจึงเห็นภาพด้านใน ตอนนี้เซียวซือไม่อยู่ มีเพียงสีชิงชวนที่กำลังกินเต้าหู้ยี้ของเขา
เฉียวอี้กระซิบพูดว่า “สั่งนิดเดียวแต่กินนานจัง ถ้าคนไม่รู้ก็คงคิดว่ามีปัญญาจ่ายค่าอาหารแล้ว”
ฉันดึงแขนเฉียวอี้แล้วมุ่งหน้าเดินไปด้านหน้าต่อ ทว่าสีชิงชวนกลับเงยหน้าแล้วใช้ตะเกียบชี้จมูกของฉัน “คุณ เข้ามา”
เขาออกประโยคคำสั่งกับฉัน ฉันอยากถอดรองเท้าแล้ววิ่งหนีเหลือเกิน ทว่าหากพูดถึงเรื่องงาน เขาก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ของพวกเรา และด้านชีวิตส่วนตัว พวกเราก็มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากันด้วย หากผิดใจเขา คาดว่าคืนนี้ต้องตายแหงแก๋
ฉันผลักเฉียวอี้ “เธอไปจ่ายเงินก่อน”
เฉียวอี้กะพริบตาถี่ๆ ให้ฉัน “เอาเขาให้อยู่หมัดเลยนะ”
ฉันทำตาขวางใส่เธอปราดหนึ่งแล้วเดินเข้าไปในห้องวีไอพี ก่อนจะหย่อนกายนั่งตรงข้ามเขา
“คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณไปกับผมด้วย” จานเต้าหู้ยี้เล็กนิดเดียวเขาจะกินไปถึงไหนกันเนี่ย
คืนนี้ฉันไม่ว่างเลย เพราะฉันกับเฉียวอี้ไม่เคยไปเที่ยวบ้านหนีอีโจวเลยสักครั้ง เฉียวอี้บอกว่าอยากไปดูอยู่ทุกวี่ทุกวัน ดังนั้นหนีโจวอีจึงชวนพวกเราไปกินหม้อไฟที่บ้านเขาคืนนี้ ทว่าฉันพูดความจริงไม่ได้เด็ดขาด เพราะสีชิงชวนไม่ยอมให้ฉันไปแน่
“คืนนี้ฉันนัดกับเฉียวอี้ไว้”
“ยกเลิกไปสิ” เขาพูดสั้นๆ แต่ได้ใจความ
“วันเกิดแม่ของเฉียวอี้” ในสถานการณ์คับขัน ฉันดันฉลาดขึ้นมาซะงั้น พอดีเลยคุณแม่เฉียวจัดงานวันเกิดก่อนเวลาแล้ว เพราะท่านกับคุณพ่อเฉียวจะไปเที่ยวที่ประเทศรัสเซีย
สีชิงชวนยกเปลือกตาขึ้นมองฉัน “คุณแน่ใจน่ะ?”
ฉันไม่แน่ใจว่าสีชิงชวนรู้หรือเปล่าว่าพวกคุณพ่อไปเที่ยวต่างประเทศแล้ว แต่เฉียวอี้เคยสอนฉันเป็นประจำว่าหากคิดจะพูดปดมดเท็จ งั้นก็ต้องพูดอย่างห้าวหาญ ทำให้สมจริงที่สุด
ฉันตอบเขาอย่างเรียบเฉยว่า “ตอนเย็นฉันต้องไปเลือกซื้อของขวัญด้วย”
เขาก็ไม่ได้หลอกง่ายอะไร แค่บอกฉันว่า “ขอร้องผมสิ”
ฉันอยากโก่งคอด่าให้รู้กันทั้งซอยเลย ฉันไม่ได้ขายตัวเป็นทาสเขานะ ฉันขาดอิสระแล้วหรือนี่ ทำไมต้องขอเขาด้วย?
ทว่าฉันไม่อยากไปร่วมงานเลี้ยงกับเขา น่าเบื่อจะตาย และแค่นึกภาพตอนกินหม้อไฟกับเฉียวอี้และหนีอีโจวฉันก็สุขล้นปรี่แล้ว
ขอร้องก็ขอร้องสิ ฉันพยายามยิ้มให้จริงใจที่สุด “ขอโทษด้วย คืนนี้ฉันไปร่วมงานเลี้ยงกับคุณไม่ได้”
“ไม่ได้บอกให้คุณขอโทษ” เขาคีบลูกเหมยขึ้นแล้วส่งมายังจมูกของฉัน “กินซะ”
ฉันอ้าปาก เขาก็ป้อนลูกเหมยให้ฉัน รสชาติของมันเปรี้ยวมาก แต่ฉันกินเปรี้ยวได้
เขาเห็นฉันหน้าไม่เปลี่ยนสีก็แปลกใจ “ไม่เปรี้ยวเหรอ?”
“เปรี้ยว แต่ทนได้”
คาดว่าเขาคงอยากเห็นฉันย่นคิ้ว แต่ไม่ได้เห็นเลยรู้สึกเซ็ง เขาลุกขึ้นจากเสื่อทาทามิ ฉันก็ลุกตาม แต่เพราะลื่นและฉันก็ไม่ระวังด้วย ฉันจึงสะดุดไปอยู่ในอ้อมแขนเขา
ฉันไปเหยียบโดนของแข็งอะไรสักอย่าง ฉันรู้สึกปวดที่เท้า ไม่มีแรงยืนไปชั่วขณะ ดังนั้นฉันจึงซบอยู่ในอกแกร่งของเขา
เขาโอบไหล่ของฉัน “ทำไม คุณคิดอยากจะแสดงสิทธิ์ต่อหน้าเซียวซืออีกแล้วเหรอ?”
“ฉันสะดุด”
“เหตุผลนี้ไม่เข้าท่าเลย” ฟังจากน้ำเสียงเขาแล้วก็ไม่เหมือนโกรธเคืองมากมาย
ฉันอยากผละออกจากอ้อมกอดเขา ทว่าเขาไม่ยอมปล่อย ทั้งยังถามฉันด้วยคำถามแปลกๆ “ลิปสติกของคุณเป็นรสอะไร?”
“ห้ะ?” ฉันกินเสร็จก็ทาลิปบาล์มสีเชอร์รี่บางๆ แต่เขาดูออกด้วยเหรอ?
ฉันตอบสนองไม่ทัน เขาก็จูบที่ริมฝีปากฉันซะแล้ว พลางพยักหน้าหงึกๆ “กลิ่นท้อเน่าๆ นี่เอง”
“กลิ่นลูกท้อผสมน้ำผึ้งต่างหาก” ฉันไม่หาสาเหตุที่เขาจูบฉันแล้ว ฉันต้องแก้คำพูดเขาก่อน
ต่อมาเธอพบว่าพ่อครัวคนนั้นไม่ชอบแมว สุดท้ายก็จบกันด้วยข้อสรุปที่ว่าทัศนคติไม่ตรงกัน
พ่อครัวคนนี้ไม่ใช่คนที่เฉียวอี้คบเพียงไม่กี่วัน ยังมีคนที่คบจำนวนวันน้อยกว่าคนนี้อีก แฟนคนนั้นของเธอเป็นขายของ ตอนเจอกันแวบแรก เธอบอกว่าเธอจะแต่งงานกับเขาคนเดียว แต่หลังจากที่ซื้อของเสร็จ เธอก็บอกว่าคนนี้เป็นผู้ชายสวะ ชอบขายเครื่องสำอางให้กับสาวหน้าตาดี แต่นั่นมันอาชีพเขานะ ฉันนี่หมดคำจะพูดเลย
เฉียวอี้ไปโซนเครื่องปรุงเพื่อซื้อวัตถุดิบในการทำเครื่องปรุงหมาล่า ส่วนฉันกับหนีอีโจวไปโซนอาหารทะเล เพื่อซื้อปูกับกุ้ง
“ผมทำปูผัดผงกะหรี่เป็น” หนีอีโจวบอกฉัน
ฉันนึกถึงปูผัดผงกะหรี่ฝีมือคุณพ่อหนี คิดว่าหนีอีโจวคงฝึกทำกับคุณพ่อหนีมา
ฉันอยากชวนคุยเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้พูด เพราะนึกถึงคุณพ่อหนีแล้วฉันก็รู้สึกเศร้า หากโลกใบนี้ไม่มีการพรากจากก็คงจะดีมากเลย ไม่ต้องทรมานกับความคิดถึงอีก
หนีอีโจวเลิกคิ้ว พยายามทำตัวให้มีชีวิตชีวา ตักปูแป้นตัวใหญ่เบ้อเร่อขึ้นมาหนึ่งตัว “อันนี้เอาไปทำปูผัดผงกะหรี่แล้วอร่อยมากเลยนะ พวกเราซื้อกลับไปทำกัน”
“ค่ะ” ฉันกล่าว “ฉันไม่ได้มาช้อปห้างกับตลาดนานแล้ว”
“ช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยมีเวลาเหมือนกัน ตอนผมอยู่ที่อเมริกา ฉันไปซื้อของในห้างบ่อยมาก”
“คุณน้าล่ะ อยู่อเมริกาคนเดียวยังสบายดีอยู่ไหม?”
“แม่พ่อสบายดี ท่านแต่งงานใหม่แล้ว” หนีอีโจวยิ้มให้ฉัน “สามีฝรั่งของแม่ดีกับแม่มากเลย”
“ก็ดีค่ะ อย่างน้อยคุณน้าก็มีความสุข”
หนีอีโจวเลือกปูตัวใหญ่ๆ มาสี่ตัวแล้วยื่นให้พนักงาน ฉันเอ่ย “เยอะเกินไปหรือเปล่า ยังมีหม้อไฟให้กินอีกนะ”
“มีนักกินอย่างเฉียวอี้อยู่ทั้งคน ไม่ต้องกลัวว่ากินไม่หมดหรอก”
ก็ถูกอยู่ และที่สำคัญ พวกเรากินเก่งกันทั้งสามคนเลย
สมัยพวกเรายังเด็ก หนีอีโจวจะพาฉันกับเฉียวอี้ไปเที่ยวสวนสนุกในวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นบางครั้ง และพอพวกเราเล่นกลับมาที่บ้าน คุณแม่ของฉันก็จะทำอาหารเต็มโต๊ะ ซึ่งอาหารเหล่านั้นโดนพวกเรากวาดเรียบ พวกท่านยังพูดล้อเล่นกันว่ายังดีที่ตอนนี้ไม่ขาดสนเงินทอง ไม่งั้นคงเลี้ยงพวกเด็กๆ กันไม่หวาดไม่ไหวแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...