พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 115

เฉียวอี้ถูกหุ่นยนต์จับตัวไปเป็นเชลยอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว “ฉันเข้าไปลองได้ไหม? ”

“ได้อยู่แล้ว นี่สำหรับคุณ”

เฉียวอี้มองเขาอย่างระมัดระวังทันที “คุณกำลังทำบ้าอะไรอยู่? ”

“อย่าสนใจเลยว่าผมกำลังทำบ้าอะไรอยู่ แต่นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก คุณจะพลาดไปง่ายๆ ไม่ได้ หุ่นยนต์ตัวนี้นอกจากผมแล้วที่นี่ก็ไม่มีใครที่มีมันอีกแล้ว”

“ทำไมคุณถึงเอามาให้ฉัน? ”

สีชิงชวนหันกลับมามองฉัน “คุณสะดวกแยกตัวออกไปก่อนไหม? ”

ฉันลังเล ทันใดนั้นเขาก็ขยับเข้ามาใกล้ฉันและพูดเบาๆ ว่า “เป็นอะไรไป กลัวเหรอ? กลัวว่าเพื่อนสนิทของคุณจะหักหลังคุณเหรอ? ”

“อย่ามาเสี้ยมนะ! ”

“มิตรภาพที่ถูกเสี้ยมให้แตกแยกได้ล้วนเป็นมิตรภาพจอมปลอม” เขาหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุขมาก

“เฉียวอี้ พวกเราไปกันเถอะ! ” ฉันตะโกนเรียกเฉียวอี้

แต่เธอไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เธอตกอยู่ในโลกของตัวเอง และถูกหุ่นยนต์จับไปเป็นเชลยเรียบร้อยแล้ว

แดดแรงมากจนฉันเวียนหัว เฉียวอี้เข้าไปอยู่ข้างในหุ่นยนต์แล้ว และเล่นอย่างสนุกสนานมาก

ตอนบ่ายฉันยังมีเรื่องมากมายที่ต้องทำ แต่แน่นอนว่ามันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะดึงเฉียวอี้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนใจออกมาจากหุ่นยนต์

ฉันได้แต่กลับมาที่บริษัทเองคนเดียว เฉียวอี้กลับมาช้ามาก น่าจะประมาณบ่ายสามโมงกว่าๆ

ใบหน้าของเธอแดงก่ำ พอเข้าประตูมาก็ตะโกนใส่ฉันทันที “เซียวเซิง ทำไมเธอถึงได้หนีมาล่ะ? ของเล่นน่าสนุกขนาดนั้น ฉันยังอยากให้เธอลองเล่นอยู่เลย เธอควรจะได้ลองเล่นดูจริงๆ นะ”

ฉันชี้ไปที่นาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ “บ่ายสามโมงกว่าๆ แล้วค่ะคุณพี่ ฉันยังต้องทำงานนะ อย่าลืมสิว่าเธอก็ต้องทำงานเหมือนกัน”

“ไม่ได้ลืมๆ ” เฉียวอี้นั่งลงพลิกดูเอกสารบนโต๊ะ “วันนี้ฉันจะสอนเธออ่านพิมพ์เขียวเอง”

เฉียวอี้สอนอย่างจริงจังมาก แต่ฉันกลับใจลอยเล็กน้อย

เธอเคาะโต๊ะอย่างแรง “เธอกำลังใจลอย”

“ขอโทษ” ฉันใจลอยจริงๆ

“เธอกำลังคิดอะไรอยู่? ”

“เอ่อ” ฉันเกาหัว “เปล่า แค่ไม่มีสมาธิ”

“ฉันจะไปหยิบเครื่องดื่มชูกำลังมาให้เธอดื่ม” เธอวิ่งออกไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มสีชมพูสองขวดที่อยู่ในมือ เธอยื่นมาให้ฉันขวดหนึ่ง “ดื่มสิ! ”

การดื่มเครื่องดื่มชูกำลังก็ไม่ได้ความว่าฉันจะสามารถรวบรวมสมาธิได้ ฉันบังคับตัวเองให้ตั้งใจฟังบทเรียนที่คุณครูเฉียวสอนฉัน

ในระหว่างที่พัก ฉันก็ชวนเธอไปทานข้าว “คืนนี้ไปกินหอยนางรมย่างกันไหม? ”

อาหารพวกนี้เป็นอาหารที่เฉียวอี้ชอบมากที่สุด เธอคนเดียวสามารถทานเข้าไปได้หลายโล

“ไม่ล่ะ” ไม่นึกเลยว่าเธอจะปฏิเสธฉัน ในการนัดทานข้าวของฉันกับเธอตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา น้อยครั้งมากที่เฉียวอี้จะปฏิเสธฉัน

“ทำไมล่ะ? ”

“คืนนี้สีชิงชวนนัดฉันไปดู Star Wars ที่หยุดจำหน่ายไปแล้ว”

“ไม่ใช่ว่าเป็นหนังเมื่อหลายปีก่อนหรอกเหรอ? ”

“สีชิงชวนเจ๋งสุดๆ ไปเลย เขาสั่งให้โรงหนังเอาออกมาฉาย เขาซื้อลิขสิทธิ์ในการฉายมา” เฉียวอี้ตื่นเต้นมาก หาได้ยากมากที่เธอจะตื่นเต้นแบบนี้ เพราะหนังเรื่อง Star Wars เรื่องนี้หาดูในอินเทอร์เน็ตไม่ได้

สีชิงชวนร้ายกาจมากจริงๆ ตีงูต้องตีให้แม่น การที่เขาทำแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนเขาก็จีบติด

ฉันบอกกับเธอไปตรงๆ ว่า “เธอไปดูหนังกับสีชิงชวน ไม่รู้สึกว่ามันมีตรงไหนที่ไม่เหมาะสมบ้างเหรอ? ”

“มีตรงไหนที่ไม่เหมาะสมงั้นเหรอ? ” เธอพยายามคิด “ถ้าสีชิงชวนกล้าลวนลามฉัน ฉันจะถีบหัวเขาให้กระเด็น”

เอาเถอะ ฉันพยักหน้า “เธอไปเถอะ! ”

“โอ้” เธอตอบรับอย่างร่าเริง “เธออยากไปกับพวกเราไหม มันสนุกมากเลยนะ”

“ไม่ล่ะ” ฉันไม่ค่อยสนใจหนังไซไฟพวกนี้เท่าไร และเธอก็ไม่ได้บีบบังคับฉัน “โอเค”

วันนี้หนีอีโจวยุ่งมากเลยไม่ได้มาที่เซียวกรุ๊ป เขาโทรบอกฉันแล้ว ฉันบอกว่าวันนี้ไม่มีเรื่องสำคัญอะไร คืนนี้เขายังต้องทำโอที ฉันเลยบอกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วงฉัน

ดังนั้นพอเลิกงานฉันจึงได้แต่กลับมาที่ตระกูลสี ตอนที่เดินผ่านสวนดอกไม้สีจิ่นยวนก็เรียกฉันไว้

ฉันหยุดเดิน เขาวิ่งเข้ามาหาฉันพร้อมลูกบาสในอ้อมแขน “เซียวเซิง ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจังล่ะ? ”

“แล้วไม่ได้เหรอ? ”

ฉันก้มหน้ากำลังจะเข้าไปในลิฟต์ เขาน่าจะมีความจงรักภักดีไม่เปิดโปงฉัน

ใครจะไปรู้ว่าเท้าของฉันยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปในลิฟต์ก็ได้ยินเสียงของสีจิ่นยวนเอ่ยขึ้นมาว่า “พี่สะใภ้สาม”

ฉันก่นด่าในใจอยู่หลายคำ เดิมทีเฉียวอี้มักจะดุฉันอย่างดูถูกเหยียดหยามอยู่บ่อยๆ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกว่าการดุด่าแบบนี้สิถึงจะสะใจ

“เซียวเซิง” คุณพ่อสีเรียกชื่อฉัน ฉันก็ได้แต่หยุดเดินและหมุนตัวหันกลับมาด้วยรอยยิ้ม “คุณพ่อคะ คือว่ามันเป็นแบบนี้ค่ะ เมื่อวานฉันไปกินหม้อไฟกับเพื่อนแล้วบังเอิญเจอกับสีจิ่นยวนในซูเปอร์มาร์เก็ต เขายืนกรานจะตามฉันไปให้ได้ และก็ไม่มีใครบอกให้เขาดื่ม แต่เขาจะดื่ม”

นี่ฉันทำบาปทำกรรมอะไรไว้เนี่ย หาเรื่องให้ตัวเองเสียเปล่า

กับคุณพ่อสีนั้น ฉันไม่เคยพูดคุยกับท่านเลย และรู้สึกว่าท่านเป็นคนเคร่งขรึมมาก สำรวมการพูดการหัวเราะ ดังนั้นฉันจึงกลัวท่านมากโดยไม่มีสาเหตุ

น้ำเสียงของฉันล่องลอย เวลานี้สีจิ่นยวนแสร้งทำเป็นคนซื่อๆ แต่สายตากลับมองตรงมาที่ฉัน

“คือว่าแบบนี้นะ” น้ำเสียงของคุณพ่อสีไม่นับว่าดุมากเกินไป “สีจิ่นยวนมีอาการแพ้ทางด้านผิวหนังเล็กน้อยไม่สามารถดื่มเหล้าได้ เขาน่าจะไม่ได้บอกเธอใช่ไหม? ”

ฉันส่ายหน้า “ไม่รู้เลยค่ะ”

“ที่เขาลาพักการเรียนชั่วคราวกลับมาในครั้งนี้ก็เพราะเหตุผลนี้ กลับประเทศมารักษาด้วยยาจีน”

“โอ้ ครั้งหน้าฉันจะไม่ทำแบบนี้แล้วค่ะ”

“คนไม่รู้ไม่ผิด กลับห้องเถอะ! ”

ฉันรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ทันที สีจิ่นยวนก็ตามเข้ามาด้วยเช่นกัน

เขายืนอยู่ตรงหน้าฉันด้วยรอยยิ้ม ฉันมองเขาและจู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

“ครั้งก่อนเหมือนคุณจะบอกฉันว่าคุณลาพักการเรียนกลับมาชั่วคราวเพราะโรคหัวใจนี่? ”

เขายิ้มกว้าง “งั้นเหรอ ผมจำไม่ได้แล้ว”

เจ้าคนหลอกลวงคนนี้นี่ ครั้งก่อนก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาบอกมาแบบนั้น ทำไมฉันถึงได้โง่ขนาดนี้นะ คนป่วยเป็นโรคหัวใจคนไหนจะไปเล่นบาสกระโดดโลดเต้นได้แบบนั้น?

ฉันเหยียบลงไปที่เท้าของเขาอย่างแรงด้วยความโกรธเคือง เขากระโดดไปมาด้วยความเจ็บปวด

“สมน้ำหน้า! ” ฉันกัดฟันกรอด “แล้วคุณยังโกหกฉันอีกว่าหมาพันธุ์โอลด์ อิงลิช ชีพด็อกตัวไม่ใหญ่! ”

“ใครจะไปรู้ว่าแม้แต่ความรู้ทั่วไปคุณก็ไม่มี” เขากุมเท้าเอาไว้และมองมาที่ฉันอย่างน้อยใจ “ความรู้ของคุณแคบเกินไป ควรจะอ่านหนังสือหน่อยนะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)