พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 133

ฉันโทรไปบอกป้าสวีว่าวันนี้ฉันไม่กลับบ้านไปทานมื้อเย็น นั่นก็หมายถึงได้บอกกล่าวกับสีชิงชวนไปด้วยในตัว แต่ไม่ว่ายังไง ฉันจะกลับหรือไม่กลับไป เขาก็ไม่ได้สนใจอยู่ดี ปกติเขาไม่ค่อยทานมื้อเย็นที่บ้านด้วย

ถึงแม้ว่าคุณแม่สีจะไม่ได้ไปทำงานที่สีซื่อกรุ๊ป แต่งานท่านก็ยุ่งมากอยู่ดี ไหนจะมูลนิธิการกุศล ไหนจะองค์กรสภากาชาดอีก ท่านยุ่งมากจริงๆ จึงไม่ค่อยมีเวลามาทานมื้อเย็นที่บ้าน ส่วนบางครั้งคุณย่าก็จะทานอาหารเจอยู่ในห้องพระของท่าน ไม่ค่อยออกมาทานที่ห้องอาหารด้วยกันสักเท่าไร เพราะฉะนั้นการที่ฉันไม่กลับไปทานข้าววันนี้ แค่บอกกับป้าสวีไว้ก็พอแล้ว

ฉันอุตส่าห์โน้มน้าวให้เฉียวอี้ไม่ต้องไปด้วยกัน ฉันรู้สึกว่าเซียวซือไม่ได้เป็นคนแบบที่เฉียวอี้พูด ส่วนคุณน้ากับเซียวหลิงหลิง ฉันรู้ว่าพวกเธอเกลียดฉัน แต่ฉันก็คนทั้งคนเลยนะ พวกเธอจะทำอะไรฉันได้?

คงไม่วางยาพิษฉันแล้วค่อยเอาศพฉันไปโยนทิ้งหรอก! ถึงพวกเธอจะฆ่าฉัน พวกเธอก็เอาทรัพย์สินที่คุณพ่อมอบให้ฉันไปไม่ได้ เพราะผู้รับผลประโยชน์น่าจะเป็นสีชิงชวนมากกว่า

คิดไปคิดมา เหงื่อฉันก็ไหลออกมาเต็มคอ ยังดีที่สีชิงชวนรวย เขาจึงไม่ได้วางแผนการอะไรกับฉัน ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นล่ะก็ เกรงว่าชีวิตของฉันคงจะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ อีกอย่าง แม้แต่สีชิงชวนยังคิดจะฮุบหุ้นที่ฉันมีอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?

ฉันเดินเข้าบ้านตระกูลเซียวด้วยความรู้สึกกระสับกระส่าย พนักงานรักษาความปลอดภัยที่หน้าประตูขวางฉันไว้ครู่หนึ่ง บ้านตระกูลเซียวเปลี่ยนพนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นคนที่ฉันไม่รู้จัก ฉันไม่รู้จักพวกเขา ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่รู้จักฉัน

มันเกิดความสับสนวุ่นวายอยู่เล็กน้อยตอนที่ฉันอธิบายความสัมพันธ์ของฉันกับคุณพ่อ เพราะฉันไม่รู้จะแนะนำตัวเองว่ายังไงดี

ขณะนั้นเองเซียวหลิงหลิงก็นั่งรถเข้ามา เธอยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างแล้วยิ้มอย่างใจดำอำมหิต “คือแบบนี้นะ เธอเป็นคุณหนูสามตัวปลอมของตระกูลเซียวของเราน่ะ ถึงในบัตรประชาชนจะเป็นสกุลเซียวก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลเซียวของเราเลยสักนิด”

เซียวหลิงหลิงชอบพูดจาร้ายกาจแบบนี้กับฉันเสมอ ฉันชินแล้วล่ะ

เซียวหลิงหลิงเยาะเย้ยฉันเสร็จก็นั่งรถเข้าไป ส่วนฉันก็เดินเข้าไปอย่างช้าๆ คนเดียว

ฉันพบว่าบ้านตระกูลเซียวมีความเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ไม่มีดอกไม้ในสวนดอกไม้เหล่านั้นแล้ว ปลูกกุหลาบสีสันฉูดฉาดและทิวลิปสีเหลืองตั้งมากมาย เมื่อก่อนในสวนมีดอกไม้หายากที่ฉันและคุณพ่อปลูกด้วยกันหลายชนิด

เมื่อเดินผ่านสวนดอกไม้ก็พบว่าเรือนกระจกที่เคยมีก็ไม่มีแล้ว มันถูกพังลงจนราบเป็นหน้ากลองและกลายเป็นพื้นดินว่างเปล่า

ในเรือนกระจกปลูกกล้วยไม้ชื่อดังหายาก มีหลายต้นที่คุณแม่ของฉันเป็นคนปลูกเมื่อตอนที่ท่านยังมีชีวิต ต่อมาเมื่อคุณแม่จากไป คุณพ่อก็เอากล้วยไม้เหล่านั้นกลับมาที่บ้านตระกูลเซียว ฉันรู้ว่าคุณน้าไม่ชอบดอกไม้พวกนั้นมานานแล้ว แต่เพราะคุณพ่อยังอยู่เธอเลยไม่ได้อะไรกับมันมากนัก แต่ตอนนี้คุณพ่อไม่อยู่แล้ว กล้วยไม้ของคุณแม่ก็ต้องถูกกำจัดทิ้งเป็นธรรมดา

ฉันรู้สึกเจ็บปวดใจ ทำไมตอนนั้นฉันถึงคิดไม่ถึงว่าควรเอาดอกกล้วยไม้ของคุณแม่ไปด้วยหลังจากเสร็จพิธีศพของคุณพ่อกันนะ

ฉันยืนนิ่งอยู่บนที่ดินว่างเปล่าผืนนั้นอยู่นาน กระทั่งเซียวซือเดินมาฉันถึงเดินเข้าไปด้านในกับเธอ

“แม่ฉันอยู่ในห้องรับแขก ไม่ว่าท่านจะพูดอะไรเธอก็ทำเป็นไม่ได้ยินซะ”

“ค่ะ ฉันรู้” ฉันตอบเธอ

“เซียวหลิงหลิงโกรธเธออยู่ เธอก็ให้อภัยพี่เขาหน่อยแล้วกัน”

“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับเหมือนเดิม

เมื่อเดินเข้ามาในห้องรับแขก กลิ่นไม้จันทน์ก็โชยเข้ามาปะทะหน้า เมื่อได้กลิ่นนี้ฉันก็นึกไปถึงช่วงวันที่คุณพ่อเพิ่งเสียช่วงนั้น มันน่าจะเป็นช่วงเวลามืดมนที่สุดในชีวิตของฉันก็ว่าได้

รูปของคุณพ่อวางอยู่กลางห้องรับแขก แต่ฉันไม่ได้เป็นคนเลือกรูปให้ท่าน มันเป็นรูปรูปหนึ่งในห้องทำงานของท่านและเป็นรูปที่ดูน่าเกรงขาม แต่ฉันคิดว่าความจริงแล้วนั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของคุณพ่อ ความน่าเกรงขามเหล่านั้นมันไม่มีอยู่จริงเลยแม้แต่นิดเดียว จริงๆ แล้วท่านเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนมากๆ คนหนึ่ง

คุณน้านั่งลงบนโซฟา ฉันเดินเข้าไปอย่างกลัวๆ เมื่อเธอเห็นฉันเธอก็พยักหน้าให้แล้วพูดกับฉันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “มาแล้วเหรอ?”

ฉันแปลกใจมาก จากนั้นก็เรียกเธอครั้งหนึ่ง แล้วเธอก็พยักหน้าให้ฉัน “จุดธูปไหว้พ่อเธอสิ“

“คะ” ฉันรีบลุกขึ้นอย่างเกรงกลัว แต่เธอก็โบกมือให้ฉัน “นั่งลงๆ ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น ฉันไม่ใช่เสือ ไม่ได้จะจับเธอกินหรอกน่า”

ฉันยิ้มแหยออกมาแล้วนั่งลงตามเดิม ความจริงแล้วฉันตื่นเต้นจนฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อ เมื่อกี้ที่ทานข้าวเสร็จฉันก็อยากกลับแล้ว แต่เซียวซือบอกกับฉันว่าให้อยู่ทานผลไม้ด้วยกันก่อนค่อยกลับ ฉันจึงทำได้เพียงนั่งลงอีกครั้ง

“ทานผลไม้สิ” คุณน้าพูด

ฉันจิ้มแตงโมขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วส่งมันเข้าปากและเคี้ยวไปทั้งที่ไม่รับรู้รสชาติ เซียวหลิงหลิงและเซียวซือนั่งขนาบข้างฉันทั้งซ้ายและขวา ทำให้ฉันค่อนข้างกดดัน

ฉันรับรู้ได้เลือนรางว่าคุณน้ามีเรื่องอะไรจะพูดกับฉัน ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ฉันทานแตงโมยังไม่ทันหมดชิ้น คุณน้าก็ส่งของบางอย่างมาให้ฉัน “เธอดูนี่สิ”

ฉันรีบรับมันมาทันที และพบว่ามันเป็นสัญญาโอนบ้าน

“มันคืออะไรเหรอคะ?” ฉันเงยหน้าขึ้นถามอย่างสงสัย ฉันไม่รู้ว่าคุณน้าให้ฉันดูสิ่งสิ่งนี้ทำไม?

“บ้านหลังนี้เป็นหลังที่แม่เธอเคยอยู่เมื่อก่อน พ่อเธอก็ซื้อมันเก็บไว้นานแล้ว ฉันคิดว่าความตั้งใจของเขาคืออยากโอนบ้านหลังนี้ให้เธอ เขาคงคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกะทันหัน ในพินัยกรรมก็เลยไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องบ้านหลังนี้ แล้วก็โอนให้เธอไม่ทัน”

ฉันอ่านตำแหน่งและที่อยู่ของบ้านหลังนั้นอย่างละเอียด มันเป็นบ้านที่ฉันและคุณแม่อยู่ด้วยกันเมื่อก่อน

ฉันมีความใฝ่ฝันในเรื่องนี้มาโดยตลอด ฉันอยากซื้อบ้านหลังนั้นไว้ ฉันยังคิดอยู่เลยว่าถ้าช่วงนี้มีเวลาจะให้เฉียวอี้ไปเจรจาเป็นเพื่อนฉัน แต่คุณพ่อก็ซื้อบ้านหลังนี้ไว้นานแล้ว

ฉันมองคุณน้าอย่างตะลึงงัน ไม่รู้ว่าจู่ๆ เธอจะเอามันออกมาทำไม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)