พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 148

“ทำไม?” หนีอีโจวถามฉัน

“ฉัน…” จู่ๆ จะให้ฉันตอบ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าควรตอบไปยังไง

“เพราะคุณอยากหย่ากับสีชิงชวน ก็เลยจับคู่ให้พวกเขาเหรอ?” หนีอีโจวคิดแบบนี้ก็คงเป็นไปตามธรรมชาติ ถึงฉันจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ตาม

“เซียวเซิง” ทันใดนั้นหนีอีโจวก็ดันซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้ฉัน “ถ้าคุณจะหย่าตอนนี้มันง่ายมาก”

“เอ๊ะ?” ฉันเปิดซองสีน้ำตาลนั้นด้วยความมึนงง จากนั้นก็ดึงกระดาษหลายแผ่นที่อยู่ในนั้นออกมา มันเป็นเอกสารการฟ้องหย่า

“นี่มัน…”

“นี่เป็นเอกสารการฟ้องหย่า ข้างในยังมีข้อตกลงในการหย่า คุณเอาเอกสารข้อตกลงในการหย่าไปคุยกับสีชิงชวนก่อน ถ้าเขาไม่ยอม เราก็ค่อยฟ้องหย่า ถ้ายึดตามสถานการณ์ตอนนี้เขามีสถานะเป็นเกย์ เอาชนะคดีได้ไม่ยาก”

ฉันชะงักมองกระดาษสองใบนั้นครู่หนึ่ง “สีชิงชวนต้องโกรธมากแน่”

“ผมรู้ด้วยว่าตอนนี้เขาอยากเร่งให้คุณช่วยประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์เขา แต่มันไม่ยุติธรรมสำหรับคุณ เซียวเซิง” หนีอีโจวมองฉันอย่างไม่ละสายตา “ไม่ต้องกลัวเขา จำไว้ว่าคุณมีผมที่คอยช่วยคุณอยู่ข้างหลัง”

หนีอีโจวพูดมาแบบนี้ ฉันเหมือนกับจะมีพลังขึ้นมาเลย แต่ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้สีชิงชวนเพิ่งฉีกสัญญาของเราทิ้งไป ให้ไปคุยกับเขาเรื่องหย่าตอนนี้ ความเป็นไปได้ก็คงจะน้อยมาก

ฉันเก็บหนังสือข้อตกลงกลับเข้าไปในซองกระดาษสีน้ำตาลตามเดิม “รอให้สภาพอารมณ์สีชิงชวนสงบกว่านี้ก่อนค่อยว่ากันแล้วกัน แค่กลัวว่าตอนนี้เขากำลังฉุนเฉียวอยู่ คุยอะไรไปก็คงไม่ยอมตกลง ถ้าไปยื่นฟ้อง เขามีอำนาจมากมายขนาดนั้น ฉันกลัวว่าฉันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาน่ะสิ”

“ก็ดีเหมือนกัน รอเขาอารมณ์คงที่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ตอนกลางคืนกินอิ่มเกินไป หนีอีโจวจึงเสนอให้ไปเดินเล่นสักหน่อยก่อน แต่รถของเขายังจอดอยู่ที่ร้านอาหาร

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้น “ไม่งั้นผมเอารถไปจอดที่บ้านก่อน แล้วเราก็พามาร์ชเมลโล่ไปเดินเล่นกันเป็นไง แล้วค่อยไปส่งคุณกลับ”

“ดีเลยสิ!” ถือเป็นวิธีที่ดีไปเลย ฉันก็ไม่ได้เจอเจ้ามาร์ชเมลโล่มาสักพักแล้ว คิดถึงมันอยู่เหมือนกัน

ฉันกับหนีอีโจวขับรถกลับมาที่บ้านของเขา จากนั้นก็เข้าไปในบ้านด้วยกัน

ตอนที่หนีอีโจวกำลังเปิดประตู ฉันรู้สึกเหมือนมีแสงอะไรบางอย่างสาดมาที่ประตูแวบหนึ่ง ฉันหันกลับไปมองแต่ก็ไม่เห็นอะไร ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่นี่มันดึกแล้วก็ไม่ควรจะมีแสงอะไรแล้วนะ

ทันทีที่เปิดประตู เจ้ามาร์ชเมลโล่ก็โถมตัวเข้ามาทันที ไม่ได้เจอกันพักหนึ่ง เจ้ามาร์ชเมลโล่โตขึ้นอีกแล้ว เป็นสุนัขที่มีรูปร่างใหญ่และขนยาว หนีอีโจวผูกเปียให้มันสองข้างด้วย น่ารักมากๆ เลยล่ะ

มันโผเข้ามาหาฉันจนฉันเกือบล้ม หนีอีโจวจึงประคองฉันไว้ ฉันจึงล้มลงในอ้อมกอดของเขา

ฉันยิ้มออกมาอย่างจนปัญญา “ทำไมมันโตเร็วจัง?”

“รูปร่างของสุนัขพันธุ์โอลด์ อิงลิช ชีพด็อกมันก็ตัวใหญ่อยู่แล้วนะ รอมันโตเต็มวัยแล้วยืนจะสูงกว่าผู้ชายวัยผู้ใหญ่อีก”

“ตัวใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉันโชคดีจังที่ตอนแรกยกเจ้ามาร์ชเมลโล่ให้หนีอีโจวเลี้ยง ไม่งั้นคงถูกจับได้เข้าสักวันว่าฉันเลี้ยงสุนัขตัวใหญ่ขนาดนี้ไว้ในบ้านตระกูลสี

“มันยังไม่โตเต็มวัยเลย ยังโตได้อีก” หนีอีโจวดึงตัวเจ้ามาร์ชเมลโล่ไว้แล้วใส่เชือกจูงสุนัข “เป็นเด็กดีหน่อย ฉันกับแม่แกจะพาแกออกไปเดินเล่น”

“ฉันเป็นแม่ แล้วคุณเป็นอะไร?”

“ก็พ่อไง!” หนีอีโจวตอบอย่างจริงจัง

หน้าฉันคงแดงแล้วล่ะ แต่ไฟที่ประตูหน้ามันมืด ก็เลยมองไม่ค่อยออก

หนีอีโจวงานยุ่ง ปกติจะกลับมาถึงก็ค่ำแล้ว เขาจ้างพนักงานจ้างรายชั่วโมงมาทำความสะอาดบ้านและพาสุนัขไปเดินเล่นเพื่อเจ้ามาร์ชเมลโล่โดยเฉพาะ

เมื่อตอนกลางวันเจ้ามาร์ชเมลโล่ออกไปเดินเล่นมาแล้วรอบหนึ่ง ตอนค่ำได้ออกไปอีกรอบมันก็ยังคึกคักเหมือนเดิม มันพุ่งไปข้างหน้าไม่หยุดเหมือนสปริงเกลียว ฉันโดนมันลากจนต้องรีบวิ่งตาม

เมื่อคิดขึ้นได้ฉันก็รู้สึกหมดสนุกลงเล็กน้อย ในตอนที่ฉันไม่ทันระวังตัว หนีอีโจวก็ขยับเข้ามาใกล้ฉัน นิ้วของเขาจับเส้นผมที่กำลังพลิ้วไหวอยู่บนแก้มฉัน

ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เพราะเราไม่ใช่ตอนเด็กๆ แล้ว ตอนนี้เราโตกันแล้ว ตอนเด็กๆ เราสามารถอยู่ใกล้ชิดกันและสนุกสนานเฮฮากันได้ตามสบาย แต่ตอนนี้เราต่างก็โตกันแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือเขาเป็นผู้ชายและฉันเป็นผู้หญิง

หนีอีโจวอยู่ใกล้กับฉันมากจนฉันได้กลิ่นแชมพูกลิ่นเปปเปอร์มินต์จากผมเขา มันเป็นยี่ห้อที่ฉันชอบมาก กลิ่นเปปเปอร์มินต์หอมอ่อนๆ ไม่แสบจมูก ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนเขาก็ใช้ยี่ห้อนี้ จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว เขาก็ยังใช้มันอยู่

หนีอีโจวไม่สูบบุหรี่ นิ้วของเขาไม่เหลืองและยังมีกลิ่นมะนาวจากสบู่เหลวล้างมืออีกด้วย มือของเขาอยู่บนแก้มของฉัน ใกล้จนฉันรู้สึกได้ว่าขนอ่อนบนหลังมือของเขาสัมผัสโดนหน้าฉัน ฉันอยากหลบ แต่เขากลับกุมใบหน้าฉันไว้

เงาของต้นไม้สาดกระทบกับใบหน้าของเขา ดวงตาของเขาราวกับกำลังซ่อนหา ฉันหลบ เขาซ่อน

ฉันตื่นเต้นจนหายใจลำบาก หัวใจเต้นก็เร็วขึ้น และยังมีความรู้สึกละอายอยู่บางเบา ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกละอายแบบนี้มันมาจากไหน

“พี่เสี่ยวฉวน” ฉันพูดเสียงสั่น อดไม่ได้ที่อยากจะหลบเขา “ฉัน…”

“ตอนอายุสิบแปด ผมก็มีความฝันอย่างหนึ่ง” เขาปิดตาลงพร้อมพึมพำออกมาเบาๆ ราวกับกำลังพูดให้ตัวเองฟัง “ผมอยากใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นชอบใส่กระโปรงสีฟ้าเหมือนกับน้ำทะเล เหมือนกับท้องฟ้า…”

เขาทำเหมือนกับกำลังท่องบทกลอน คำพูดแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนให้ผู้ชายคนอื่นมาพูดคงจะรู้สึกชวนพะอืดพะอม แต่พอมันออกมาจากปากของหนีอีโจว มันกลับไพเราะและชวนหลงใหลราวกับว่ามันเป็นบทกลอน

ฉันรู้ว่าคนที่เขาพูดถึงคือฉัน

ฉันแอบมองเขาและซ่อนดวงตาไว้ภายใต้เส้นผม ถ้าเป็นเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ฉันก็คงบอกเขาได้ในแบบเดียวกัน

ฉันฝันอยากคบ แต่งงาน มีลูก แล้วก็ทำอะไรหลายๆ อย่างและอยู่ด้วยกันกับหนีอีโจวตลอดไปตั้งแต่ตอนที่ตัวเองอายุสิบห้า

แต่ตอนนี้ ฉันไม่รู้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)