“ทำไม?” หนีอีโจวถามฉัน
“ฉัน…” จู่ๆ จะให้ฉันตอบ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าควรตอบไปยังไง
“เพราะคุณอยากหย่ากับสีชิงชวน ก็เลยจับคู่ให้พวกเขาเหรอ?” หนีอีโจวคิดแบบนี้ก็คงเป็นไปตามธรรมชาติ ถึงฉันจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ตาม
“เซียวเซิง” ทันใดนั้นหนีอีโจวก็ดันซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้ฉัน “ถ้าคุณจะหย่าตอนนี้มันง่ายมาก”
“เอ๊ะ?” ฉันเปิดซองสีน้ำตาลนั้นด้วยความมึนงง จากนั้นก็ดึงกระดาษหลายแผ่นที่อยู่ในนั้นออกมา มันเป็นเอกสารการฟ้องหย่า
“นี่มัน…”
“นี่เป็นเอกสารการฟ้องหย่า ข้างในยังมีข้อตกลงในการหย่า คุณเอาเอกสารข้อตกลงในการหย่าไปคุยกับสีชิงชวนก่อน ถ้าเขาไม่ยอม เราก็ค่อยฟ้องหย่า ถ้ายึดตามสถานการณ์ตอนนี้เขามีสถานะเป็นเกย์ เอาชนะคดีได้ไม่ยาก”
ฉันชะงักมองกระดาษสองใบนั้นครู่หนึ่ง “สีชิงชวนต้องโกรธมากแน่”
“ผมรู้ด้วยว่าตอนนี้เขาอยากเร่งให้คุณช่วยประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์เขา แต่มันไม่ยุติธรรมสำหรับคุณ เซียวเซิง” หนีอีโจวมองฉันอย่างไม่ละสายตา “ไม่ต้องกลัวเขา จำไว้ว่าคุณมีผมที่คอยช่วยคุณอยู่ข้างหลัง”
หนีอีโจวพูดมาแบบนี้ ฉันเหมือนกับจะมีพลังขึ้นมาเลย แต่ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้สีชิงชวนเพิ่งฉีกสัญญาของเราทิ้งไป ให้ไปคุยกับเขาเรื่องหย่าตอนนี้ ความเป็นไปได้ก็คงจะน้อยมาก
ฉันเก็บหนังสือข้อตกลงกลับเข้าไปในซองกระดาษสีน้ำตาลตามเดิม “รอให้สภาพอารมณ์สีชิงชวนสงบกว่านี้ก่อนค่อยว่ากันแล้วกัน แค่กลัวว่าตอนนี้เขากำลังฉุนเฉียวอยู่ คุยอะไรไปก็คงไม่ยอมตกลง ถ้าไปยื่นฟ้อง เขามีอำนาจมากมายขนาดนั้น ฉันกลัวว่าฉันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาน่ะสิ”
“ก็ดีเหมือนกัน รอเขาอารมณ์คงที่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ตอนกลางคืนกินอิ่มเกินไป หนีอีโจวจึงเสนอให้ไปเดินเล่นสักหน่อยก่อน แต่รถของเขายังจอดอยู่ที่ร้านอาหาร
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้น “ไม่งั้นผมเอารถไปจอดที่บ้านก่อน แล้วเราก็พามาร์ชเมลโล่ไปเดินเล่นกันเป็นไง แล้วค่อยไปส่งคุณกลับ”
“ดีเลยสิ!” ถือเป็นวิธีที่ดีไปเลย ฉันก็ไม่ได้เจอเจ้ามาร์ชเมลโล่มาสักพักแล้ว คิดถึงมันอยู่เหมือนกัน
ฉันกับหนีอีโจวขับรถกลับมาที่บ้านของเขา จากนั้นก็เข้าไปในบ้านด้วยกัน
ตอนที่หนีอีโจวกำลังเปิดประตู ฉันรู้สึกเหมือนมีแสงอะไรบางอย่างสาดมาที่ประตูแวบหนึ่ง ฉันหันกลับไปมองแต่ก็ไม่เห็นอะไร ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่นี่มันดึกแล้วก็ไม่ควรจะมีแสงอะไรแล้วนะ
ทันทีที่เปิดประตู เจ้ามาร์ชเมลโล่ก็โถมตัวเข้ามาทันที ไม่ได้เจอกันพักหนึ่ง เจ้ามาร์ชเมลโล่โตขึ้นอีกแล้ว เป็นสุนัขที่มีรูปร่างใหญ่และขนยาว หนีอีโจวผูกเปียให้มันสองข้างด้วย น่ารักมากๆ เลยล่ะ
มันโผเข้ามาหาฉันจนฉันเกือบล้ม หนีอีโจวจึงประคองฉันไว้ ฉันจึงล้มลงในอ้อมกอดของเขา
ฉันยิ้มออกมาอย่างจนปัญญา “ทำไมมันโตเร็วจัง?”
“รูปร่างของสุนัขพันธุ์โอลด์ อิงลิช ชีพด็อกมันก็ตัวใหญ่อยู่แล้วนะ รอมันโตเต็มวัยแล้วยืนจะสูงกว่าผู้ชายวัยผู้ใหญ่อีก”
“ตัวใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉันโชคดีจังที่ตอนแรกยกเจ้ามาร์ชเมลโล่ให้หนีอีโจวเลี้ยง ไม่งั้นคงถูกจับได้เข้าสักวันว่าฉันเลี้ยงสุนัขตัวใหญ่ขนาดนี้ไว้ในบ้านตระกูลสี
“มันยังไม่โตเต็มวัยเลย ยังโตได้อีก” หนีอีโจวดึงตัวเจ้ามาร์ชเมลโล่ไว้แล้วใส่เชือกจูงสุนัข “เป็นเด็กดีหน่อย ฉันกับแม่แกจะพาแกออกไปเดินเล่น”
“ฉันเป็นแม่ แล้วคุณเป็นอะไร?”
“ก็พ่อไง!” หนีอีโจวตอบอย่างจริงจัง
หน้าฉันคงแดงแล้วล่ะ แต่ไฟที่ประตูหน้ามันมืด ก็เลยมองไม่ค่อยออก
หนีอีโจวงานยุ่ง ปกติจะกลับมาถึงก็ค่ำแล้ว เขาจ้างพนักงานจ้างรายชั่วโมงมาทำความสะอาดบ้านและพาสุนัขไปเดินเล่นเพื่อเจ้ามาร์ชเมลโล่โดยเฉพาะ
เมื่อตอนกลางวันเจ้ามาร์ชเมลโล่ออกไปเดินเล่นมาแล้วรอบหนึ่ง ตอนค่ำได้ออกไปอีกรอบมันก็ยังคึกคักเหมือนเดิม มันพุ่งไปข้างหน้าไม่หยุดเหมือนสปริงเกลียว ฉันโดนมันลากจนต้องรีบวิ่งตาม
เมื่อคิดขึ้นได้ฉันก็รู้สึกหมดสนุกลงเล็กน้อย ในตอนที่ฉันไม่ทันระวังตัว หนีอีโจวก็ขยับเข้ามาใกล้ฉัน นิ้วของเขาจับเส้นผมที่กำลังพลิ้วไหวอยู่บนแก้มฉัน
ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เพราะเราไม่ใช่ตอนเด็กๆ แล้ว ตอนนี้เราโตกันแล้ว ตอนเด็กๆ เราสามารถอยู่ใกล้ชิดกันและสนุกสนานเฮฮากันได้ตามสบาย แต่ตอนนี้เราต่างก็โตกันแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือเขาเป็นผู้ชายและฉันเป็นผู้หญิง
หนีอีโจวอยู่ใกล้กับฉันมากจนฉันได้กลิ่นแชมพูกลิ่นเปปเปอร์มินต์จากผมเขา มันเป็นยี่ห้อที่ฉันชอบมาก กลิ่นเปปเปอร์มินต์หอมอ่อนๆ ไม่แสบจมูก ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนเขาก็ใช้ยี่ห้อนี้ จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว เขาก็ยังใช้มันอยู่
หนีอีโจวไม่สูบบุหรี่ นิ้วของเขาไม่เหลืองและยังมีกลิ่นมะนาวจากสบู่เหลวล้างมืออีกด้วย มือของเขาอยู่บนแก้มของฉัน ใกล้จนฉันรู้สึกได้ว่าขนอ่อนบนหลังมือของเขาสัมผัสโดนหน้าฉัน ฉันอยากหลบ แต่เขากลับกุมใบหน้าฉันไว้
เงาของต้นไม้สาดกระทบกับใบหน้าของเขา ดวงตาของเขาราวกับกำลังซ่อนหา ฉันหลบ เขาซ่อน
ฉันตื่นเต้นจนหายใจลำบาก หัวใจเต้นก็เร็วขึ้น และยังมีความรู้สึกละอายอยู่บางเบา ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกละอายแบบนี้มันมาจากไหน
“พี่เสี่ยวฉวน” ฉันพูดเสียงสั่น อดไม่ได้ที่อยากจะหลบเขา “ฉัน…”
“ตอนอายุสิบแปด ผมก็มีความฝันอย่างหนึ่ง” เขาปิดตาลงพร้อมพึมพำออกมาเบาๆ ราวกับกำลังพูดให้ตัวเองฟัง “ผมอยากใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นชอบใส่กระโปรงสีฟ้าเหมือนกับน้ำทะเล เหมือนกับท้องฟ้า…”
เขาทำเหมือนกับกำลังท่องบทกลอน คำพูดแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนให้ผู้ชายคนอื่นมาพูดคงจะรู้สึกชวนพะอืดพะอม แต่พอมันออกมาจากปากของหนีอีโจว มันกลับไพเราะและชวนหลงใหลราวกับว่ามันเป็นบทกลอน
ฉันรู้ว่าคนที่เขาพูดถึงคือฉัน
ฉันแอบมองเขาและซ่อนดวงตาไว้ภายใต้เส้นผม ถ้าเป็นเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ฉันก็คงบอกเขาได้ในแบบเดียวกัน
ฉันฝันอยากคบ แต่งงาน มีลูก แล้วก็ทำอะไรหลายๆ อย่างและอยู่ด้วยกันกับหนีอีโจวตลอดไปตั้งแต่ตอนที่ตัวเองอายุสิบห้า
แต่ตอนนี้ ฉันไม่รู้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...