พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 153

คาดว่าสีชิงชวนคงไม่เข้าใจคำพูดของฉัน เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น “คุณกำลังหลอกตัวเองอยู่”

“ไม่ใช่ ที่พ่อพาฉันกลับบ้าน เพราะอยากให้ฉันมีชีวิตที่สะดวกสบาย ถ้าท่านรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่แล้วลำบาก ท่านต้องเสียใจมากแน่ อันที่จริงเซียวหลิงหลิงกับแม่เลี้ยงก็แค่กลั่นแกล้งฉันนิดหน่อย ฉันยอมรับมันได้”

“คุณยิ่งก้มหัว พวกเธอก็ยิ่งเหยียบบนหัวคุณ”

“ให้เหยียบเลย ถึงยังไงแม่เลี้ยงก็ไม่ได้หัวใจของคุณพ่อทั้งชีวิต ส่วนเซียวหลิงหลิงก็ไม่เป็นที่โปรดปรานในบ้านตระกูลเซียว คนที่มีชีวิตไม่สมบูรณ์แบบก็จะชอบข่มเหงรังแกคนอื่นแบบนี้แหละ” ฉันตวัดสายตามองเขาพร้อมกับแย้มยิ้ม “คนแกร่งย่อมรู้จักอดทน”

“อย่าหาข้ออ้างให้กับความใจเสาะของตัวเองหน่อยเลย”

ฉันทอดถอนใจ ฉันมีความอดทนอดกลั้นสูง และฉันคงไม่มีทางสู้กลับตลอดไป ใช่แล้ว ฉันพูดและจัดแจงซะสวยหรู แต่สุดท้ายคนที่ต้องแบกรับคนขมขื่นก็คือตัวเอง

ฉันไม่อยากคุยเรื่องนี้กับสีชิงชวนต่อ ส่วนเขาก็เหมือนจะรู้สึกเช่นเดียวกับฉัน

ฉันมาร์กหน้าได้พอสมควรแล้ว เมื่อฉันเอนกายนอนลง เขาก็ช่วยฉันดึงแผ่นมาร์กหน้าออก จากนั้นก็ช่วยฉันล้างหน้าและทาครีมบำรุง

ฉันตะลึงกับขั้นตอนการทาครีมของเขาเหลือเกิน เขาทาโทนเนอร์บำรุงผิวเป็นลำดับแรก ต่อด้วยทรีตเมนต์ เอสเซนส์ จากนั้นก็ทาเซรั่ม ไม่ผิดแม้แต่ขั้นตอนเดียว

ฉันอดสงสัยในตัวเขาไม่ได้ “คุณยังบอกว่าคุณไม่ได้บำรุงผิวพรรณอีก”

“ถึงผมจะไม่เคยกินเนื้อหมู แต่ก็เคยเห็นหมูเดิน”

“คุณเคยเห็นขั้นตอนการบำรุงผิวจากป๋ออวี่หรือว่าเซียวซือ?”

มือที่ทาเซรั่มให้ฉันค้างเติ่ง จากนั้นก็ยิ้มเอ่ย “มีแค่สองคนนี้ผ่านเข้ามาในชีวิตผมหรือไง?”

หรือเขายังเคยคบกับคนอื่นด้วย งั้นฉันก็ไม่รู้แล้วละ

เมื่อทาสกินแคร์บำรุงผิวเสร็จสรรพ ฉันก็รู้สึกใบหน้าอิ่มน้ำจนฟูขึ้นหนึ่งระดับ

ฉันนั่งพับขาบนเตียง การสร้างภาพของวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ยากนักที่ฉันกับสีชิงชวนจะนั่งคุยกันได้ถูกคอแบบนี้

จากนั้นช่างแต่งหน้าก็เข้ามาเนรมิตรูปโฉมของฉัน สีชิงชวนเห็นแล้วก็ลุกขึ้น ต่อด้วยเดินออกไป เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูเขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ผิวเธอดี แต่งให้อ่อนที่สุดเท่าที่จะอ่อนได้”

ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม สีชิงชวนชมฉันหรอกหรือ?

หลังจากแต่งหน้าเสร็จก็ถึงขั้นตอนใส่เสื้อผ้า เลขาคนสวยนำชุดกี่เพ้าจำนวนหลายชุดให้ฉันเลือก ฉันเลือกชุดสีขาวลายดอกไม้ ซึ่งมันเหมาะกับหุ่นของฉันพอดี แววตาที่สีชิงชวนมองฉัน บ่งบอกว่าพอใจระดับหนึ่ง

ฉันแอบถามเลขาสาวว่าทำไมถึงมาส่งชุดให้ฉัน เธอกระซิบบอกฉันว่า “ผู้ช่วยป๋อลางานค่ะ”

ฉันรู้สึกผิดต่อป๋ออวี่ยิ่งนัก ตอนแรกฉันเตรียมขอโทษเขาตอนเที่ยงนี้ ฉันปั่นชีวิตของเขาจนยุ่งเหยิงไม่เป็นท่า ตอนนี้เคอเหม่ยซูเลิกกับเขา ซ้ำร้ายเขายังถูกเปิดโปงชีวิตส่วนตัวอีก

เที่ยงนี้พวกเรากินอาหารเจียงซูในร้านที่มีบรรยากาศเลิศหรู บนเวทียังมีคนขับร้องเพลงพื้นบ้านของซูโจว โดยมีเสียงดนตรีของเครื่องเล่นผิงถาน1ประสานกับเสียงร้องเพลง

การร้องเพลงสไตล์นี้ก็เหมือนการครอสทอล์ค มีจังหวะที่กำหนดไว้ตายตัว และไม่เปลี่ยนแปลง

หากชายหนุ่มสวมแว่นตากำลังดีดซอสองสาย เช่นนั้นคนที่เล่นเครื่องผีผาก็ต้องเป็นหญิงสาวผมลอนสั้นอายุสามสิบกว่าปีอย่างแน่นอน

พวกเราพึ่งไปถึงไม่นาน ท่านประธานแห่งบริษัทหงจีกรุ๊ปพร้อมกับภรรยาก็มาถึง

ฉันเคยเห็นท่านประธานที่ผมขาวโพลนตามข่าวแล้ว ภรรยาของเขาอายุห้าสิบกว่า วันนี้ใส่ชุดกี่เพ้าเหมือนฉันซะด้วย ซึ่งชุดกี่เพ้าของอีกฝ่ายจะเป็นสีขาวที่มีขอบกระโปรงผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินสดใส บริเวณคอระหงจะประดับประดาด้วยสร้องคอไข่มุก แลดูสง่าราศียิ่ง

คุณนายท่านนี้ใช้ภาษาจีนที่ไม่ลื่นไหลทักทายฉัน ฉันจึงใช้ภาษาญี่ปุ่นคุยกับอีกฝ่าย

สีชิงชวนมองฉันด้วยความตกตะลึงปราดหนึ่ง เขาคงคิดไม่ถึงว่าฉันจะพูดภาษาญี่ปุ่นได้

ฉันมีพรสวรรค์ด้านภาษาตั้งแต่เด็ก ตอนที่ฉันกลับมาอยู่ในบ้านตระกูลเซียว เวลาที่ฉันขังตัวเองอยู่ในห้องนอน พอว่างจากการทำการบ้านและอ่านตำราเรียนแล้ว ฉันก็จะหยิบหนังสือชนิดต่าง ๆ มาอ่าน แต่เวลาต่อมา ฉันไม่อยากอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน จึงไปขอให้คุณพ่อส่งฉันเรียนพิเศษหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเรียนภาษาญี่ปุ่น

สีชิงชวนให้ฉันประชาสัมพันธ์ไม่ใช่เหรอ งั้นฉันก็จะทำให้สมบูรณ์แบบที่สุด ฉันจึงแอบสั่งโชเฟอร์ให้กลับไปเอามาจากที่บ้าน สีชิงชวนจึงไม่รู้เรื่องนี้

ฉันรู้ว่าคุณนายท่านนี้ต้องชอบมากแน่ การมอบของขวัญเป็นหยกแกะสลักมันทั้งรู้สึกจริงใจและสูงศักดิ์ด้วย

และหยกก็เป็นหยกน้ำดี บวกกับฝีมือการแกะสลักของฉันที่พอไปวัดไปวาได้ ซึ่งกว่าจะได้ผลงานชิ้นนี้ ฉันทำหยกเสียไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

คุณนายรีบกล่าวขอบคุณฉัน แม้แต่ตัวประธานเองก็รู้สึกชมชอบมันมาก ชมว่าฉันแกะสลักคุณนายได้สวยงามเหมือนเทพธิดา แล้วยังถามด้วยว่าฉันแกะสลักตอนไหน

ฉันตอบไปว่าฉันเริ่มแกะสลักหลังจากที่รู้ว่าบริษัทสีซื่อกรุ๊ปจะร่วมลงทุนกับบริษัทพวกเขา แต่กลับหยิบของขวัญผิดก่อน

ท่านประธานหัวเราะเสียงดังลั่น “อันนี้ก็ถือว่าเป็นน้ำใจของพวกคุณ ถึงจะเกิดเรื่องอึดอัดใจขึ้นนิดเล็ก แต่พวกเราก็ช่วยอธิบายแทนพวกคุณได้ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”

มองผิวเผิน ฉันกำลังปั้นรอยยิ้มละมุนละไมอยู่ แต่ความจริงคือฝ่ามือฉันเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ กระทั่งใต้เท้ายังมีเหงื่อซึมออกมาเลย

ฉันพยายามสร้างปฏิสัมพันธ์ให้ดีที่สุด หวังว่าสีชิงชวนจะปล่อยฉันไป ถือซะว่าฉันทำดีไถ่โทษเถอะนะ

ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำ สีชิงชวนก็พูดว่าจะไปเป็นเพื่อนฉัน

เขาจับแขนฉันแล้วเดินผ่านระเบียงทางเดินอันยาวเหยียด เสียงใสกังวานของนักแสดงสาวดังขึ้นบนเวทีว่า “ไต้อวี้ได้ยินพลันพยักหน้ารับ เอ่ยว่าจดจำถ้อยคำของท่านพี่ได้ขึ้นใจ หากแต่ในใจนั้นไซร้กลับเศร้าสร้อย ไยศัตรูผู้นี้จึงหมายตาข้าได้”

เขาพูดกะทันหัน “ทำไมแขนของคุณถึงมีแต่เหงื่อ”

“ตื่นเต้นไง”

“ไม่ใช่งานเลี้ยงระดับประเทศซะหน่อย คุณจะตื่นเต้นไปทำไม?”

[1]ซอสองสาย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)