พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 156

ตายแล้ว คุณแม่สีแค่เอ่ยปาก ฉันก็รู้ว่าท่านต้องพูดถึงเรื่องเมื่อคืนเป็นแน่

เรื่องแบบนี้ฉันจะพูดอย่างไร แต่สำหรับผู้ใหญ่แล้ว ล้วนเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยาก ต่อให้อธิบายจนคอแห้ง ก็ไม่สามารถชี้แจ้งได้ว่าทำไมฉันจูงสุนัขไปเที่ยวกลางดึก ทั้งยังโอบกอดกันอีกด้วย

ความจริงแล้ว ฉันก็มึนงงไปหมด

ความว้าวุ่นใจกับความรู้สึกผิดพลุ่งพล่านในใจ เวลาฉันเครียดๆ ฉันมักจะกัดเล็บตัวเอง เดิมทีเล็บก็ไม่ได้ยาว ตอนนี้ถูกฉันกัดจนสั้นหมดแล้ว

“เซียวเซิง” น้ำเสียงของคุณแม่สีเปี่ยมไปด้วยความอดทน “ตระกูลสีของพวกเราไม่เคยอับอายเท่านี้มาก่อน และไม่เคยเป็นฝ่ายรับแบบนี้ด้วย เรื่องของชิงชวนเมื่อวานก็เป็นฝีมือหนูใช่ไหม?” ท่านเงยหน้าจ้องมองฉัน “ไม่เคยมีใครบังคับให้หนูเป็นแพะรับบาป ตอนนี้แม่จะถามหนูอีกหนึ่งรอบ เป็นฝีมือของหนูใช่ไหม?”

ถึงแม้คุณแม่สีจะไม่ได้พูดเสียงดุ แต่ฉันก็ฟังออกว่าท่านรู้สึกโกรธเคืองแค่ไหน

ฉันรู้ว่าคุณแม่สีพยายามให้ตัวเองมาชอบฉัน ตอนงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของท่าน ท่านก็ให้ฉันนั่งด้านข้าง ทว่าเพราะการปรากฏตัวของเจี่ยงเทียนทำให้บรรยากาศกระอักกระอ่วน ตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก

ฉันพยักหน้าหงึกๆ “คุณแม่คะ หนูเองค่ะ เป็นฝีมือของหนูเอง ไม่มีใครให้หนูเป็นแพะรับบาปหรอกค่ะ”

“ได้ งั้นปล่อยเรื่องเมื่อวานให้ผ่านไป แม้หนูกับสีชิงชวนจะโกหกแม่ก็ตาม แต่เรื่องเมื่อคืนมันเป็นยังไงกันแน่? รู้ทั้งรู้ว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์คับขัน พวกนักข่าวจับตามองหนูทุกฝีก้าว แล้วทำไมหนูยังไปทำตัวใกล้ชิดกับทนายคนนั้นอีก?”

ฉันใบ้กินทันที หมดคำพูดจะตอบ อันที่จริงคุณแม่สีไว้หน้าฉันมากแล้ว ท่านไล่ทุกคนในห้องรับแขกไปจนหมด เหลือไว้เพียงฉันกับท่านสองคน

ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ฉันจำเป็นต้องพูดให้กระจ่าง “หนูกับหนีอีโจวไม่ได้มีอะไรค่ะ”

“ตอนนี้แม่ไม่สนใจว่าพวกหนูจะมีอะไรกันหรือเปล่า แต่ปัญหาคือนักข่าวถ่ายภาพได้แล้ว ทุกคนเห็นรูปที่หนูกับทนายความกอดกันอยู่แล้ว” คุณแม่สีหยุดพูด “อีกไม่นานพ่อของชิงชวนต้องสมัครคัดเลือกเป็นประธานหอการค้า ส่วนชิงชวนก็ต้องเป็นทูตสันถวไมตรีทางด้านเศรษฐกิจของAPAC ตอนนี้ตระกูลสีมีแต่ข่าวฉาว ถูกชาวบ้านหัวเราะเยาะกันหมด มันต้องส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพวกเขาแน่”

มิน่าล่ะสีชิงชวนจึงพยายามประชาสัมพันธ์เต็มที่ ที่แท้เขากำลังจะเป็นทูตนี่เอง

นอกจากคำว่าขอโทษแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรอีก จึงก้มหน้าขอโทษอย่างเดียว และบอกว่าครั้งหน้าจะระวังตัว

“เซียวเซิง” คุณแม่สีทอดถอนหายใจ “แม่รู้ว่าหนูเป็นคนอยู่ในกรอบและมีมารยาท บางทีอาจจะถูกคนอื่นใช้เป็นเครื่องมือก็ได้ ต่อไปเวลาจะเลือกคบเพื่อนก็ต้องดูดีๆ หน่อย”

ฉันเข้าใจความหมายที่ซ่อนเร้นในคำพูดของคุณแม่สีดี ท่านกำลังบอกว่าหนีอีโจวไม่ใช่คนดี

ท่านพูดเหมือนสีชิงชวนทุกอย่าง พวกเขาล้วนคิดว่าหนีอีโจวมีเงื่อนงำ

ถึงฉันจะไม่เห็นด้วย แต่ฉันก็แก้ต่างแทนเขาไม่ได้

ฉันกัดเล็บจนหมดเกลี้ยง ตอนนี้กำลังลูบจับชายเสื้ออยู่ ดังนั้นชุดกี่เพ้าที่ทำจากไหมถูกฉันขยุ้มจนยับยู่ยี่

“เซียวเซิง” คุณแม่สีรู้สึกเพลียจิต “เมื่อก่อนแม่ก็ไม่ยุ่งเรื่องความรักของคนหนุ่มสาวหรอก แต่พวกหนูยังอยู่ในวัยใจร้อน ถ้าไม่รักกันก็จะประคับประคองชีวิตต่อไปได้ยาก สีชิงชวน” ทันใดนั้นคุณแม่สีก็เรียกชื่อของสีชิงชวน ฉันจึงพบว่าตอนนี้สีชิงชวนคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว กำลังเดินไปพวกเราไป แต่ท้ายทอยของคุณแม่สีเหมือนมีดวงตา ท่านรู้ใครกำลังเดินอยู่ด้านหลัง

สีชิงชวนหยุดเดิน พลางเอ่ยเสียงเรียบเฉย “แม่สามีกับลูกสะใภ้คุยกัน ผมไม่รบกวนแล้ว”

“ลูกมานี่เลย”

สีชิงชวนเลิกคิ้ว ฉันพบว่านี่เป็นพฤติกรรมตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่ติดเป็นนิสัยของเขา เมื่อมีคนบังคับให้เขาทำในสิ่งที่ตนไม่ชอบและไม่อาจขัดคำสั่งของคุณแม่สีหรือคุณย่าได้ เขาก็จะทำหน้าแบบนี้เสมอ

เขาเดินเข้ามาแล้วเตรียมทิ้งก้นนั่งบนโซฟา คุณแม่สีก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม “ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ แม่ไม่ได้คุยกับเซียวเซิง แม่กำลังสั่งสอนเธออยู่ และเกี่ยวกับลูกด้วย ลูกไม่มีสิทธิ์นั่ง”

คุณแม่สีเผด็จการสุดๆ เทศนาจนสีชิงชวนยืนตัวตรง

ฉันเองก็รู้สึกผิดมาก นับจากวันที่แต่งงานกันก็เกิดเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน ไม่เคยได้ใช้ชีวิตแบบเงียบสงบเลย

ถ้าไม่ใช่ฉันอวดฉลาด รสนิยมทางเพศของสีชิงชวนก็จะไม่ประจักษ์สู่สายตาคนทั่วโลก

ฉันนั่งเหม่อมองสวนหย่อมตรงระเบียงห้อง ฉันชอบสวนหย่อมของบ้านตระกูลสีมาก เพราะจัดสไตล์การตกแต่งได้ดีเยี่ยม ถึงจะมีดอกไม้ในสวนนานาพันธุ์ แต่ก็ไม่ได้ดูรกรุงรังเลยสักนิด ทว่าจิตใจฉันกลับรุงรัง ยุ่งเหยิงไม่เป็นท่า

ชีวิตคนเรามักจะมีพลังบางสิ่งค้ำจุนเสมอ เมื่อก่อนฉันมีคุณพ่อ คุณแม่ และหนีอีโจวที่ซ่อนไว้ในก้นบึ้งหัวใจค้ำจุนชีวิตของฉันให้ก้าวเดินต่อไปได้

แต่ตอนนี้ ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ล้วนอำลาจากโลกไปแล้ว เหลือเพียงหนีอีโจวที่เหมือนไม่เพียงพอแก่การค้ำจุนหัวใจของฉัน

ตอนที่เขาสารภาพรักกับฉัน บอกตามตรง ฉันแค่รู้สึกตะลึง ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งสักนิด และไม่ได้รู้สึกดีใจจนหลั่งน้ำตาออกมา ฉันแค่กำลังคิดว่าทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้

ด้านหน้าระเบียงห้องของฉันล้วนเป็นต้นไม้ใหญ่อันเขียวชอุ่ม ห้องนอนของฉันอยู่ชั้นสี่ ต้นไม้บางต้นสูงลิ่วเลย ตอนนี้ใกล้สูงมาถึงชั้นสี่แล้ว ฉันเดินไปยังราวระเบียงห้องแล้วก้มหน้ามองด้านล่าง เหมือนฉันแค่เอื้อมมือออกไปก็จับยอดต้นไม้ได้แล้ว

ทันใดนั้นฉันรู้สึกอยากจับขึ้นมา เข้าใจว่าหากทำเช่นนี้จะสามารถลดความกดดันให้น้อยลงได้

ฉันจึงปีนข้ามราวระเบียงไป และในขณะที่ฉันกำลังจะไปแตะใบไม้พวกนั้น จู่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงเปิดประตูหน้าระเบียงหน้า จากนั้นสีชิงชวนก็วิ่งมาหาฉันอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเขาก็กระโดดข้ามราวระเบียงห้องแล้วหล่นลงไปด้วยความเร็วแสง

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

การฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นหรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)