ไม่นานคุณหมอก็มาถึง เป็นคนเดียวกันกับที่มาตรวจให้สีชิงชวนเมื่อตอนเย็น
มองออกเลยว่าเขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับสถานการณ์ที่พวกเราเปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนคน แต่อาการบาดเจ็บกับบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บกลับเหมือนกันทุกประการ
“คุณก็ตกลงมาจากต้นไม้เหมือนกันเหรอครับ? ”
“ห้องน้ำค่ะ” ฉันเอ่ยออกมาสั้นๆ แต่ได้ใจความ
“เอาหลังลงเหมือนกันเหรอครับ? ”
“ค่ะ”
ฉันนอนคว่ำหน้าอยู่อย่างนั้น คุณหมอลงมือเปิดเสื้อผ้าของฉันออก แต่สีชิงชวนยั้งเอาไว้ “มันไม่ค่อยสะดวกเหรอครับ? ”
“คุณชายสาม” คุณหมอหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “ถ้าคุณไม่ให้ผมดูแผลของเธอ แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าอาการบาดเจ็บของเธอเป็นยังไง? ”
“ผมจะบอกคุณเอง กระดูกสะบักบวมแดงแต่ผิวหนังไม่ได้เปิดออก กลางหลังมีรอยช้ำสองรอย ส่วนอาการบาดเจ็บตรงบริเวณเอวยังไม่แน่ชัด”
“ในเมื่ออาการบาดเจ็บไม่แน่ชัดแล้วจะให้วินิจฉัยยังไง? ”
“คุณคลำกระดูกดูก็พอแล้ว”
“คุณชายสาม” คุณหมอดูจนปัญญามาก “ผมตรวจแบบไม่มองไม่ได้จริงๆ ”
“งั้นก็หมายความว่าฝีมือการรักษาของคุณยังต้องการการปรับปรุงอยู่” สีชิงชวนเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
ฉันเจ็บปวดมากจนเหงื่อแทบจะไหลออกมาแล้ว แต่เขายังจะมาเถียงเรื่องพวกนี้กับหมออยู่อีก ฉันกล้ารับประกันเลยว่าเขาจงใจทำแบบนี้ ทำให้ฉันเจ็บปวดจนกลายมาเป็นแบบนี้
“สีชิงชวน คุณรู้วิธีการตรวจวินิจฉัยโรคเหรอ? อย่าทำให้คุณหมอเสียเวลาในการตรวจฉัน” ฉันเจ็บจนตอนที่พูดฉันก็จะต้องตะโกนออกมา ไม่อย่างนั้นมันจะพูดไม่ออก
ไม่เคยมีใครกล้าทำรุนแรงใส่สีชิงชวนมาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเจ็บมากจริงๆ ฉันเองก็คงไม่กล้าเหมือนกัน
ถ้าตามนิสัยเมื่อก่อนของสีชิงชวน เขาจะต้องดึงฉันขึ้นมาจากเตียงแล้วหมุนตัวสามร้อยหกสิบองศาจากนั้นก็โยนฉันออกนอกหน้าต่างไปเป็นแน่
แต่ในครั้งนี้กลับไม่ใช่อย่างนั้น คาดว่าน่าจะเป็นเพราะเขาเห็นฉันบาดเจ็บ ถ้าเขาโยนฉันออกไปก็จะไม่มีคนอยู่เล่นกับเขา
เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ และเงียบเสียงไปในที่สุด คุณหมอเปิดเสื้อผ้าของฉันออกเพื่อตรวจดูหลังของฉัน
“ล้มแรงมากครับ ผมขอดูหน่อยนะว่ากระดูกของคุณเป็นอะไรไหม”
“สวมถุงมือยางด้วย” สีชิงชวนที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นมาเสียงเย็น
“การสวมถุงมือยางจะทำให้ความรู้สึกที่เกิดในขณะที่ใช้มือสัมผัสแย่ลง”
“คุณมาตรวจกระดูกหรือว่ามาใช้มือลูบคลำหาความรู้สึก? ”
คุณหมอยอมประนีประนอม หมอสวมถุงมือยางเย็นๆ เข้าไปจากนั้นก็ตรวจดูกระดูกสันหลังและกระดูกบริเวณเอวของฉัน เนื้อสัมผัสของยางทำให้รู้สึกระคายผิวจริงๆ
สีชิงชวนก็ช่างเกินไปจริงๆ เวลาแบบนี้ยังจะมาแสดงอยู่อีก แสดงให้คุณหมอได้เห็นว่าเขาแคร์ฉันมากแค่ไหน
การประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์มาถึงจุดที่พิถีพิถันขนาดนี้แล้วเหรอนี่ ฉันคิดว่าภาพลักษณ์ของเขาจะถูกกอบกู้กลับคืนมาในไม่ช้า
“เจ็บไหมครับ? ” ขณะที่คุณหมอใช้มือคลึงลงไปที่จุดจุดหนึ่งก็เอ่ยถามฉันขึ้นมาด้วยความละเอียดรอบคอบ
“ไม่เจ็บค่ะ”
“ตรงนี้ล่ะ? ”
“ไม่เจ็บค่ะ”
“แล้วตรงนี้ล่ะ? ”
“เจ็บๆ ”
เมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็สรุปผลการวินิจฉันออกมาว่า “เป็นไปได้ว่ากระดูกสะบักอาจมีการแตกเล็กน้อย ไปเอ็กซเรย์ตรวดูที่โรงพยาบาลอีกทีน่าจะดีกว่าครับ”
สีชิงชวนลุกขึ้นมาจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วและโยนกุญแจรถไปให้หมอ “คุณขับรถพาพวกเราไป”
ฉันนอนคว่ำอยู่ก็เลยมองไม่เห็นหน้าของคุณหมอ แต่คิดว่าสีหน้าของเขาในเวลานี้จะต้องตะลึงงันอยู่แน่นอน
“คุณชายสาม คุณรู้ว่าผมไม่ได้ไปตรวจด้วย หลังจากพวกคุณตรวจเสร็จก็จะตรงไปรับการรักษาและรับยาที่โรงพยาบาลเลย”
“ผมก็ไม่ได้จะให้คุณไปตรวจกับพวกผมด้วย คุณก็แค่ไปเป็นคนขับรถเท่านั้น” สีชิงชวนเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงและมองมาที่ฉัน “คุณเดินเองไม่ได้ใช่ไหม? ”
“น่าจะนะ”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณตัวหนัก”
“แล้วตอนนี้ภรรยาของคุณอยู่ไหนล่ะ? ”
“ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตไปแล้วครับ”
ฉันนอนคว่ำอยู่จึงมองเห็นแค่ท้ายทอยของสีชิงชวน เขาไม่ได้ตอบกลับคุณหมอไป แต่จากท้ายทอยก็ดูออกแล้วว่าเขาพูดไม่ออก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสีชิงชวนนั่งที่นั่งข้างคนขับแล้วทำให้คุณหมอกดดันมากหรือเปล่า ตลอดทางเขาขับรถช้าเหมือนเต่า และยังส่ายไปมาอีกด้วย โดยภาพรวมแล้วเขาผ่านไฟเขียวทั้งหมดไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ต้องรออยู่หลายครั้งถึงจะผ่านไปได้
ฉันดีใจมากที่ฉันล้มแค่ที่หลัง ถ้าฉันล้มไปโดนจุดอื่นๆ ที่อันตรายถึงชีวิตละก็ คาดว่าน่าจะตายระหว่างทางได้
“เหล่าสวี” ในที่สุดสีชิงชวนก็ทนต่อไปไม่ไหว “สิ่งที่ผ่านรถของพวกเราไปเมื่อกี้คืออะไร? ”
คุณหมอสวีกำลังจดจ่ออยู่กับการขับรถ จากกระจกมองหลังทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขา เส้นเลือดปูดออกมาหมดแล้ว “อะไรนะครับ? ”
“รถไฟฟ้า กับรถมอเตอร์ไซค์หนึ่งคันไงคุณหมอ” น้ำเสียงของสีชิงชวนเหมือนเก็บอะไรไว้ในใจไม่ยอมพูดออกมา “รถไมบัคของผมถูกมอเตอร์ไซค์คันเล็กๆ คันหนึ่งแซงไปแล้ว”
“ผมขับเร็วไม่ได้ และโรงพยาบาลก็อยู่ไม่ไกล อาการบาดเจ็บของคุณนายสามก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร ช้าหน่อยก็ไม่ตายหรอกครับ”
“คุณขวางการจราจร”
“นี่มันกลางดึกแล้วและบนถนนก็ไม่มีรถ อันที่จริงนี่มันก็ดีมากเลยล่ะ” จู่ๆ คุณหมอสวีก็ดีใจขึ้นมา “ผมกำลังกลุ้มใจว่าไม่มีเวลาฝึกขับรถอยู่เลย ตอนนี้ก็สามารถฝึกได้พอดีเลย”
ฉันคิดว่าความโกรธของสีชิงชวนมาถึงจุดปะทุแล้ว ถ้าคุณหมอสวียังพูดต่อไปอีกละก็ เขาจะโกรธขึ้นมาแล้วนะ
แต่เป็นไปได้ว่าคุณหมอสวีกับสีชิงชวนน่าจะคุ้นเคยกันมาก ดังนั้นนิสัยของทั้งสองฝ่ายจึงเข้ากันได้เป็นอย่างดี
ฉันหลับตาลง ช่างมันแล้ว ช้าก็ช้า คุณหมอสวีพูดถูก อาการบาดเจ็บของฉันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร
“ถ้าคุณยังขับแบบนี้ต่อไปอยู่อีก กระดูกของเธอที่แตกออกก็คงจะหายดีแล้ว” สีชิงชวนเยาะเย้ย
“มันก็ไม่ได้ช้าขนาดนั้น ผ่านถนนเส้นนี้ไปก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว นั่นไง ย่าย่าย่าย่า ข้างหน้ามีคน มีคน...” คุณหมอสวีหวีดร้องเสียงแหลมขึ้นมาและเหยียบเบรกอย่างแรง ฉันที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเบาะด้านหลังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ ดังนั้นแรงกระแทกจึงทำให้ฉันกลิ้งตกลงไปจากเบาะที่นั่งด้านหลัง ฉันตกลงไปอนหงายท้องอยู่ในรถ
สีชิงชวนหันกลับมาดูฉัน ฉันตกลงมาจนเวียนหัวตาลายไปหมด และมองเห็นรางๆ ว่าสีหน้าของสีชิงชวนดูโมโหมาก
เขาลงจากรถเพื่อมาพาฉันลุกขึ้น ฉันติดอยู่ระหว่างเบาะหน้ากับเบาะหลัง เขาดึงฉันเหมือนดึงหัวไชเท้าอยู่นานถึงจะพาฉันออกมาได้
“สวีฮว่า” สีชิงชวนเอ่ยออกมาทีละคำ “คนเดินถนนคนนั้นอยู่ห่างจากพวกเราอย่างน้อยสามสิบเมตร จำเป็นต้องรีบเบรกไหม? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...